วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาพุทธจริยศาสตร์ ในพุทธปรัชญาเถรวาท 2) เพื่อศึกษาประวัติและภูมิหลังของจิตรกรรมฝาผนังสุวัณณสังขชาดก วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ 3) เพื่อวิเคราะห์พุทธจริยศาสตร์ และคุณค่าในจิตรกรรมฝาผนังสุวัณณ...สังขชาดก วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้การวิจัยเอกสาร (Documentary Research) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In Depth Interview) และศึกษาจากข้อมูลเอกสารต่างๆ ทั้งในภาพจิตรกรรม รูป สิ่งพิมพ์ เสียงบันทึก ในการรวบรวมข้อมูล ผลการ

Conducting research under the project “Painting and Society”, I am inspired by a series of knowledge in communicative painting language, social context in political terms and Buddhist philosophy.These 3 topics will be linked together and synthesized to reflect the truth of Buddhism by creating works of paintings that have the goal of demonstrating the results of concentration to seek power which is lust, the darkness in the human mind due to the change of status or the position changed to the point which has the highest authority in the administration of the country. In addition to this research project, I have no intention of taunting, attacking, opposing or agreeing with the actions of any parties. But I have the idea to present the truth which is true according to the Buddhist philosophy which says “Passion can burn everything, even your innate virtues. And the last part of our lives, we cannot bring anything with us. On the other hand, what we can create and sustain is history of actions”. Therefore, if the leaders are aware of the Buddhist philosophy (suffering, impermanent and non-self), this is a tool to exercise power to govern the country, and then the country will be in a good direction, happy and becomes a civilized city as it should be. Moreover, incidents of violence and loss will not occur as it appears in the present situation. As above, interest in the function of the painting language that works with society in terms of recording reflect and unfold the story of society, especially politics that is combined with attitude and creation through 2 dimensions of international painting styles

บทความนี้ต้องการศึกษาการใช้เทคนิคการเขียนภาพ 6 ประการของเซี่ยเห้อทำความเข้าใจสุนทรียภาพในภาพเขียนเซน เจาะจงผลงานภาพเขียนเซนของมู่ซีและเหลียงข่าย ยุคซ่งใต้ จากการศึกษาพบว่าทัศนะที่เกี่ยวข้องกับหลักการทั้ง 5 ข้อแรกของเซี่ยเห้อสามารถอธิบายความงามที่ปรากฏในคำอธิยายประกอบภาพเขียนเซนและความแตกต่างของสุนทรียภาพที่ปรากฏบนภาพอธิบายโดยใช้แนวคิดของปรัชญาเซนได้เช่นกัน

เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา ได้แก่ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ นาค ยักษ์ เพราะการทำบุญด้วยหวังอามิส มีความเชื่อผิดเรื่องทำบุญ และทำบุญเพียงเล็กน้อย การเกิดจึงมีลักษณะที่ต่างกันไป ความเชื่อนี้ทำให้เกิดประเพณี ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม จิตรกรรม เช่น ตามโบสถ์ ศาลาการเปรียญ

บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง แนวคิดทางสุนทรียศาสตร์ในงานจิตรกรรมของ ปาโบล ปิกัสโซ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวคิดทางสุนทรียศาสตร์ในงานจิตรกรรมของปาโบล ปิกัสโซ โดยมีกรอบการศึกษา 3 ประเด็น คือ 1) สุนทรียเจตคติ 2) ประสบการณ์สุนทรียะ... “อารมณ์และการสร้างสรรค์” มีงานจิตรกรรมเป็นสื่อในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด งานจิตรกรรมที่สร้างขึ้นเป็นการรับรู้เชิงสหัชญาณ และรับรู้ในเชิงจินตภาพ สุนทรียะเจตคติของปิกัสโซ ยังสอดคล้องกับแนวคิดมนุษยนิยมและปรัชญาอัตถิภาวนิยมของนิทเช่ ที่มองว่ามนุษย์มี

สมัยตามลักษณะบรรทัดฐานและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของแต่ละท้องถิ่นในรูปแบบสถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม และวรรณกรรม อันเป็นเครื่องน้อมนำไปสู่การศึกษาและปฏิบัติธรรม พุทธศิลป์ที่ปรากฏในลัทธิตันตระ เป็นศิลปะที่สามารถสื่อปรัชญาคำสอนพุทธตันตระได้ตาม...วัตถุประสงค์ สถูปถูกสร้างขึ้นตามคติจำลองจักรวาล สะท้อนให้เห็นถึงการเทิดทูนสิ่งสำคัญที่สุด ณ จุดศูนย์กลาง เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในช่วงพระชนม์ชีพของพระพุทธเจ้า จิตรกรรมมันดาลา เป็นภาพแปลนของสถูปที่จำลองการกำเนิดภพภูมิต่าง ๆ ตามคติ “ไตรภูมิพระร่วง

วินเหรินฮว่า” เป็นการผสมผสานหลากหลายศาสตร์เข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นด้านจิตรกรรม วรรณคดี ศิลปะการเขียนพู่กันจีนและการประทับตรา“เหวินเหรินฮว่า” เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น สืบมาจนถึงราชวงศ์ถัง มีการสร้างเป็นแบบแผนในสมัยราชวงศ์ซ่ง และเจริญรุ่งเรืองมาก