ปรัชญา : Philosophy
Permanent URI for this community
บทความวิจัย วิทยานิพนธ์สาขาวิชาปรัชญาในหลักสูตรที่สังกัดสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย และงานวิจัยสาขาปรัชญาที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก วช. หรือ สกสว.
Browse
Browsing ปรัชญา : Philosophy by browse.metadata.researchtheme2 "ปรัชญาขงจื่อ"
Now showing 1 - 18 of 18
Results Per Page
Sort Options
- PublicationOn the concept of well-being from the viewpoint of Wang Yang-Ming's moral systemTung I-Ching (2016)This dissertation focuses on the concept of well-being discussed in reference to Wang Yang-ming' s major work, Instructions for Practical Living. Wang Yang-ming (王陽明, 1472-1529) was a Chinese Neo-Confucian scholar and an official in the Ming Dynasty (明朝, 1368-1644). He is considered to be the third most important Confucian thinker and outranked only by Confucius and Mencius. His thoughts started the last philosophical spiritual movement in China before the massive invasion of Western culture in the late nineteenth century. As his main publication, Instructions for Practical Living is highly representative of the philosophical work of Confucianism. This dissertation first in Chapter I presents an introduction of the overall background, objectives and the significance of the study, as well as the research methodology employed
- PublicationTowards neo-confucian epistemologyLiu Caiqin (2022)The research focuses on the theory of knowledge in the West and China. It starts with the the crucial epistemological puzzle in modern Western epistemology - the Gettier problem, and aim to explore the different ways to deal with the issue of knowing. Thus, the researcher investigates two different and popular theories of knowledge in the West first, which are the trthmaker theory of Heathcote and virtue responsiblism of Zagzebski. It turns out that they do not work well in dealing with the Gettier problem. Therefore, the researcher appeals to Chinese philosophy, specifically, Wang Yangming’s philosophy, and trying to get some inspirations from his theory to deal with the issue of knowing differently. Chapter I presents an introduction of the overall background of the research, objectives, and significance of the study
- Publicationกฎหมายกตัญญูและการวิพากษ์แนวคิดขงจื่อในวรรณกรรมอินเทอร์เน็ตจีนปานชีวา บุตราช; Pancheewa Butrach (2022)บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการวิพากษ์แนวคิดขงจื่อในวรรณกรรมอินเทอร์เน็ตจีนแนวย้อนเวลา โดยวิเคราะห์ประเด็นความกตัญญูในนวนิยายเรื่อง จิ่นอีเยี่ยสิง (锦衣夜行) ตัวละครเอกย้อนเวลาไปสู่ยุคหมิงที่จารีตยังเข้มงวดและเกิดเหตุขัดแย้งกับผู้อาวุโสในเรื่อง จากการศึกษาพบว่าผู้ประพันธ์นำเสนอเหตุการณ์ความขัดแย้งของแนวคิดเชิงจริยศาสตร์ที่กลายเป็นจารีตประเพณีกับกฎหมายปกครอง กรณีพิพาทระหว่างตัวละครสะท้อนให้เห็นอิทธิพลของแนวคิดขงจื่อที่ครอบงำสังคม การต่อสู้ของตัวเอกจึงเป็นเสมือนภาพแทนของชาวจีนรุ่นใหม่ผู้ถูกกดทับที่ไม่ยอมจำนนต่อหลักจารีต แต่ตอบโต้ผู้มีอำนาจด้วยหลักเหตุและผล นอกจากนี้ ตัวบทยังวิพากษ์ปัญหาเครือข่ายสายสัมพันธ์ในสังคมจีน รวมถึงตั้งคำถามกับรัฐเรื่องความลักลั่นของกฎหมายกตัญญู
- Publicationการขัดเกลาตนเองเป็น “วิญญูชน” ตามแนวทางของตำราทั้งสี่สยุมพร ฉันทสิทธิพร; Sayumporn Chanthsithiporn (2016)การขัดเกลาตนเอง(修身)เป็นหัวใจสำคัญของอุดมการณ์ลัทธิหรู “วิญญูชน” (君子)ถือเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นแห่งการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ตำราทั้งสี่ที่ถือเป็นพื้นฐานของตำราลัทธิหรูมีเนื้อหากล่าวถึงวิญญูชนเป็นจำนวนมาก บทความนี้จะอภิปราย ในประเด็นต่างๆ ได้แก่ คุณสมบัติแห่งความเป็นวิญญูชน ขั้นตอนการขัดเกลาตนเองไปสู่ความเป็นวิญญูชน และกลวิธีทางภาษาในการนำเสนอและปลูกฝังเรื่องความเป็นวิญญูชน ลัทธิหรูต้องการปลูกฝังวิญญูชนให้มีบุคลิกและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานราชการ ซึ่งเป้าหมายหลักแห่งความคิดลัทธิหรูคือการสร้างการเมืองการปกครองแห่งคุณธรรม
- Publicationการศึกษาแนวคิดความสัตย์จริงในลัทธิขงจื่อผ่านคัมภีร์จงยงกนกพร นุ่มทอง; Kanokporn Numtong (2021)คัมภีร์จงยงเป็นหนึ่งในสี่จตุรปกรณ์ ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญของลัทธิขงจื่อมีความสำคัญในวัฒนธรรมจีน เนื่องจากแสดงหลักการประพฤติปฏิบัติที่เหมาะสมแน่นอน เป็นการเชื่อมโยงแนวคิดสู่การปฏิบัติ จื่อซือผู้นิพนธ์คัมภีร์ดังกล่าวเป็นทายาทสายตรงของขงจื่อ ได้สืบทอดแนวคิดจงยงหรือความเหมาะสมที่แน่นอนมาจากขงจื่อและสร้างแนวคิดความสัตย์จริงให้เป็นคุณธรรมสูงสุด โดยถ่ายทอดไว้ในคัมภีร์จงยง บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องความสัตย์จริงในลัทธิขงจื่อผ่านคัมภีร์จงยง โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยในรูปแบบของการวิเคราะห์และตีความตัวบททุกบทที่ปรากฏคำว่า “เฉิง” (ความสัตย์จริง) ในคัมภีร์จงยง และนำมาเชื่อมโยงและสรุปเป็นขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมและเข้าใจง่าย ผลการวิจัยพบว่า ความสัตย์จริงตามคัมภีร์จงยงเป็นความจริงแท้แน่นอนไม่ผันเปลี่ยน ความสัตย์จริงเป็นธรรมวิถีแห่งฟ้า การทำให้ถึงความสัตย์จริงเป็นธรรมวิถีสูงสุดของมนุษย์ ความสัตย์จริงจะทำให้มนุษย์ประสบความสำเร็จในการอบรมตน เมื่อบรรลุถึงความสัตย์จริงแล้วก็จักสามารถขยายสู่คุณธรรมด้านอื่นๆ ได้ ความสัตย์จริงเป็นคุณธรรมทั้งสำหรับผู้ปกครองและคนทั่วไป หากคนทั่วไปเข้าถึงได้ก็สามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างราบรื่น หากผู้ปกครองเข้าถึงความสัตย์จริงก็จักสามารถปกครองบ้านเมืองให้สุขสงบได้
- Publicationการศึกษาแนวคิดด้านความกตัญญูในลัทธิขงจื๊อผ่านคัมภีร์สี่จตุรปกรณ์จตุวิทย์ แก้วสุวรรณ์; Chatuwit Keawsuwan (2021)วัฒนธรรมจีนให้ความสำคัญกับความกตัญญูเป็นอย่างมาก ถือว่าความกตัญญูเป็นรากฐานแห่งความดีทั้งปวง ลัทธิขงจื๊อเป็นหนึ่งในแกนกลางของวัฒนธรรมจีน ลัทธินี้ได้ให้คุณค่าความกตัญญูและได้นำเสนอคุณธรรมดังกล่าวผ่านคัมภีร์สำคัญหลายเล่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนังสือชุดสี่จตุรปกรณ์ที่เป็นคัมภีร์รวมสารัตถะสำคัญของลัทธิขงจื๊อ ซึ่งมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมจีนทั้งในวงการปรัชญา วรรณกรรม การศึกษามาจนถึงปัจจุบัน วัตถุประสงค์ของการวิจัยคือศึกษาแนวคิดด้านความกตัญญูของลัทธิขงจื๊อที่ปรากฏในหนังสือชุดสี่จตุรปกรณ์ โดยมีระเบียบวิธีวิจัยคือรวบรวมและศึกษาข้อมูลจากหนังสือชุดดังกล่าว ดำเนินการลำดับข้อมูล จัดระบบตามกรอบความคิดในการศึกษา และคัดเลือกข้อมูลและระบบคิดที่แทรกอยู่ในเนื้อหาในคัมภีร์ทั้งสี่มาวิเคราะห์ อธิบายและเชื่อมโยงความคิดทั้งหมด ผลการศึกษาพบว่า แนวคิดด้านความกตัญญูในหนังสือชุดสี่จตุรปกรณ์มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน โดยแสดงให้เห็นว่าลัทธิขงจื๊อมองความกตัญญู(孝)เป็นคุณธรรมที่บุตรพึงมีต่อบุพการี ถือเป็นการตอบแทนความรัก(愛)ของบุพการี เมื่อบุคคลมีความกตัญญูต่อบุพการีเป็นพื้นฐานแล้ว ก็จะแผ่ขยายความกตัญญูไปสู่ความจงรักภักดี(忠)ความเคารพ(敬)ความเคารพรักและเมตตา(悌)ต่อบุคคลอื่นในสังคมนั่นเอง สามารถกล่าวได้ว่าคุณงามความดีทั้งหลายมีกตัญญูเป็นสิ่งนำ กตัญญูคือรากฐานแห่งวิถีธรรมและคุณธรรมทั้งปวง
- Publicationการศึกษาแนวคิดสำนักขงจื๊อในคัมภีร์จงยงจตุวิทย์ แก้วสุวรรณ์; Chatuwit Keawsuwan (2021)Confucianism is a school of thought of Chinese social and ethical philosophy followed by the Chinese people. “Zhongyong”, the doctrine of mean, is a Confucian text that disseminates the important principle of leniency as the root of human behaviour. The aim of this paper is to explore “Dhamma Withi” or sustainable ways of living with certainty of the balance through the lens of “Zhongyong” by studying the meaning of knowledge and ideology, selecting and grouping information, then building a conceptual framework. Critical analysis and explanations are also provided to show the close connection of the whole idea for further applications. Four broad themes emerged from the analysis: 1. living ways of leniency and nature
- Publicationความคิดของขงจื๊อเพื่อสังคมที่เป็นสุขสุวัฒน์ ทาสุคนธ์ (2016)บทความนี้นำเสนอแนวคิดของขงจื๊อที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณธรรมของปัจเจกชนและคุณธรรมของสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในยุคนั้น ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันได้เพื่อป้องกันมิให้ความผิดพลาดเช่นในอดีตเกิดขึ้นอีก
- Publicationความเงียบของขงจื่อในหลุนอี่ว์ธัญญชล ภักดีรัตน์; Thanyachon Pakdeerat (2016)จากการสำรวจงานวิชาการที่ศึกษาเรื่องภาษาในหลุนอี่ว์พบว่าเป็นการศึกษาภาษาในขอบเขตของแนวคิด “การทำนามให้เที่ยง” หรือเจิ้งหมิง (Rectification of Names) งานศึกษาเหล่านั้นยังจำกัดขอบเขตการศึกษาการใช้ภาษาในหลุนอี่ว์ไว้ที่ถ้อยคำ (words) ที่สื่อสารโดยใช้คำพูด แต่ยังไม่มีงานศึกษา ‘ความเงียบ (silence)’ ที่ปรากฏในหลุนอี่ว์ ด้วยข้อพิจารณาเหล่านี้จึงน่าสนใจที่จะศึกษาวิเคราะห์บทบาทของ ‘ความเงียบ’ ผ่านทาง ‘สิ่งที่พูด (said)’ โดยขงจื่อ สิ่งนี้จะทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของ ‘ความเงียบ’ ในฐานะยุทธวิธีในการถ่ายทอดสารทางปรัชญาในหลุนอี่ว์ ซึ่งวิทยานิพนธ์ฉบับนี้เสนอว่า ‘ความเงียบ’ สามารถถูกใช้เพื่อขัดเกลามนุษย์ให้อยู่ในวิถีทางของขงจื่อได้ ในการศึกษา ‘สาร’ ทางปรัชญาที่ปรากฏผ่าน ‘ความเงียบ’ ของขงจื่อ เราสามารถสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ “สิ่งที่ไม่ได้พูด (unsaid)’ ซึ่งเสนอว่า ‘ความเงียบ’ แสดงการผ่อนปรน ความอดทนอดกลั้น และการพยายามถนอมรักษาสายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ทั้งนี้มียุทธวิธีการสื่อสารสามแบบที่แสดงผ่าน ‘ความเงียบ’: การพูดโดยอ้อม การหยุดการสนทนา และการสื่อความผ่านท่าทาง ขงจื่อมักจะใช้ยุทธวิธีการสื่อสารเหล่านี้ในการพูดให้น้อยที่สุดเพื่อให้ผู้อื่นแสวงหา “สามแง่มุมที่เหลือ” ด้วยตัวของเธอและเขาเอง ดังนั้นการอธิบายความหมายเชิงปรัชญาที่ซับซ้อนของ ‘ความเงียบ’ ในหลุนอี่ว์จะช่วยดึงความหมายที่ “ซ่อน” อยู่ของสิ่งที่พูดโดยผู้รู้ออกมาได้
- Publicationจริยศาสตร์สำนักขงจื่อ: ระหว่างอัตตาณัติ กับ ความเป็นตัวเองที่เที่ยงแท้ดลวัฒน์ บัวประดิษฐ์; Donlawat Buapradit (2014)บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพยายามตอบโจทย์ปัญหาเรื่องความสำคัญ ของอัตตาณัติในจริยศาสตร์ของสำนักขงจื่อ ข้าพเจ้าจะวิเคราะห์ให้เห็นว่าการตั้งคำถามประเด็นเรื่องอัตตาณัติต่อจริยศาสตร์ของสำนักขงจื่อนั้นไม่ถูกต้องเพราะว่ามันเป็นการตั้งคำถามที่มาจากฐานความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ที่แตกต่างไปจากของขงจื่อ เมื่อพิจารณา ‘เหริน’ ซึ่งเป็นแนวคิดหลักหนึ่งของปรัชญาขงจื่อโดยตีความมันในฐานะที่สื่อนัยถึงภาวะระหว่างมนุษย์ มันจะแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่สำคัญต่อจริยศาสตร์ของขงจื่อมากกว่าคือ เรื่องของตัวตนและความเป็นตัวเองที่เที่ยงแท้ ซึ่งนอกจากจะตอบโต้การโจมตีจริยศาสตร์ของสำนักขงจื่อด้วยประเด็นเรื่องอัตตาณัติแล้ว ยังจะนำเสนอความเป็นไปได้ที่หลากหลายในเชิงจริยศาสตร์
- Publicationจากวาทกรรม “การสืบทอดสายตรงแห่งมรรควิธี” (道统) สู่ หลี่เสฺวีย (理学)และตำราทั้งสี่ 《四书》สยุมพร ฉันทสิทธิพร; Sayumporn Chanthsithiporn (2013)บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของการสร้างวาทกรรม "การสืบทอดสายตรงแห่งมรรควิธี"กับหลี่เสวียและตำราทั้งสี่ ผลการศึกษาพบว่าความสัมพันธ์นี้เป็นพัฒนาการทางประวัติศาสตร์และทางปรัชญาของสังคมจีนซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวเพื่อฟื้นฟูความคิดลัทธิหรูที่อ่อนแอลงจากทั้งปัจจัยภายใจและปัจจัยภายนอก โดยการสร้างวาทกรรม "การสืบทอดสายตรงแห่งมรรควิธี" ถือเป็นกระบวนการสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หลี่เสวียเป็นการพยายามก้าวข้ามกระบวนทัศน์เดิมของลัทธิหรู และตำราทั้งสี่ก็เป็นผลผลิตที่เกิดจากกระบวนการสำคัญครั้งนี้
- Publicationปรัชญาการศึกษาของขงจื้อ : ศึกษาวิเคราะห์พระมหาสมชาย มหาวีโร (เหียมหึก); Phramaha Somchai Mahaviro (2014)The objectives of this thesis were: 1) to study the educational philosophy, 2) to study educational philosophy of Confucius and, 3) to analyze the educational philosophy of Confucius. The study was a documentary research based on information from textbooks, books, and myriad pieces of researches. All the data obtained were analyzed, clarified and presented in accordance with the research orders. The results of the study were as follows: 1. Educational philosophy means to took theory, principle, concept and the form of knowledge about study that consists of determination of the goal, course, studying and teaching, educational objectives according to knowledge from the pure philosophy concept. The doctrine was popular can be divided into 2 groups:- 1) conservative view was essentialism and perennialism that focus on cultural heritage, discipline, keeping custom and all things in the past more than focus to emphasis the activity and modern knowledge, 2) liberal view was progressivism, reconstructionism and existentialism that are interesting in more individual and society, also understand to individual freedom. 2. Educational philosophy of Confucius was found that, consist of course focus on keeping the traditional and study in poetry, history, rites, music, changing and spring and autumn. Studying method aspect always used reason and to dared accepting the fact by courses, the student aspect, the students will need to pay attention to education, has patience, did not insult their intelligence, regularly considering and checking and learning by happiness. Teacher aspect must not be skimp subjects, did not get lost their behavior, and has good behavior focus on discussion and question and also instructional method. To review the events with wisdom, used metaphors to understand and consider the evidence of reliability. 3. An analysis of the educational philosophy of Confucius was found that, the main goals were to make a gentleman and peace in the society and the nation. The secondary goal was to bring the academic knowledge to improve themselves and to help others, having humility, to bring the knowledge to use at the right time and can rely on their own. The analysis of philosophy of education through the view of pure philosophy was found that Confucius no attention to problems of metaphysics. In epistemology, the Confucius presented that knowledge is knowing human and the knowledge come from interest and sincerity and the goal of knowledge is to discipline and moral in themselves. In axiology was fond that the study will help training and more developing the human beings. The influence aspect of the educational philosophy of Confucius based on the public education, the cultural traditions, politics and literature.
- Publicationปรัชญาของขงจื่อกับการจัดระเบียบทางสังคม: การศึกษาวิเคราะห์คัมภีร์หลุนอี่ว์อติชาติ คำพวง; อรอนงค์ อินสอาด; Atichat Khamphuang; Onanong Insaard (2019)This article aims to investigate Confucius’ social organization concepts within the analects of Confucius by using the modern Chinese interpretative version of the analects by Yang Bojun as a primary data source. The research data were investigated, translated into Thai, and categorized under the conceptual framework of social organization, and then the content analysis was finally conducted. The findings have shown that Confucius has presented his social organization concepts initiated from the social reform from its roots (social member) by establishing the ideal role model called “junzi” (gentleman). The process of socialization through education by learning the rule of propriety or “Li”, including learning from the exemplar are presented in order to build up the sense of external and internal control for social members. According to Confucius, a social member who passes the socialization through the practice of Li is regarded as a qualified member who could properly conduct his own life according to his own status and role, and is able to actualize a harmonious society under the value of “benevolence” or “ren”(仁).
- Publicationมโนทัศน์การลงโทษในหลุนอี่ว์พรชนก อารยะกุลชัย; Pornchanok Arayakulchai (2016)“การลงโทษในพื้นที่จริยธรรม” ของขงจื่อมีจุดมุ่งหมายในการทำให้เกิดการแก้ไขตนเองในผู้กระทำผิด ซึ่งจะนำไปสู่การปกป้องผู้คน เสถียรภาพทางสังคม และบรรทัดฐานทางจริยธรรม และสอดคล้องกับทฤษฎีการลงโทษแบบรักษาและแก้ไขนิสัย (Rehabilitation Theory) ขงจื่อเชื่อว่าการทำผู้กระทำผิดให้ “ตรง” ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ควรสร้างความตระหนักเรื่องการละเมิดบรรทัดฐานทางจริยธรรมและความรับผิดชอบแก่ผู้กระทำผิด การลงโทษมีบทบาทในการประณามการกระทำที่ผิดและกระตุ้นให้ผู้กระทำผิดสำนึกว่าตนได้ละเมิดบรรทัดฐานทางจริยธรรมอย่างไร ในแง่นี้ การลงโทษไม่ได้มุ่งทำให้ผู้ถูกลงโทษหยุดการกระทำผิดเพราะกลัวที่จะถูกลงโทษ โดยไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางความเข้าใจเรื่องบรรทัดฐานทางจริยธรรม ซึ่งสะท้อนชัดเจนในการที่ขงจื่อมักกล่าวสอนบรรทัดฐานทางจริยธรรมที่ถูกต้องควบคู่กับการลงโทษด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่าบรรทัดฐานที่ถูกต้องคืออะไร ขงจื่อคาดหวังว่าเมื่อเกิดความตระหนักดังกล่าวผู้ถูกลงโทษจะหยุดการกระทำผิด และมุ่งขัดเกลาจริยธรรมของตนเอง ซึ่งก็จะนำไปสู่การบรรลุจุดมุ่งหมายในการปกป้องผู้คน เสถียรภาพทางสังคม และบรรทัดฐานทางจริยธรรมด้วย
- Publicationมิติสุนทรียศาสตร์ในจริยศาสตร์ขงจื่ออันธิฌา แสงชัย; Anticha Sangchai (2014)ข้อสังเกตที่ว่าสุนทรียศาสตร์ขงจื่อมีบทบาทสำคัญต่อการขัดเกลาศีลธรรม และจริยศาสตร์ขงจื่อมีมิติสุนทรียภาพนั้นมีมานานแล้วในวงวิชาการปรัชญาจีน แต่ยังไม่มีการศึกษาที่ครอบคลุมเป็นระบบที่วิเคราะห์มิติสุนทรียศาสตร์ในจริยศาสตร์ขงจื่อ วิทยานิพนธ์นี้เสนอว่าสุนทรียศาสตร์ขงจื่อมุ่งตอบคำถามเกี่ยวกับชีวิตที่ดีและสังคมที่มีครรลองธรรม ในสภาพบ้านเมืองยุคชุนชิวที่เต็มไปด้วยการรบพุ่งแย่งชิงระหว่างนครรัฐ โดยที่เกณฑ์และคุณค่าต่างๆเกิดความสับสนวุ่นวาย จากการวิเคราะห์หลุนอี่ว์ พบข้อพินิจเรื่องความงาม ศิลปะ อารมณ์สุนทรีย์ ประสบการณ์สุนทรีย์ และเกณฑ์ตัดสินเชิงสุนทรีย์ ที่มิใช่การนิยามเชิงมโนทัศน์ที่เคร่งครัด แต่อธิบายในเชิงกระบวนการ เช่น ทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตและสังคมที่งดงาม วิทยานิพนธ์นี้เสนอว่าสุนทรียศาสตร์ขงจื่ออิงอยู่กับแนวคิดทางจักรวาลวิทยา ความงามมีที่มาจากระเบียบอันกลมกลืนของโลกธรรมชาติ และมี เหอ (ความกลมกลืน) เป็นหัวใจสำคัญที่สามารถอธิบายความงามในพื้นที่ต่างๆได้อย่างต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นกระบวนการเดียวกัน ทั้งองค์ประกอบศิลป์ รสชาติอาหาร ดนตรี ชีวิตมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์-สังคม-โลกธรรมชาติ นอกจากนี้ขงจื่อยังให้ความสำคัญกับอารมณ์และประสบการณ์สุนทรีย์ รวมถึงการขัดเกลาเชิงสุนทรีย์ ในฐานะองค์ประกอบที่สำคัญของชีวิต อารมณ์สุนทรีย์เช่น เล่อ (รื่นรมย์) และ เย่ว์ (ยินดี) มีบทบาทสำคัญสำหรับบุคคลในอุดมคติอย่างวิญญูชน ทั้งนี้เพราะอารมณ์สุนทรีย์ช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจของวิญญูชนเมื่อต้องเผชิญความโดดเดี่ยวและยากลำบากในการพยายามแก้ปัญหาของสังคม ความรื่นรมย์ยังเป็นคุณค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับความรู้และความรัก ทั้งนี้วิทยานิพนธ์นี้เสนอว่าขงจื่อได้ให้คำอธิบายเกี่ยวกับคุณธรรม เช่น เหริน (มนุษยธรรม) ความดีของบุคคลแห่งเต๋า และความกลมเกลียวของมิตรภาพ ในแง่ที่เป็นภาวะทางสุนทรีย์ที่มนุษย์สามารถชื่นชมอย่างรื่นรมย์ เฉกเช่นเดียวกับศิลปะและดนตรี เมื่อพิจารณาจริยศาสตร์ขงจื่อในมิติสุนทรียศาสตร์จะพบว่าจริยศาสตร์ขงจื่อมิใช่จริยศาสตร์ที่มุ่งสร้างกฎเกณฑ์ที่แข็งทื่อตายตัว หากมุ่งสร้างระเบียบอันกลมกลืนสมดุลของชีวิตท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์-สังคม-โลกธรรมชาติ โดยมีจินตนาการ อารมณ์สุนทรีย์ และการแสดงออกที่กล่อมเกลาแล้วเป็นองค์ประกอบสำคัญ ชีวิตที่ดีในจริยศาสตร์ขงจื่อจึงสะท้อนถึงความรื่นรมย์ในความกลมกลืนแห่งและในสิ่งที่ดีและงามไปพร้อมกัน
- Publicationวิญญูชนกับชุมชนมีมนุษยธรรมในหลุนอี่ว์วรรณทนา ลมพัทธยา; Wantana Lompattaya (2013)วิทยานิพนธ์นี้มุ่งวิเคราะห์มโนทัศน์วิญญูชนและบทบาทในการสร้างชุมชนมีมนุษยธรรม โดยชี้ให้เห็นถึงพลังแห่งจินตนาการซึ่งวิญญูชนนำมาใช้ในการบ่มเพาะคุณธรรมแห่งตน การสร้างตัวตนทางคุณธรรม ตลอดจนใช้พลังแห่งจินตนาการดังกล่าวในการสร้างชุมชนในระดับต่างๆ แง่มุมดังกล่าวสามารถฉายภาพวิญญูชนที่มีความสร้างสรรค์ตลอดจนมีความเป็นเลิศทางคุณธรรม รวมทั้งมีความแช่มชื่นเบิกบานในการดำเนินชีวิตที่มีจริยธรรมร่วมกับผู้คนในสังคมได้อย่างสมดุลกลมกลืน พลังแห่งจินตนาการของวิญญูชนเป็นพลังที่วิญญูชนใช้ในการเข้าสู่ความเป็นอุดมคติ รวมทั้งแปรเปลี่ยนความเป็นอุดมคติให้กลายเป็นสภาวะที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งจินตนาการ วิญญูชนสามารถสร้างชุมชนมีมนุษยธรรมได้ใน 3 ระดับ คือในระดับปัจเจกบุคคล ในระดับสังคม และในระดับประวัติศาสตร์ ในระดับปัจเจกบุคคลวิญญูชนเป็นตัวแบบทางคุณธรรม ผู้ขัดเกลาและประเมินคนในสังคม ในระดับสังคมวิญญูชนเป็นภาพแทนของชุมชนมีมนุษยธรรมและทำการสร้างชุมชนมีมนุษยธรรมในจินตนาการในฐานะพลังเชิงสัญลักษณ์ ในระดับประวัติศาสตร์วิญญูชนสร้างชุมชนมีมนุษยธรรมผ่านการตีความความทรงจำร่วมทางสังคม และใช้พลังแห่งจินตนาการโดยการ “เล่น”กับมนุษยธรรมเพื่อที่จะสร้างบรรทัดฐานมนุษยธรรมให้เกิดขึ้น นอกจากนี้วิทยานิพนธ์นี้ยังเสนอบทบาทแห่งการเป็นผู้ปกครองของวิญญูชนที่ใช้พลังทางคุณธรรม เต๋อ ในการปกครอง การแก้ไขนามให้ถูกต้องโดยสร้างระบบภาษาแห่งมนุษยธรรม และการแก้ไขความตึงแย้งและการสนับสนุนความกลมเกลียวให้เกิดขึ้นในสังคมได้
- Publicationวิญญูชนกับพลังแห่งจินตนาการ: บทวิเคราะห์การสร้างชุมชนมีมนุษยธรรมในหลุนอี่ว์วรรณทนา ลมพัทธยา; Wantana Lompattaya (2013)บทความนี้มุ่งศึกษาบทบาทของวิญญูชนกับการสร้างชุมชนมีมนุษยธรรม โดยชี้ให้เห็นความสำคัญของพลังแห่งจินตนาการว่าสามารถนำไปสู่การสร้างชุมชนมีมนุษยธรรมได้ โดยพลังแห่งจินตนากรของวิญญูชนจะแสดงออกผ่านการ "เล่น" กับมนุษยธรรมเพื่อที่จะสร้างบรรทัดฐานมนุษยธรรมให้เกิดขึ้นตลอดจนสามารถนำไปสู่การสร้างตัวตนทางคุณธรรมและการสร้างชุมชนมีมนุษยธรรมได้ในกระบวนการเดียวกัน นอกจากนี้วิญญูชนยังได้ใช้พลังแห่งจินตนากรในการล้อเลียนสังคมในสมัยนั้นเพื่อชื้อให้เห็นถึงสถานการณ์ที่กำลังเป็นปัญหา ซึ่งเป็นการวิพากษ์สังคมอย่างแหลมคมและมีลักษณะเสียดสีต่อตัวตนของขงจื่อเองและต่อสังคมสมัยนั้น
- Publicationศึกษาวิเคราะห์คุณธรรมสำหรับสังคมในปรัชญาขงจื้อพระอิทธิพล อิทฺธิญาโณ (หงษ์อินทร์); Phra Ittiphon Iddhinano (Hong-in) (2014)วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ เป็นการวิจัยเอกสารซึ่งมีวัตถุประสงค์ ๓ ประการคือ เพื่อศึกษา ประวัติและปรัชญาทั่วไปของขงจื้อ เพื่อศีกษาคุณธรรมสังคมในปรัขญาขงจื้อ เพื่อศึกษาวิเคราห์ คุณธรรมสำหรับสังคมในปรัชญาขงจื้อ ผลการวิจัยพบว่า ขงจื้อ เป็นทั้งศาสดาขงจื้อและนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ ปรัชญาทั่วไปของขงจื้อมีดังนี้ ๑. ปรัชญาปัจเจกชนปรัชญาปัจเจกชน ขงจื้อเชื่อว่าความเจริญหรือความเสื่อมของโลกของสังคมเกิดมา จากปัจเจกชนหรือแต่ละบุคคลเป็นหลักฐานเพราะฉะนั้นรัฐจะต้องพัฒนาคนให้ดีเสียก่อนแล้วสังคม ประเทศตลอดถึงโลกก็จะดีขึ้นตามโดยอัตโนมัติ ๒. ปรัชญาสังคม สังคมมิใช่อื่นไกลคือการรวมตัวของ ปัจเจกชนนั้นเองคนเราไม่ได้อยู่คนเดียว จะต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นด้วยเมื่อมีความเกี่ยวข้องกันสังคมก็ เกิดขึ้นเมื่อมีการเกี่ยวข้องกันก็จำเป็นต้องมีหลักการในการปฏิบัติต่อกันเป็นเหตุให้เกิดปรัชญาสังคม ขึ้นมา ขงจื้อได้จัดความ เกี่ยวข้องหรือความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคลไว้ ๕ ประเภท พร้อมทั้งหน้าที่ จะต้องปฏิบัติต่อกันปรัชญาขงจื้อทำให้ชาวจีนมีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ของตนเองหลายอย่างสาระสำคัญในคำสอนของขงจื้อโดยประมวลแล้วจัดได้เป็น ๓ กลุ่มใหญ่ๆ ที่นักวิชาการ หลาย สาขาวิชาที่เกี่ยวข้องให้ความสนใจอย่างมาก ได้แก่ ด้านจริยธรรม ด้านการศึกษา และในด้าน การปกครอง เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสามด้านนี้เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาสังคมอันเป็น แหล่ง รวมวิถีชีวิตของมนุษย์ ที่ต้องดำรงอยู่ร่วมกันเพื่อความเจริญงอกงามของสิ่งมีชีวิต และ สรรพสิ่ง ทั้งหลาย ทั้งด้านกายภาพ จิตใจ และสังคม รวมไปถึงจุดหมายสูงสุดที่ลึกซึ้งในจิตวิญญาณ คุณธรรมหลักปฏิบัติอย่างหนึ่งคือ ความดีที่มนุษย์ควรนำไปปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ คุณธรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรปลูกฝังเพื่อประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม คุณธรรมในปรัชญาขงจื้อจื้อในระดับปัจเจกชนนี้ประกอบด้วยหลักการสำคัญ ๒ อย่างคือ เหริน คำว่า เหริน มีความหมายหลายนัยคือความเมตตากรุณาความสุภาพมนุษยธรรมความมีจิตใจอ่อนโยนความ มีเจตนาที่ดีนั่น หลี่ หรือจารีตประเพณีของสังคมที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมขงจื้อถือว่าหลี่ เป็นลักษณะการที่พอเหมาะพอดีของการปฏิบัติอย่างเปิดเผยที่ต้องการแสดงความ คิดเห็นหรือเจตนาภายในตัวของคน แนวคิดหลักคุณธรรมในปรัชญาขงจื้อ พบว่าคุณธรรมระดับสังคมมี ๕ คู่ระดับ คือ (๑) ผู้ปกครอง กับ ประชาชน (๒) มารดา กับ บุตรธิดา (๓) สามี กับ ภรรยา (๔) พี่ กับ น้อง (๕) เพื่อน - เพื่อน ซึ่งในการประสานความสัมพันธ์ของบุคคลเหล่านี้จะต้องมีความเหมาะสมกับ สถานภาพ หน้าที่ของตน เกณฑ์ตัดสินคุณธรรมในปรัชญาขงจื้อมีอยู่ ๒ ระดับคือระดับปัจเจกชนและ ระดับสังคม หากมนุษย์คนไหนไม่ปฏิบัติให้สอดคล้องกับคุณธรรมเชิงปัจเจกและเชิงสังคมก็จะไม่ได้ชื่อ ว่าเป็นคนดี หรือ มีชีวิตที่ดีงาม