Repository logo
  • English
  • ไทย
  • Log In
    New user? Click here to register.Have you forgotten your password?
Repository logo
  • Communities & Collections
  • All of HARRT
  • English
  • ไทย
  • Log In
    New user? Click here to register.Have you forgotten your password?
  1. Home
  2. Browse by Author

Browsing by Author "ชัชวดี ศรลัมพ์"

Now showing 1 - 10 of 10
Results Per Page
Sort Options
  • No Thumbnail Available
    Publication
    A Comparison of HUMANS ARE ANIMALS Conceptual Metaphor between English and Thai
    Saralamba, Chatchawadee; ชัชวดี ศรลัมพ์
    บทความนี้เป็นการศึกษาบทบาทของอุปลักษณ์และกระบวนการทำให้เป็นอุปลักษณ์มโนทัศน์“มนุษย์เป็นสัตว์” เปรียบเทียบระหว่างภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อพิจารณาว่าเกี่ยวข้องกับระบบมโนทัศน์ได้อย่างไร โดยศึกษาตามแนวคิดด้านอุปลักษณ์มโนทัศน์ของเลคอฟฟ์และจอห์นสัน (Lakoff& Johnson, 1980) ในทฤษฎีภาษาศาสตร์ปริชาน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในการศึกษาภาษาศาสตร์และการศึกษาข้ามวัฒนธรรมต่าง ๆ ในบทความนี้จะกล่าวถึงระบบมโนทัศน์อุปลักษณ์ของมนุษย์เป็นสัตว์และพฤติกรรมของมนุษย์เป็นพฤติกรรมของสัตว์ (Kövecses, 2002, 2005) ระบบมโนทัศน์ดังกล่าวนี้มีความเป็นสากลพบได้ในภาษาหลายภาษา มีการนำคำที่มีความหมายเป็นสัตว์หรือเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์มาเปรียบเทียบกับคน เป็นกระบวนการทำให้เป็นอุปลักษณ์ โดยเป็นความสัมพันธ์ของการถ่ายโยงความหมายมโนทัศน์จากวงความหมายมโนทัศน์ต้นทางและวงความหมายมโนทัศน์ปลายทางซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามภาษาและวัฒนธรรม การนำสัตว์มาใช้เปรียบเทียบกับคนเป็นอุปลักษณ์สัตว์นั้น พบในหลายภาษาและมีอยู่ในหลายวัฒนธรรม เป็นการนำสัตว์มาอ้างถึงพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น คนขลาดเป็นไก่ คนกล้าเป็นสิงโต คนที่ตามคนอื่นเป็นแกะ อุปลักษณ์เหล่านี้สะท้อนระบบมโนทัศน์ที่คล้ายคลึงกันของผู้ใช้ภาษาว่า “มนุษย์เป็นสัตว์” และเป็นลักษณะข้ามวัฒนธรรมและมีความเป็นสากลเพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้นเหมือนกัน ผลการศึกษายืนยันว่า อุปลักษณ์สัมพันธ์กับระบบมโนทัศน์ของผู้ใช้ภาษา มีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้งต่อการรับรู้และความเข้าใจต่อลักษณะทางสังคมและวัฒนธรร
  • No Thumbnail Available
    Publication
    กระบวนการสร้างหน่วยศัพท์เรียกสีไม่พื้นฐานในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
    ชลธร พงษ์ศิริรักษ์; ชัชวดี ศรลัมพ์; Pongsirilak, Chonlatorn; Saralamba, Chatchawadee
    งานวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบกระบวนการสร้างหน่วยศัพท์เรียกสีไม่พื้นฐานในภาษาไทยและภาษาอังกฤษบนเฟซบุ๊กแฟนเพจไทยโทน และบนเว็บไซต์ XKCD โดยอาศัยทฤษฎีเรื่องกระบวนการสร้างคำในการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการศึกษากระบวนการสร้างคำเรียกสีไม่พื้นฐานพบกระบวนการสร้างหน่วยศัพท์เรียกสีไม่พื้นฐานหลัก 2 กระบวนการ ได้แก่ 1) กระบวนการประสมคำ และ 2) กระบวนการใช้ความหมายเปรียบเทียบ การประสมคำที่พบประกอบไปด้วยการประสมรวมกันของคำเรียกสี คำประเภทต่าง ๆ และคำเรียกสรรพสิ่ง อีกทั้งยังพบการใช้อุปมา อุปลักษณ์และนามนัยในกระบวนการใช้ความหมายเปรียบเทียบ ผลการเปรียบเทียบกระบวนการสร้างหน่วยศัพท์เรียกสีไม่พื้นฐานในภาษาไทย พบว่า ภาษาไทยอาศัยการสร้างหน่วยศัพท์เรียกสีไม่พื้นฐานผ่านกระบวนการใช้ความหมายเปรียบเทียบเป็นกระบวนการหลักในการสร้างหน่วยศัพท์และมีการประสมคำเพื่อสร้างคำเรียกสีไม่พื้นฐานเป็นกระบวนการรอง ต่างจากกระบวนการสร้างหน่วยศัพท์เรียกสีไม่พื้นฐานในภาษาอังกฤษ ซึ่งอาศัยกระบวนการประสมคำเป็นกระบวนการหลัก และมีกระบวนการใช้ความหมายเปรียบเทียบเป็นกระบวนการรอง
  • No Thumbnail Available
    Publication
    การตระหนักรู้เชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ในการสนทนากลุ่มของผู้ใช้ภาษาชาวไทย
    วรวรรณ เฟื่องขจรศักดิ์; ชัชวดี ศรลัมพ์; ทรงธรรม อินทจักร
    บทความนี้เป็นการศึกษาการใช้ภาษาเพื่อแสดงการตระหนักรู้เชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ของผู้ใช้ภาษาชาวไทยจากการเก็บข้อมูลการสนทนาแบบกลุ่มของผู้บอกภาษาชาวไทย ผลการศึกษาพบว่า การตระหนักรู้เชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ของผู้ใช้ภาษาไทยจําแนกออกได้เป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านความเหมาะสมของการใช้ภาษา ด้านกระบวนการการสนทนาและด้านการสื่อเจตนา การตระหนักรู้เชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ในแต่ละด้านสามารถแสดงด้วยการใช้ภาษาใน 3 รูปแบบที่มีความสัมพันธ์กับเจตนาของผู้พูด อันได้แก่ การบรรยายข้อคิดเห็นเชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ การใช้ถ้อยคําบ่งชี้การตระหนักรู้เชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ และตัวบ่งชี้บริบทเชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ ผลการวิเคราะห์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการระแวดระวังในการใช้ภาษาของผู้พูด และการใช้ภาษาที่แสดงการตระหนักรู้เชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์เพื่อควบคุมและจัดการการปฏิสัมพันธ์ในกลุ่มการสนทนาของผู้ใช้ภาษาชาวไทย
  • No Thumbnail Available
    Publication
    การศึกษาเปรียบเทียบการใช้ถ้อยคำบรรยายข้อคิดเห็นเชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ของชาวไทยและชาวญี่ปุ่น
    วรวรรณ เฟื่องขจรศักดิ์; ชัชวดี ศรลัมพ์; ทรงธรรม อินทจักร (2018)
    ในการสื่อสารในชีวิตประจ าวัน คนเรามักใช้ภาษาเพื่อกล่าวถึงหรือให้ข้อคิดเห็นต่อภาษาที่เราใช้หรือภาษาที่ผู้อื่นใช้อยู่บ่อยครั้งเพื่อจัดการการปฏิสัมพันธ์ให้ด าเนินไปได้อย่างราบรื่น การศึกษานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปรียบเทียบถ้อยค าที่ใช้ในการบรรยายข้อคิดเห็นดังกล่าว หรือที่เรียกว่า “ถ้อยค าบรรยายข้อคิดเห็นเชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์” ในปฏิสัมพันธ์แบบกลุ่มของชาวไทยและชาวญี่ปุ่นจากการเก็บข้อมูลด้วยวิธีการบันทึกเสียงการสนทนาในการอภิปรายกลุ่ม ผลการศึกษาพบว่า เป้าหมายของผู้บอกภาษาชาวไทยและชาวญี่ปุ่นที่ใช้ถ้อยค าบรรยายข้อคิดเห็นเชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์มี 3 ประการหลักๆ ได้แก่ เพื่อประเมินการใช้ภาษาเพื่อควบคุมการด าเนินการสนทนา และเพื่อบรรยายเจตนาของผู้สื่อสารเป้าหมายเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับประเด็นที่ผู้บอกภาษากล่าวบรรยายข้อคิดเห็น3 ประเด็น คือ ความเหมาะสมของการใช้ภาษากระบวนการการสนทนาและการสื่อเจตนาของผู้สื่อสารตามล าดับ ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ประการข้างต้น ผู้บอกภาษาชาวไทยและชาวญี่ปุ่นใช้ถ้อยค าบรรยายข้อคิดเห็นเชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ในการสื่อสารเจตนาต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองด้านการสื่อสารที่แตกต่างกัน ผู้บอกภาษาชาวไทยมักแสดงออกถึงความเป็นกันเองและความตรงไปตรงมาในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ที่มีความสนิทสนมกัน ในขณะที่ผู้บอกภาษาชาวญี่ปุ่น แม้ผู้ร่วมสนทนาจะมีความสนิทสนมกัน แต่ผู้พูดก็มักยังแสดงออกถึงความลังเลและความไม่หนักแน่น ทั้งการกล่าวถึงความคิดเห็นของผู้พูดเองและในการให้ข้อคิดเห็นต่อผู้อื่น
  • No Thumbnail Available
    Publication
    การศึกษาเปรียบเทียบการใช้ถ้อยคำบรรยายข้อคิดเห็นเชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ของชาวไทยและชาวญี่ปุ่น
    วรวรรณ เฟื่องขจรศักดิ์; ชัชวดี ศรลัมพ์; ทรงธรรม อินทจักร
    ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน คนเรามักใช้ภาษาเพื่อกล่าวถึงหรือให้ข้อคิดเห็นต่อภาษาที่เราใช้หรือภาษาที่ผู้อื่นใช้อยู่บ่อยครั้งเพื่อจัดการการปฏิสัมพันธ์ให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น การศึกษานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปรียบเทียบถ้อยคำที่ใช้ในการบรรยายข้อคิดเห็นดังกล่าว หรือที่เรียกว่า “ถ้อยคำบรรยายข้อคิดเห็นเชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์” ในปฏิสัมพันธ์แบบกลุ่มของชาวไทยและชาวญี่ปุ่นจากการเก็บข้อมูลด้วยวิธีการบันทึกเสียงการสนทนาในการอภิปรายกลุ่ม ผลการศึกษาพบว่า เป้าหมายของผู้บอกภาษาชาวไทยและชาวญี่ปุ่นที่ใช้ถ้อยคำบรรยายข้อคิดเห็นเชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์มี 3 ประการหลักๆ ได้แก่ เพื่อประเมินการใช้ภาษาเพื่อควบคุมการดำเนินการสนทนา และเพื่อบรรยายเจตนาของผู้สื่อสารเป้าหมายเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับประเด็นที่ผู้บอกภาษากล่าวบรรยายข้อคิดเห็น 3 ประเด็น คือ ความเหมาะสมของการใช้ภาษากระบวนการการสนทนาและการสื่อเจตนาของผู้สื่อสารตามลำดับ ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ประการข้างต้น ผู้บอกภาษาชาวไทยและชาวญี่ปุ่นใช้ถ้อยคำบรรยายข้อคิดเห็นเชิงอภิวัจนปฏิบัติศาสตร์ในการสื่อสารเจตนาต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองด้านการสื่อสารที่แตกต่างกัน ผู้บอกภาษาชาวไทยมักแสดงออกถึงความเป็นกันเองและความตรงไปตรงมาในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ที่มีความสนิทสนมกัน ในขณะที่ผู้บอกภาษาชาวญี่ปุ่น แม้ผู้ร่วมสนทนาจะมีความสนิทสนมกัน แต่ผู้พูดก็มักยังแสดงออกถึงความลังเลและความไม่หนักแน่น ทั้งการกล่าวถึงความคิดเห็นของผู้พูดเองและในการให้ข้อคิดเห็นต่อผู้อื่น
  • No Thumbnail Available
    Publication
    การแสดงความหมายในเหตุการณ์การเคลื่อนที่จริงของคำว่า 起 (qǐ ขึ้น) ในภาษาจีนกลาง
    สิริกมล สิริสัมพันธ์; ชัชวดี ศรลัมพ์; Sirisumpan, Sirikamol; Saralamba, Chatchawadee (2021)
    คำว่า 起 (qǐ ขึ้น) เป็นคำที่ใช้ได้หลากหลายความหมาย ทั้งที่เป็นความหมายที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ตรงทางร่างกายของมนุษย์ การเคลื่อนที่ของวัตถุ และความหมายที่เป็นมุมมองเกี่ยวกับเวลาและปริมาณของมนุษย์ต่อเหตุการณ์ ผู้วิจัยวิเคราะห์ความหมายของคำว่า 起 (qǐ ขึ้น) จากข้อมูลภาษาของคลังข้อมูลของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน 3 แห่ง จำนวนทั้งสิ้น 1,945 รายการ ได้แก่ คลังข้อมูลภาษาของศูนย์วิจัยภาษาศาสตร์ภาษาจีน มหาวิทยาลัยปักกิ่ง คลังข้อมูลภาษาจีนปัจจุบันของมหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง และคลังข้อมูลภาษาจีนของสถาบันวิจัยการใช้ภาษาจีนกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเลือกศึกษาเฉพาะความหมายที่ใช้แสดงในเหตุการณ์การเคลื่อนที่จริง ผลการศึกษาพบว่าการแสดงความหมายในเหตุการณ์การเคลื่อนที่จริงของคำว่า 起 (qǐ ขึ้น) มีทั้งหมด 5 ความหมาย ได้แก่ อาการเคลื่อนที่แบบเปลี่ยนท่าทางด้วยตนเองร่วมกับเส้นทาง อาการเคลื่อนที่แบบเปลี่ยนตำแหน่งด้วยตนเองหรือแรงขับเคลื่อนจากภายนอกร่วมกับเส้นทาง เส้นทางของอาการเคลื่อนที่แบบเปลี่ยนท่าทาง เส้นทางของอาการเคลื่อนที่แบบเปลี่ยนตำแหน่ง และเส้นทางของอาการเคลื่อนที่ส่วนของร่างกาย ซึ่งการแสดงความหมายเส้นทางในเหตุการณ์การเคลื่อนที่จริงทุกความหมายเป็นเส้นทางที่เป็นเส้นตรงแนวตั้งแบบเคลื่อนออกจากพื้นที่อ้างอิงที่อยู่ด้านล่าง โดยมีมุมมองอยู่ที่ต้นทางการเคลื่อนที่
  • No Thumbnail Available
    Publication
    การแสดงความหมายในเหตุการณ์การเคลื่อนที่จริงของคำว่า 起 (qǐ ขึ้น) ในภาษาจีนกลาง
    Sirisumpan, Sirikamol; Saralamba, Chatchawadee; สิริกมล สิริสัมพันธ์; ชัชวดี ศรลัมพ์
    คำว่า 起 (qǐ ขึ้น) เป็นคำที่ใช้ได้หลากหลายความหมาย ทั้งที่เป็นความหมายที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ตรงทางร่างกายของมนุษย์ การเคลื่อนที่ของวัตถุ และความหมายที่เป็นมุมมองเกี่ยวกับเวลาและปริมาณของมนุษย์ต่อเหตุการณ์ ผู้วิจัยวิเคราะห์ความหมายของคำว่า 起 (qǐ ขึ้น) จากข้อมูลภาษาของคลังข้อมูลของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน 3 แห่ง จำนวนทั้งสิ้น 1,945 รายการ ได้แก่ คลังข้อมูลภาษาของศูนย์วิจัยภาษาศาสตร์ภาษาจีน มหาวิทยาลัยปักกิ่ง คลังข้อมูลภาษาจีนปัจจุบันของมหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง และคลังข้อมูลภาษาจีนของสถาบันวิจัยการใช้ภาษาจีนกระทรวงศึกษาธิการประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเลือกศึกษาเฉพาะความหมายที่ใช้แสดงในเหตุการณ์การเคลื่อนที่จริงผลการศึกษาพบว่าการแสดงความหมายในเหตุการณ์การเคลื่อนที่จริงของคำว่า 起 (qǐ ขึ้น) มีทั้งหมด 5 ความหมาย ได้แก่ อาการเคลื่อนที่แบบเปลี่ยนท่าทางด้วยตนเองร่วมกับเส้นทาง อาการเคลื่อนที่แบบเปลี่ยนตำแหน่งด้วยตนเองหรือแรงขับเคลื่อนจากภายนอกร่วมกับเส้นทาง เส้นทางของอาการเคลื่อนที่แบบเปลี่ยนท่าทาง เส้นทางของอาการเคลื่อนที่แบบเปลี่ยนตำแหน่ง และเส้นทางของอาการเคลื่อนที่ส่วนของร่างกายซึ่งการแสดงความหมายเส้นทางในเหตุการณ์การเคลื่อนที่จริงทุกความหมายเป็นเส้นทางที่เป็นเส้นตรงแนวตั้งแบบเคลื่อนออกจากพื้นที่อ้างอิงที่อยู่ด้านล่าง โดยมีมุมมองอยู่ที่ต้นทางการเคลื่อนที่
  • No Thumbnail Available
    Publication
    เมื่อ “คน” กลายเป็น “สัตว์”: ความหมายเปรียบเทียบของสัตว์ ในภาษาไทยและภาษาอินโดนีเซีย
    รังสิมา รุ่งเรือง; ชัชวดี ศรลัมพ์
    งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความหมายเปรียบเทียบของสัตว์ในภาษาไทยกับภาษาอินโดนีเซียที่มีความหมายเปรียบเทียบหมายถึง “คน” รวมถึงกระบวนการทางความหมายเปรียบเทียบของสัตว์ในภาษาไทยและภาษาอินโดนีเซียผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลความหมายเปรียบเทียบของสัตว์ในภาษาไทยจากคลังข้อมูลภาษาไทยแห่งชาติและหนังสือสำนวน สุภาษิตและคำพังเพยไทยจำนวน 31 เล่มและเก็บรวบรวมข้อมูลความหมายเปรียบเทียบของสัตว์ในภาษาอินโดนีเซียจากSEALang Library Indonesian Corpus (คลังข้อมูลภาษาอินโดนีเซีย ห้องสมุดภาษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) และหนังสือสำนวน สุภาษิตและคำพังเพยอินโดนีเซียจำนวน 32เล่มพบข้อมูลความหมายเปรียบเทียบของสัตว์ในภาษาไทย จำนวน 270 ข้อมูล และข้อมูลความหมายเปรียบเทียบของสัตว์ในภาษาอินโดนีเซีย จำนวน 287 ข้อมูล รวมทั้งสิ้น 557ข้อมูล ผู้วิจัยได้นำแนวคิดด้านการวิเคราะห์อรรถลักษณ์มาใช้ในการวิเคราะห์ ผลการวิเคราะห์พบว่า สัตว์ที่นำมาใช้เปรียบเทียบเป็นสัตว์ที่อยู่ในกลุ่มสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก และสัตว์ในเทพนิยายและตำนาน เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลความหมายเปรียบเทียบของสัตว์ในภาษาไทยและภาษาอินโดนีเซีย ผู้วิจัยพบว่า ข้อมูลความหมายเปรียบเทียบของสัตว์ในภาษาไทยและภาษาอินโดนีเซียมีทั้งความเหมือนและความต่างในด้านความหมายเปรียบเทียบและชนิดของสัตว์ที่ใช้ในการเปรียบเทียบซึ่งเป็นผลจากอิทธิพลของวัฒนธรรมไทยและอินโดนีเซีย
  • No Thumbnail Available
    Publication
    อุปลักษณ์ “ใจ” กับคำแสดงประสาทสัมผัสในภาษาจีน เปรียบเทียบกับภาษาไทย
    ซือฉี เหยา; ชัชวดี ศรลัมพ์; Yao, Siqi; Saralamba, Chatchawadee (2018)
    งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อศึกษาอุปลักษณ์ “ใจ” ในมุมมองทางประสาทสัมผัส โดยวิเคราะห์และเปรียบเทียบความหมายเชิงอุปลักษณ์ 心 /ɕin55/ (ใจ) ทั้งภาษาจีนและภาษาไทย เมื่อปรากฏร่วมกับคำแสดงความหมายเกี่ยวกับประสาทสัมผัสตามแนวคิดทฤษฎีอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ (Conceptual Metaphor Theory) ของเลคอฟและจอห์นสัน (Lakoff and Johnson 1980; 1999; 2003) รวมถึงทฤษฎีเกี่ยวกับการสร้างรูป (embodiment) ของจอห์นสัน (Johnson 1987) ซึ่งมุ่งอธิบายถึงลักษณะการใช้ภาษา กระบวนการถ่ายโยงทางความหมายของอุปลักษณ์ “ใจ” ในมุมมองการรับรู้ด้วยประสบการณ์ด้านประสาทสัมผัส รวมถึงเปรียบเทียบความเหมือนและความต่างในการสร้างมโนทัศน์ที่มีต่อเรื่อง “ใจ” ระหว่างผู้ใช้ภาษาจีนและผู้ใช้ภาษาไทย ผลการศึกษาพบว่า เมื่อ 心 /ɕin55/ (ใจ) ในภาษาจีน และ “ใจ” ในภาษาไทยใช้เป็นอุปลักษณ์ ล้วนมีความหมายเชิงอุปลักษณ์ที่อ้างถึงอารมณ์ความรู้สึก สภาพจิตใจ และลักษณะนิสัย ส่วนการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสซึ่งช่วยแสดงความหมายของ “ใจ” จากเดิมให้ขยายออกไปถึงความหมายเชิงนามธรรมนั้น สามารถจำแนกเป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่ (1) ประสาทสัมผัสประเภทการมองเห็น (2) ประสาทสัมผัสประเภทการสัมผัส (3) ประสาทสัมผัสประเภทการรับรส (4) ประสาทสัมผัสประเภทการได้ยิน (5) ประสาทสัมผัสประเภทการได้กลิ่น ซึ่งผลการศึกษาครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงระบบความคิดของผู้ใช้ภาษาทั้งสองที่มีต่อเรื่อง “ใจ” มีลักษณะความเป็นสากล ขณะเดียวกัน กระบวนการสร้างมโนทัศน์ของคำว่า 心 /ɕin55/ (ใจ) ในภาษาจีนและคำว่า “ใจ” ในภาษาไทย มีลักษณะที่แตกต่างกันอยู่หลายประการเช่นกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณีของผู้ใช้ภาษาในแต่ละสังคมที่ต่างกัน
  • No Thumbnail Available
    Publication
    อุปลักษณ์ที่แสดงมโนทัศน์น้ำท่วมในข่าวภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศส
    อาทิมา วรินทร์อุดมสุข; ชัชวดี ศรลัมพ์; Warinudomsuk, Artima; Saralamba, Chatchawadee (2019)
    บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาอุปลักษณ์น้ำท่วม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายและวิเคราะห์การใช้อุปลักษณ์ที่แสดงมโนทัศน์ในข่าวน้ำท่วมภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศสตามทฤษฎีอุปลักษณ์มโนทัศน์ (Conceptual Metaphor Theory) ของเลคอฟฟ์และจอห์นสัน (Lakoff and Johnson, 1980; 2003) ผลการศึกษาพบว่า รูปภาษาแสดงอุปลักษณ์ประเภทต่าง ๆ ถูกนำมาใช้อธิบาย และเปรียบเทียบกับน้ำท่วมในความหมายที่หลากหลาย ทั้งยังหมายรวมไปถึงค่านิยมทางวัฒนธรรมและมโนทัศน์ของทั้งสองสังคมได้ดังนี้ การใช้อุปลักษณ์ดังกล่าวสามารถสะท้อนให้เห็นมโนทัศน์น้ำท่วมที่ปรากฏในข่าวภาษาไทยได้ทั้งสิ้น 7 มโนทัศน์ คือ น้ำท่วมเป็นสิ่งมีชีวิต น้ำท่วมเป็นโรคภัยไข้เจ็บ น้ำท่วมเป็นวัตถุ น้ำท่วมเป็นสิ่งที่มีพิษ น้ำท่วมเป็นสงคราม น้ำท่วมเป็นการเดินทาง และน้ำท่วมเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ สำหรับในข่าวภาษาฝรั่งเศส อุปลักษณ์แสดงมโนทัศน์น้ำท่วมได้ทั้งหมด 5 มโนทัศน์ ได้แก่ น้ำท่วมเป็นสิ่งมีชีวิต น้ำท่วมเป็นวัตถุ น้ำท่วมเป็นทรัพย์สิน น้ำท่วมเป็นสงคราม และน้ำท่วมเป็นการเดินทาง ผลการศึกษาในครั้งนี้สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความคิดของผู้ใช้ภาษาทั้งสองที่มีต่อน้ำท่วม โดยมโนทัศน์น้ำท่วมที่ปรากฏในข่าวภาษาไทยและข่าวภาษาฝรั่งเศสมีทั้งความเหมือนและความต่างระหว่างผู้ใช้ภาษาในสังคมผู้ใช้ภาษาไทยและสังคมผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศส ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางด้านความเชื่อ วัฒนธรรม และประเพณีของผู้ใช้ภาษาในแต่ละสังคมที่แตกต่างกัน

Copyright © 2023 Humanities and Arts Research Repository in Thailand

โครงการสำรวจภูมิทัศน์แห่งความรู้ด้านมนุษยศาสตร์ไทย