Publication: คัมภีร์สุตตสังคหะ : การปริวรรต การแปล และการวิเคราะห์
Submitted Date
Received Date
Accepted Date
Issued Date
2016
Copyright Date
Announcement No.
Application No.
Patent No.
Valid Date
Resource Type
Edition
Resource Version
Language
th
File Type
No. of Pages/File Size
ISBN
ISSN
eISSN
DOI
Scopus ID
WOS ID
Pubmed ID
arXiv ID
item.page.harrt.identifier.callno
Other identifier(s)
Journal Title
Volume
Issue
Edition
Start Page
End Page
Access Rights
Access Status
Rights
Rights Holder(s)
Physical Location
Bibliographic Citation
Research Projects
Organizational Units
Authors
Journal Issue
Title
คัมภีร์สุตตสังคหะ : การปริวรรต การแปล และการวิเคราะห์
Alternative Title(s)
Suttasangaha: Transliteration Translation and Analysis
Author(s)
Author’s Affiliation
Author's E-mail
Editor(s)
Editor’s Affiliation
Corresponding person(s)
Creator(s)
Compiler
Advisor(s)
Illustrator(s)
Applicant(s)
Inventor(s)
Issuer
Assignee
Other Contributor(s)
Series
Has Part
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ (๑) เพื่อศึกษาวิเคราะห์คัมภีร์สุตตสังคหะในด้านประวัติผู้เรียบเรียง โครงสร้าง เนื้อหา ลักษณะการประพันธ์ สำนวนภาษาและการจารลงใบลาน (๒) เพื่อปริวรรตคัมภีร์สุตตสังคหะจากต้นฉบับภาษาบาลีอักษรขอมเป็นภาษาบาลีอักษรไทย และแปลเป็นภาษาไทย (๓) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ความสอดคล้องสัมพันธ์กันของพระสูตรที่ท่านเรียบเรียงในคัมภีร์สุตตสังคหะ เป็นการวิจัยเชิงเอกสารโดยมีวิธีดำเนินการวิจัยคือ นำคัมภีร์สุตตสังคหะที่เป็นภาษาบาลีอักษรขอมฉบับหอสมุดแห่งชาติปริวรรตให้เป็นบาลีอักษรไทยและแปลเป็นภาษาไทย มีการวิเคราะห์คัมภีร์ในด้านประวัติผู้เรียบเรียง โครงสร้าง เนื้อหา ลักษณะการประพันธ์ สำนวนภาษา และการจารลงใบลาน วิเคราะห์ความสอดคล้องสัมพันธ์กันของพระสูตร และวิเคราะห์คุณค่าทางสังคมในคัมภีร์ ผลการวิจัยพบว่า คัมภีร์สุตตสังคหะ เป็นคัมภีร์ว่าด้วยการรวบรวมพระสูตร แต่งโดยพระอริยวังสเถระชาวพม่าขณะที่อยู่ในสำนักมหาวิหาร ไม่ได้เป็นพระพุทธพจน์โดยตรง ในประเทศพม่าให้การยกย่องเทียบกับพระไตรปิฎกจัดอยู่ในกลุ่มพระสุตตันตปิฎก คัมภีร์สุตตสังคหะอักษรขอมที่ใช้ในการบริวรรต เป็นฉบับหอสมุดแห่งชาติ จำนวน ๘ ผูก มีการแบ่งโครงสร้างออกเป็นหมวดหมู่ ๗ คือ (๑) พระสูตรที่พรรณนาเรื่องทาน ๖ สูตร (๒) พระสูตรที่พรรณนาเรื่องศีล ๖ สูตร (๓) พระสูตรที่พรรณนาเรื่องสวรรค์ ๕ สูตร (๔) พระสูตรที่พรรณนาเรื่องโทษของกามคุณ ๕ สูตร (๕) พระสูตรที่พรรณนาเรื่องกิจของฆราวาส ๓๑ สูตร (๖) พระสูตรที่พรรณนาเรื่องการอนุโมทนา ๑๔ สูตร และ (๗) พระสูตรที่พรรณนาเรื่องข้อปฏิบัติของบรรพชิต ๑๘ สูตร รวมเป็น ๘๕ สูตร มีลักษณะการประพันธ์ ๒ แบบคือ (๑) การประพันธ์แบบร้อยแก้ว (๒) การประพันธ์แบบร้อยกรอง มีสำนวนภาษาที่ใช้ ๓ ส่วนคือ (๑) วิธีการใช้นามศัพท์ (๒) วิธีการใช้กิริยาศัพท์ (๓) วิธีการใช้อัพยยศัพท์ มีการจารเป็นบาลีอักษรขอมลงในใบลานและการเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ มีชื่อว่า คัมภีร์สุตตสังคหะ เพราะยุคนั้นไม่มีตัวพิมพ์อักษรขอม ผู้วิจัยได้ทำการปริวรรตจากบาลีอักษรขอมเป็นบาลีอักษรไทย และแปลเป็นภาษาไทยเสร็จเรียบรอยแล้ว วิเคราะห์ความสอดคล้องสัมพันธ์กันของพระสูตรที่ท่านเรียบเรียงในคัมภีร์สุตตสังคหะ แบ่งออกเป็น ๘ ผูกเช่น (๑) ผูกที่ ๑ พระอริยวงส์พระเถระชาวพม่าได้แต่งคัมภีร์สุตตสังคหะมีความสอดคล้องกับพระไตรปิฎก และอรรถกถา โดยนำคำสำคัญในพระไตรปิฎกมาอธิบายในอรรถกถา และคัมภีร์ฎีกาให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นเช่น ในกาลทานสูตร คำว่า กาลทาน ในอรรถกถาอธิบายว่า กาลทาน หมายถึง ยุตตทาน คือ การให้ที่เหมาะสม (๒) ผูกที่ ๒ เช่น อุปาสกจัณฑาลสูตร คำว่า อุบาสกน่ารังเกียจ ในอรรถกถาอธิบายว่า อุบาสกน่ารังเกียจ หมายถึง อุบาสกชั้นเลว (๓) ผูกที่ ๓ เช่น ในฉัตตมาณวกวิมาน คำว่า กามราคานุสัย ในอรรถกถาอธิบายว่า กามราคานุสัย หมายถึง กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน (๔) ผูกที่ ๔ เช่น ในเทวทูตสูตร คำว่า นายนิรยบาล ในอรรถกถาอธิบายว่า นายนิรยบาล หมายถึง ผู้ทำหน้าที่ลงโทษสัตว์นรกเป็นต้น (๕) ผูกที่ ๕ เช่น ในสูกรโปติกาวัตถุ คำว่า ตัณหา ๓๖ สาย ในอรรถกถาอธิบายว่า ตัณหา ๓๖ สาย ได้แก่ ตัณหา ๓ (กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา) อาศัยอายตนะภายใน ๖ (๓ x ๖ = ๑๘) อาศัยอายตนะภายนอก ๖ (๓ x ๖ = ๑๘) ได้กระแส ๓๖ สาย (๖) ผูกที่ ๖ เช่น ในโลกานุวิจรณมหาราชสูตร คำว่า อยู่จำอุโบสถ ในอรรถกถาอธิบายว่า อยู่จำอุโบสถ หมายถึง อธิษฐานอยู่จำอุโบสถศีล คือ ศีล ๘ เดือนละ ๘ ครั้ง (๗) ผูกที่ ๗ เช่น ในมหาสมยสูตร คำว่า เมตตาและกรุณา ในอรรถกถาอธิบายว่า เมตตาและกรุณา หมายถึง เหล่าเทพเทวดาที่เกิดด้วยอำนาจเมตตาฌานและกรุณาฌานที่เคยบำเพ็ญมา (๘) ผูกที่ ๘ เช่น ในตุวฏกสูตร คำว่า รากเหง้าแห่งกิเลสเครื่องเนิ่นช้า ในอรรถกถาอธิบายว่า รากเหง้าของส่วนแห่งธรรมเป็นเครื่องเนิ่นช้า หมายถึง อวิชชา อโยนิโสมนสิการ อัสมิมานะ อหิริกะ อโนตตัปปะ และอุทธัจจะ เป็นต้น วิเคราะห์คุณค่าทางสังคมในคัมภีร์สุตตสังคหะ แบ่งออกเป็น (๑) คุณค่าทางสังคมเรื่องทาน (การให้) มี ๖ สูตร เช่น ในกาลทานสูตรเป็นต้น เพราะทาน หรือ การให้เป็นเบื้องต้นของการเสียสละของบุคคลในสังคม เมื่อมีการให้สังคมก็จะมีความรักความเมตตาต่อกัน (๒) คุณค่าทางสังคมเรื่องศีล (ศีลธรรม) มี ๖ สูตร เช่น ในมหานามสูตรเป็นต้น เพราะถ้าบุคคลรักษาศีล ๕ หรือ ศีล ๘ สังคมจะมีแต่ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป (๓) คุณค่าทางสังคมเรื่องทางแห่งสวรรค์ (ทางแห่งความดี) มี ๕ สูตร เช่น ในธัมมหทยวิภังคสูตรเป็นต้น เพราะถ้าบุคคลถวายทาน รักษาศีล ๘ จะเป็นทางที่จะดำเนินไปสู่สวรรค์อันเป็นคุณค่าทางสังคมโดยส่วนรวม (๔) คุณค่าทางสังคมเรื่องโทษของกามคุณ (ทางแห่งกามคุณ) มี ๕ สูตร เช่น ในเทวทูตสูตรเป็นต้น เพราะถ้าบุคคลประพฤติอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ จะเป็นทางที่จะดำเนินไปสู่ความเสื่อม (นรก) อันไม่เป็นคุณค่าทางสังคมโดยส่วนรวม (๕) คุณค่าทางสังคมเรื่องกิจของฆราวาส (หน้าที่ของชาวบ้าน) มี ๓๑ สูตร เช่น ในปราภวสูตรเป็นต้น เพราะถ้าบุคคลไม่เลี้ยงดูมารดาบิดาซึ่งเป็นหน้าที่ของตน เป็นทางที่จะดำเนินไปสู่ความไม่เสื่อม (นรก) อันไม่เป็นคุณค่าทางสังคมโดยส่วนรวม ในทางตรงกันข้าม ถ้าบุคคลเลี้ยงดูมารดาบิดาก็จะมีความเจริญไม่มีความเสื่อมเลย (๖) คุณค่าทางสังคมเรื่องการอนุโมทนา (บุญ) มี ๑๔ สูตร เช่น ในนิธิกัณฑสูตรเป็นต้น เพราะถ้าบุคคลจำแนกทานแล้วให้ในบุคคลต่างๆ เป็นทางที่จะดำเนินไปสู่ความเจริญ อันเป็นคุณค่าทางสังคมโดยส่วนรวม บุคคลนั้นจะมีแต่ความสุข เมื่อละโลกนี้ไปแล้วจะได้เกิดในสวรรค์ (๗) คุณค่าทางสังคมเรื่องข้อปฏิบัติของบรรพชิต (หน้าที่ของบรรพชิต) มี ๑๘ สูตร เช่น ในอันธกวินทสูตรเป็นต้น เพราะถ้าภิกษุผู้บวชใหม่ดำรงอยู่ในธรรม ๕ ประการ เช่น สำรวมในปาฏิโมกขสังวรศีล เป็นทางที่จะดำเนินไปสู่ความเจริญอันเป็นคุณค่าทางสังคมและทางพระพุทธศาสนาโดยส่วนรวม
This research is of three objectives: 1) to study Suttasangaha in terms of the history of an arranger, its structure, contents, characteristic of compilation, literary style and its inscription on palm leaves, 2) to transliterate Suttasangaha from the original Pāli in Khmer to Pāli in Thai language and then to translate it into Thai language and 3) to analytically study its consistency with the Sutta compiled in Suttasangaha. The research type is documentary. Researcher had taken original Sattasangaha scripture written in Khmer-pāli from national library then transliterated into Thai-pāli finally again translated into Thai language. An analysis of biography of author, its structure, contents, characteristic of compilation, literary style, inscription on palm leaves, its consistency with Sutta and social value found in scripture were included. The research findings were that Suttasangaha is the scripture in which Suttas were compiled by a Myanmar Buddhist monk named Ariyavangsa while living in Mahāvihāra about 13th century A.D.; it was not included in Buddha’s teachings. In Myanmar, it has been honoured as same category of Tipitaka, grouped in Suttanta Tipitaka. This Suttasangaha, composed of 8 volumes, taken from national library has been classified into 7 groups: 1) 6 Suttas are concerned with giving, 2) 6 Suttas are focused on precepts, 3) 5 Suttas are devoted to explanation of heaven, 4) 5 Suttas are referred to harmful aspects of sensual pleasure, 5) 31 Suttas are concerned with householders’ activities, 6) 14 Suttas are explained about rejoice of merit and 7) 18 Suttas are focused on the ascetic practices. Totally 85 Suttas are calculated. Its characteristic of compilation contains 2 types; 1) prose and 2) poem. It has 3 literary styles; 1) usage of nouns 2) usage verbs and 3) usage of indeclinable vocabulary. The inscription with Khmer-pali characters has been written on palm leaves preserved in national library of Thailand named as Suttasangaha. Researcher had transliterated from Khmer-pali version into Thai-pali then finally translated into Thai language again. In the analysis of its consistency of Suttas compiled in Suttasangaha, 8 volumes have been divided into; 1) in the first volume, Suttasangaha compiled by a Myanmar Buddhist monk named Ariyavngsa obviously showed its consistency with Tipitaka, commentaries by selecting significant words in Tipitaka to explain in commentaries and sub-commentaries which provide clear comprehension for example in Kāladānasutta, the word ‘Kāladāna’ etymologically signifies ‘Yuttadāna’ in commentaries which means the proper giving, 2) in second volume such as Upāsakacaṇḍhālasutta, the word ‘Ugly Upāsaka’ etymologically means the worst Upāsaka in commentaries, 3) In third volume such as Chattamāṇvakavimāna, the word ‘Kāmarāgānusaya’ refers to defilement in inborn trait in commentary, 4) In fourth volume such as Devadūtasutta, the word ‘Nirayapāla’ means a person who performs his duty on punishing men in hell, 5) In fifth volume such as Sūkarapotikāvattu, in commentaries, the word ‘36 kinds of thirst’ refers to three types of craving (Sensual craving, existence craving, non-existence craving) hinging on 6 internal sense-fields (3x6=18), hinging on 6 external sense-fields (3x6=18) totally 36 streams, 6) In sixth volume, in Lokānuvicaraṇamahārājasutta, in commentaries, word ‘observing of Uposatha’ means making resolution in taking precepts; 8 precepts, 8 times in a month, 7) In seventh volume, in Mahāsamayasutta, word ‘Mettā and Karuṇā’ means deities who were born by power of loving-kindness and compassion meditation cultivated in previous lives, 8) In eighth volume, in Tuvaṭakasutta, the word ‘roots of diversified defilement’ means the root of diffuse Dhamma, it basically refers to ignorance, distracted attention, pride of self, non-moral shame, non-moral fear and distraction etc. In analysis of social value in Suttasangaha, it was divided into;1) 6 Suttas are concerned with social value on giving (dāna) such as in Kāladānasutta, this giving moral is basic sacrifice of people in society. With giving, loving-kindness will grow peaceful society, 2) 6 Suttas are focused on social value on precepts (morality) such as Mahānāmasutta. It is true that moral people with five or eight precepts will develop society in correct way, 3) 5 Suttas are devoted to social value on ways of heaven (good ways) such as Dhammahadayavibhangasutta, it shows that those who always give and observe eight precepts will reach heaven or developed world, 4) 5 Suttas are explained in social value on disadvantages of sensual pleasure such as Devadūtasutta presents ways to avoid 10 unwholesome actions which leads to decline or even the worst to society, 5) 31 Suttas are concerned with social value on householders’ activities or duties of people such as Parābhavasutta etc. it presents duty of children to take care their parents which lead to no degradation, in opposite with looking after their parents, children will gain a lot of advantages, 6) 14 Suttas are focused on social value in rejoice on merit such as Nidhikaṇḍhasutta presents the kinds of persons who should be offered in order develop themselves which provide social value. They will be happy in this world and next life, 7) 18 Suttas are explained in social value on ascetic practices or duty of ascetics such as Andhakavintasutta advises new ordained Bhikkhus to follow 5 dhammas such as restraint by the monastic code of discipline etc. which lead to development and prosperity. This signifies great values to society and Buddhism.
This research is of three objectives: 1) to study Suttasangaha in terms of the history of an arranger, its structure, contents, characteristic of compilation, literary style and its inscription on palm leaves, 2) to transliterate Suttasangaha from the original Pāli in Khmer to Pāli in Thai language and then to translate it into Thai language and 3) to analytically study its consistency with the Sutta compiled in Suttasangaha. The research type is documentary. Researcher had taken original Sattasangaha scripture written in Khmer-pāli from national library then transliterated into Thai-pāli finally again translated into Thai language. An analysis of biography of author, its structure, contents, characteristic of compilation, literary style, inscription on palm leaves, its consistency with Sutta and social value found in scripture were included. The research findings were that Suttasangaha is the scripture in which Suttas were compiled by a Myanmar Buddhist monk named Ariyavangsa while living in Mahāvihāra about 13th century A.D.; it was not included in Buddha’s teachings. In Myanmar, it has been honoured as same category of Tipitaka, grouped in Suttanta Tipitaka. This Suttasangaha, composed of 8 volumes, taken from national library has been classified into 7 groups: 1) 6 Suttas are concerned with giving, 2) 6 Suttas are focused on precepts, 3) 5 Suttas are devoted to explanation of heaven, 4) 5 Suttas are referred to harmful aspects of sensual pleasure, 5) 31 Suttas are concerned with householders’ activities, 6) 14 Suttas are explained about rejoice of merit and 7) 18 Suttas are focused on the ascetic practices. Totally 85 Suttas are calculated. Its characteristic of compilation contains 2 types; 1) prose and 2) poem. It has 3 literary styles; 1) usage of nouns 2) usage verbs and 3) usage of indeclinable vocabulary. The inscription with Khmer-pali characters has been written on palm leaves preserved in national library of Thailand named as Suttasangaha. Researcher had transliterated from Khmer-pali version into Thai-pali then finally translated into Thai language again. In the analysis of its consistency of Suttas compiled in Suttasangaha, 8 volumes have been divided into; 1) in the first volume, Suttasangaha compiled by a Myanmar Buddhist monk named Ariyavngsa obviously showed its consistency with Tipitaka, commentaries by selecting significant words in Tipitaka to explain in commentaries and sub-commentaries which provide clear comprehension for example in Kāladānasutta, the word ‘Kāladāna’ etymologically signifies ‘Yuttadāna’ in commentaries which means the proper giving, 2) in second volume such as Upāsakacaṇḍhālasutta, the word ‘Ugly Upāsaka’ etymologically means the worst Upāsaka in commentaries, 3) In third volume such as Chattamāṇvakavimāna, the word ‘Kāmarāgānusaya’ refers to defilement in inborn trait in commentary, 4) In fourth volume such as Devadūtasutta, the word ‘Nirayapāla’ means a person who performs his duty on punishing men in hell, 5) In fifth volume such as Sūkarapotikāvattu, in commentaries, the word ‘36 kinds of thirst’ refers to three types of craving (Sensual craving, existence craving, non-existence craving) hinging on 6 internal sense-fields (3x6=18), hinging on 6 external sense-fields (3x6=18) totally 36 streams, 6) In sixth volume, in Lokānuvicaraṇamahārājasutta, in commentaries, word ‘observing of Uposatha’ means making resolution in taking precepts; 8 precepts, 8 times in a month, 7) In seventh volume, in Mahāsamayasutta, word ‘Mettā and Karuṇā’ means deities who were born by power of loving-kindness and compassion meditation cultivated in previous lives, 8) In eighth volume, in Tuvaṭakasutta, the word ‘roots of diversified defilement’ means the root of diffuse Dhamma, it basically refers to ignorance, distracted attention, pride of self, non-moral shame, non-moral fear and distraction etc. In analysis of social value in Suttasangaha, it was divided into;1) 6 Suttas are concerned with social value on giving (dāna) such as in Kāladānasutta, this giving moral is basic sacrifice of people in society. With giving, loving-kindness will grow peaceful society, 2) 6 Suttas are focused on social value on precepts (morality) such as Mahānāmasutta. It is true that moral people with five or eight precepts will develop society in correct way, 3) 5 Suttas are devoted to social value on ways of heaven (good ways) such as Dhammahadayavibhangasutta, it shows that those who always give and observe eight precepts will reach heaven or developed world, 4) 5 Suttas are explained in social value on disadvantages of sensual pleasure such as Devadūtasutta presents ways to avoid 10 unwholesome actions which leads to decline or even the worst to society, 5) 31 Suttas are concerned with social value on householders’ activities or duties of people such as Parābhavasutta etc. it presents duty of children to take care their parents which lead to no degradation, in opposite with looking after their parents, children will gain a lot of advantages, 6) 14 Suttas are focused on social value in rejoice on merit such as Nidhikaṇḍhasutta presents the kinds of persons who should be offered in order develop themselves which provide social value. They will be happy in this world and next life, 7) 18 Suttas are explained in social value on ascetic practices or duty of ascetics such as Andhakavintasutta advises new ordained Bhikkhus to follow 5 dhammas such as restraint by the monastic code of discipline etc. which lead to development and prosperity. This signifies great values to society and Buddhism.