บาลีและสันสกฤต : Pali and Sanskrit
Permanent URI for this community
Browse
Browsing บาลีและสันสกฤต : Pali and Sanskrit by browse.metadata.researchtheme1 "สังคม เศรษฐกิจ การเมือง"
Now showing 1 - 7 of 7
Results Per Page
Sort Options
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์บทบาทของหญิงร้ายในชาตกัฏฐกถาพระมหาณรงค์ เพชรบุญดี; Petbundi, Phramaha Narong (1996)
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์เรื่อง การพนันในวรรณคดีสันสกฤตและวรรณคดีบาลีรัตน์ สนแก้ว; Sonkaw, Rut (1987)วิทยานิพนธ์นี้มุ่งศึกษาความ เป็นมา แนวความคิด และผลกระทบของการ เล่นการพนัน รวมทั้งความสำคัญของการพนัน ตามที่ปรากฏในวรรณคดีสันสกฤตและบาลี ข้อมูลของการวิจัย ได้จากคัมภีร์ฤคเวท อถรรพเวท มหาภารตะ ธรรมศาสตร์ อรรถศาสตร์ ทศกุมารจริต กถาสริตสาคร พระไตรปิฎก และชาตกัฎฐกถา เป็นต้น ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ทรรศนะ เรื่องการพนันมีมาตั้งแต่สมัยพระ เวทแล้ว โดยที่กระจัดกระจายอยู่ในคัมภีร์ต่างๆของอินเดีย การพนันถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผูกพันกับชีวิตประจำวัน ของชาวอินเดียมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมของชาวอินเดียในฐานะที่เป็นกีฬาบันเทิงของพระราชา แต่เป็นความชั่วร้ายในแง่ของศาสนา นักการพนันมีแรงจูงใจ 2 ประการ คือ แรงจูงใจภายในจิตใจของตน เอง และแรงจูงใจจากภายนอก คือการ เห็นสมบัติและทรัพย์สิน ของผู้อื่น การเล่นการพนันมีผลกระทบต่อนักการพนัน ครอบครัวของนักการพนัน และสังคม ในด้านต่างๆ หลายด้าน โดย เฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ ส่วนความสำคัญของการพนันนั้นขึ้น อยู่กับสิ่ง 3 สิ่ง คือ เทพเจ้า พิธีกรรม และผู้นำประเทศโดยสรุป คัมภีร์ต่างๆ ที่เป็นวรรณคดีสันสกฤตและบาลีแสดงให้เห็นถึงผลร้ายที่การพนัน มีต่อการดำเนินชีวิตของตัวบุคคล ครอบครัว และสังคม บุคคลจึงไม่ควรเล่นการพนันแม้เพียง เพี่อความสนุกสนาน มีข้อเสนอแนะให้มีการศึกษา เปรียบ เทียบ เรื่องกฎหมายว่าด้วยการพนันในคัมภีร์ ธรรมศาสตร์กับกฎหมายลักษณะการพนันของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์
- Publicationการศึกษาเปรียบเทียบเรื่องทาสในคัมภีร์พระไตรปิฎกเถรวาท คัมภีร์มานวธรรมศาสตร์และกฎหมายตราสามดวงทองสุข จารุเมธีชน; Jarumetheechon, Thongsookh (1984)
- Publicationบทบาทของสตรีในวรรณคดีบาลีเปรม หิมจันทร์; Himachandra, Prem (1978)
- Publicationบทบาทและฐานะสตรีในมหาภารตะภิญโญ บุญทอง; Boonthong, Pinyo (1980)วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษารวบรวมและวิเคราะห์เรื่องราวของสตรี เกี่ยวกับพฤติกรรม และบทบาทตามฐานะต่างๆ จากกาพย์มหาภารตะ วิทยานิพนธ์แบ่งออกเป็น 4 บท บทแรกเป็นบทนำ ซึ่งกล่าวถึงความเป็นมาของปัญหา ตลอดจนวิธีดำเนินการวิจัย บทที่ 2 กล่าวถึงเรื่องมหาภารตะ โดยแยกกล่าวเป็น 3 หัวข้อ คือ ความเป็นมายุคสมัยของการแต่ง ตัวเรื่อง และแบบลักษณะทั่วๆไปของสตรี บทที่ 3 กล่าวถึงบทบาทสตรีในฐานะลูก คนรัก ภรรยา สะใภ้ มารดา ชู้ และผู้บำเพ็ญพรต บทที่ 4 เป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะ ผลการวิจัยทำให้ทราบว่า สตรีในมหาภารตะ เมื่อพิจารณาจากความเป็นมาต่างๆ แล้ว แบ่งออกเป็น 5 ประเภทคือ ประเภทที่ 1 เทวี และสตรีที่เป็นบุคคลาธิษฐาน กวีตั้งขึ้นจากธรรมชาติ นามธรรม และอาการนาม ประเภทที่ 2 เทวี ผู้เป็นชายาของเทวะ และเทพธิดา ประเภทที่ 3 นางอัปสร ประเภทที่ 4 สตรีที่ให้กำเนิดสัตว์ พืช และที่เป็นลูกเมียของสัตว์ ประเภทที่ 5 นางมนุษย์ ประเภทนี้ผู้วิจัยได้หยิบยกสตรีที่สำคัญๆ มาศึกษาวิจัยตามฐานะต่างๆ อีกครั้งหนึ่งด้วย
- Publicationวรรณะศูทรในสมัยพระเวทจริยา เจรีรัตน์; Jereerad, Jariya (1979)วิทยานิพนธ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษารวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณะศูทร ในสมัยพระเวท คือ นับตั้งแต่สมัยแรกที่ชาวอารยันอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย เมื่อประมาณ 3500 ปีมาแล้ว จนกระทั่งชาวอารยันเหล่านี้ได้อพยพไปทางทิศตะวันออกและตังหลักแหล่งอยู่ในบริเวณที่ราบตอนกลางของประเทศ ในสมัยดังกล่าวนี้ปรากฏว่า วรรณะศูทรเป็นวรรณะที่สี่ของสังคมอินเดีย และมีเรื่องราวกล่าวถึงในคัมภีร์ต่างๆ ในสมัยนั้น นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังได้รวบรวมข้อมูลและแนวความคิดต่างๆเกี่ยวกับระบบวรรณะ และโดยเฉพาะวรรณะศูทรเท่าที่จะค้นได้จากคัมภีร์พระไตรปิฎก และได้ค้นคว้าศึกษาบทความและแนวความคิดเห็นต่างๆ ของนักปราชญ์สมัยปัจจุบัน ทั้งชาวอินเยและชาวต่างประเทศอื่นๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับแนวความคิดที่ปรากฏในวรรณคดีสันสกฤตโดยตรง เพื่อทำให้ความรู้ที่ได้เกี่ยวกับวรรณะศูทรสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ วิทยานิพนธ์นี้แบ่งออกเป็น 5 บท บทแรกเป็นบทนำ กล่าวถึงหัวข้อวิทยานิพนธ์ความเป็นมาของปัญหา และวิธีดำเนินการวิจัย บทที่ 2 กล่าวถึงระบบวรรณะของสังคมอินเดียโดยสังเขป ปละประวัติความเป็นมาของวรรณะศูทร บทที่ 3 วิเคราะห์ฐานะทางสังคมของวรรณะศูทร จากคัมภีร์สังหิตา หราหมณะ อุปนิษัท และคัมภีร์สูตรต่างๆ รวมทั้งเสนอความคิดเกี่ยวกับระบบวรรณะ และวรรณะศูทร จากคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา คือ พระไตรปิฎก บทที่ 4 กล่าวถึงชีวิตวามเป็นอยู่ หน้าที่อาชีพ การแต่งงาน ตลอดจนอุดมคติในการดำเนินชีวิตของศูทร บทสุดท้ายเป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะ โดยที่วิทยานิพนธ์เรื่องนี้เป็นผลการศึกษาและวิจัยเรื่องของวรรณะศูทรจาก วรรณคดีสันสกฤตที่เป็นผลงานของบุคคลในวรรณะพราหมณ์ และเป็นงานที่ถือเอาศาสนาเป็นแกนกลาง ผู้วิจัยจึงเสนอให้มีการศึกษาเรื่องราวของวรรณะศูทรจากวรรณคดีสันสกฤตอื่นๆ ที่ผู้ประพันธ์อาศัยหลักการอื่นที่มิใช่ศาสนาเป็นหลักสำคัญ เช่น อรรถศาสตร์ที่เกาฏิลยะเป็นผู้แต่ง หรือจากวรรณคดีบาลี เช่น อรรถกถาธรรมบทและชาดก เป็นต้น งานวิจัยเรื่องนี้แสดงว่า ศูทรส่วนใหญ่ของอินเดียสมัยโบราณเป็นชาวพื้นเมืองอินเดียที่ต้องตกเป็นเชลยของชาวอารยัน ชนพวกนี้ในครั้งนั้นมีอารยธรรมสูงกว่าชาวอารยัน และมีรูปร่างลักษณะต่างกับชาวอารยันโดยเฉพาะที่มีกล่าวในวรรณคดีสันสกฤต คือมีผิวดำ และจมูกแบน ชนพวกนี้ต้องเข้ามาอยู่ร่วมในสังคมอารยันในฐานะทาส แต่ก็ถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมพิธีทางศาสนา การแต่งงานระหว่างบุคคลในวรรณะศูทรกับชาวอารยันก็ถูกห้ามอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ ศูทรยังถูกจำกัดสิทธิและถูกบีบคั้นนานาประการ อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อความบางตอนที่แสดงถึงความเห็นใจศูทรอยู่บ้าง เช่น ศูทรที่อยู่กับนายมานานแล้ว เมื่อแก่ตัวลงผู้เป็นนายก็จะต้องให้ความอุปการะเลี้ยงดู ส่วนฐานของศูทรในสังคมพุทธศาสนาโดยทั่วไปแล้ว ดีกว่าที่ปรากฏในวรรณคดีสันสกฤตมาก
- Publicationสิทธิสตรีตามกฎหมายมรดกในคัมภีร์ธรรมศาสตร์บุณฑริกา บุญโญ; ชานป์วิชช์ ทัดแก้ว; Boonyo, Boondarika; Tudkeao, Chanwit (2016)บทความนี้มุ่งศึกษาและเปรียบเทียบสิทธิสตรีตามกฎหมายมรดกในคัมภีร์ธรรมศาสตร์ 4 ฉบับ โดยแบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ สถานะในครอบครัว สิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สิน และสิทธิ์การรับมรดก ผลการศึกษาพบว่าสตรีมีสิทธิ์เปลี่ยนสถานะในครอบครัวได้ โดยที่ยังได้รับการดูแลจากบุรุษตลอดชีวิต มีสิทธิ์ได้ครอบครองทรัพย์สินส่วนตัวที่เรียกว่า “สตรีธนะ” ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่สตรีเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ครอบครอง และมีสิทธิ์ได้รับมรดกในกรณีที่ผู้ตายไม่มีบุตรโดยจะแบ่งสิทธิ์ตามสถานะของนาง ภรรยาจะได้รับมรดกของสามี ธิดาได้รับมรดกของบิดา และมารดาได้รับมรดกของบุตรชาย