Publication: Rewriting Genders, Revising Genres: Reading Angela Carter’s “The Bloody Chamber” as a Female Bildungsroman
Submitted Date
Received Date
Accepted Date
Issued Date
2014
Copyright Date
Announcement No.
Application No.
Patent No.
Valid Date
Resource Type
Edition
Resource Version
Language
en
File Type
No. of Pages/File Size
ISBN
ISSN
0859-9920
eISSN
DOI
Scopus ID
WOS ID
Pubmed ID
arXiv ID
item.page.harrt.identifier.callno
Other identifier(s)
Journal Title
Manusya, Journal of Humanities
Volume
17
Issue
2
Edition
Start Page
50
End Page
72
Access Rights
Access Status
Rights
Rights Holder(s)
Physical Location
Bibliographic Citation
Research Projects
Organizational Units
Authors
Journal Issue
Title
Rewriting Genders, Revising Genres: Reading Angela Carter’s “The Bloody Chamber” as a Female Bildungsroman
Alternative Title(s)
อ่านเรื่องสั้น เดอะ บลัดดี้ เชมเบอร์ โดย แองเจลา คาร์เทอร์ ผ่านประเด็นเพศสภาวะ การจำแนกประเภทวรรณกรรม และในฐานะวรรณกรรมพัฒนาการตัวละครหญิง
Author(s)
Author’s Affiliation
Author's E-mail
Editor(s)
Editor’s Affiliation
Corresponding person(s)
Creator(s)
Compiler
Advisor(s)
Illustrator(s)
Applicant(s)
Inventor(s)
Issuer
Assignee
Other Contributor(s)
Series
Has Part
Abstract
Built on the storyline of the traditional fairy tale “Bluebeard,” Angela Carter’s short story “The Bloody Chamber” (1979) contains striking alterations in the use of the first-person narrator, ambivalent and complex characterization, explicit sexual description and a revised ending; all of which have given rise to heated arguments among feminist scholars and literary critics. This paper relies on a close reading analysis and engages in the ongoing discussions by considering the problematic categorization of the story—as a fairy tale, a pornographic fiction, a gothic horror, and especially as a bildungsroman novel—in relation to several gender aspects such as power relations between the sexes, the concept of gaze, sadomasochism and the representation of men and women and their relationship. By focusing on gender issues in the short story and using the narrative structures of these genres as a framework, Carter’s ingenious revision of the norms becomes a sharper critique of the restrictions of the traditional genres, as well as the oppressive social and patriarchal ideologies hidden in them. Also, the study reveals how the short story can be a totally different read with the education of the female narrator at the center because the lesson learnt is not a reproof of female curiosity as the traditional “Bluebeard” endeavors to deliver but is her own sexual awareness, readjustment of certain values and the realization of female bonding and realizable autonomy outside the conventional realm of matrimony.
แองเจลา คาร์เทอร์ เขียนเรื่องสั้น เดอะ บลัคดี้ เชมเบอร์ โดยรับเอาโครงเรื่องจากนิทานเก่าแก่เรื่องบลูเบียร์ด แต่เปลี่ยนแปลงรายละเอียดสำคัญหลายจุดตั้งแต่เปลี่ยนการใช้เสียงเล่าเรื่องเป็นบุคคลที่หนึ่ง การสร้างตัวละครให้มีความซับซ้อน การบรรยายเรื่องเพศอย่างเปิดเผย ไปจนถึงตอนจบแบบใหม่ ทั้งหมดนี้ล้วนนำไปสู่ข้อโต้แย้งอย่างดุเดือดระหว่างนักวิจารณ์วรรณกรรมและนักสตรีนิยมตั้งแต่เมื่อเรื่องสั้นได้รับการตีพิมพ์ในปี 1979 จวบจนปัจจุบัน บทความนี้เขียนขึ้นโดยอ่านตัวบทอย่างใกล้ชิดและมีส่วนร่วมกับข้อโต้แย้งต่างๆ ที่เคยมีมา ผู้เขียนวิเคราะห์งานชิ้นนี้ในฐานะวรรณกรรมประเภทต่างๆ ได้แก่ เทพนิยาย สื่อลามก เรื่องสยองขวัญหรือโกธิก (gothic) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะวรรณกรรมพัฒนาการตัวละครหญิง (female bildungsroman) เชื่อมโยงกับประเด็นทางเพศ เช่น ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างเพศ การจ้องมองซาดิสม์/มาโซคิสม์ (sadism/ masochism) และการให้ภาพตัวละครชาย-หญิงอันรวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างกัน เป็นต้น เมื่อพิจารณาประเด็นเพศสถานะและการจำแนกประเภทวรรณกรรมเป็นพิเศษ ผู้อ่านจะพบว่าเรื่องสั้นที่คาร์เทอร์ดัดแปลงจากนิทานเก่าอย่างแยบยลนั้นกลายเป็นเครื่องมือที่แหลมคมย่างยิ่งในการวิพากษ์ข้อจำกัดของขนบวรรณกรรมประเภทต่างๆ ที่ยอมรับและซ่อนเร้น การกดขี่ทางสังคมและอุดมการณ์ชายเป็นใหญ่มาโดยตลอด นอกจากนี้บทความชิ้นนี้ยังเปิดเผยให้เห็นว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้สามารถให้บทเรียนที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากการประณามความใคร่รู้ในสตรี ตามที่นิทานเรื่องบลูเบียร์ดพยายามพร่ำสอน สู่การชี้นำให้ผู้หญิงตระหนักรู้เกี่ยวกับเพศวิถีของตนเอง ให้ปรับเปลี่ยนค่านิยมและให้เข้าใจถึงความผูกพันระหว่างสตรีเพศ (female bonding) และอิสรภาพที่พวกเธอสามารถเข้าถึงได้นอกกรอบการแต่งงานตามขนบด้วย
แองเจลา คาร์เทอร์ เขียนเรื่องสั้น เดอะ บลัคดี้ เชมเบอร์ โดยรับเอาโครงเรื่องจากนิทานเก่าแก่เรื่องบลูเบียร์ด แต่เปลี่ยนแปลงรายละเอียดสำคัญหลายจุดตั้งแต่เปลี่ยนการใช้เสียงเล่าเรื่องเป็นบุคคลที่หนึ่ง การสร้างตัวละครให้มีความซับซ้อน การบรรยายเรื่องเพศอย่างเปิดเผย ไปจนถึงตอนจบแบบใหม่ ทั้งหมดนี้ล้วนนำไปสู่ข้อโต้แย้งอย่างดุเดือดระหว่างนักวิจารณ์วรรณกรรมและนักสตรีนิยมตั้งแต่เมื่อเรื่องสั้นได้รับการตีพิมพ์ในปี 1979 จวบจนปัจจุบัน บทความนี้เขียนขึ้นโดยอ่านตัวบทอย่างใกล้ชิดและมีส่วนร่วมกับข้อโต้แย้งต่างๆ ที่เคยมีมา ผู้เขียนวิเคราะห์งานชิ้นนี้ในฐานะวรรณกรรมประเภทต่างๆ ได้แก่ เทพนิยาย สื่อลามก เรื่องสยองขวัญหรือโกธิก (gothic) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะวรรณกรรมพัฒนาการตัวละครหญิง (female bildungsroman) เชื่อมโยงกับประเด็นทางเพศ เช่น ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างเพศ การจ้องมองซาดิสม์/มาโซคิสม์ (sadism/ masochism) และการให้ภาพตัวละครชาย-หญิงอันรวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างกัน เป็นต้น เมื่อพิจารณาประเด็นเพศสถานะและการจำแนกประเภทวรรณกรรมเป็นพิเศษ ผู้อ่านจะพบว่าเรื่องสั้นที่คาร์เทอร์ดัดแปลงจากนิทานเก่าอย่างแยบยลนั้นกลายเป็นเครื่องมือที่แหลมคมย่างยิ่งในการวิพากษ์ข้อจำกัดของขนบวรรณกรรมประเภทต่างๆ ที่ยอมรับและซ่อนเร้น การกดขี่ทางสังคมและอุดมการณ์ชายเป็นใหญ่มาโดยตลอด นอกจากนี้บทความชิ้นนี้ยังเปิดเผยให้เห็นว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้สามารถให้บทเรียนที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากการประณามความใคร่รู้ในสตรี ตามที่นิทานเรื่องบลูเบียร์ดพยายามพร่ำสอน สู่การชี้นำให้ผู้หญิงตระหนักรู้เกี่ยวกับเพศวิถีของตนเอง ให้ปรับเปลี่ยนค่านิยมและให้เข้าใจถึงความผูกพันระหว่างสตรีเพศ (female bonding) และอิสรภาพที่พวกเธอสามารถเข้าถึงได้นอกกรอบการแต่งงานตามขนบด้วย