วรรณกรรม/วรรณคดีบาลีและสันสกฤต
Permanent URI for this collection
บทความวิจัย บทความวิชาการ รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ และหนังสือเกี่ยวกับวรรณคดีบาลี วรรณคดีสันสกฤต ประวัติวรรณคดีบาลี ประวัติวรรณคดีสันสกฤต วรรณคดีบาลีและสันสกฤตในวรรณคดีไทย การศึกษาจารึกและเอกสารโบราณ
Browse
Browsing วรรณกรรม/วรรณคดีบาลีและสันสกฤต by Issue Date
Now showing 1 - 20 of 426
Results Per Page
Sort Options
- Publicationกาพยสารวิลาสินีและกาพยคันถะ : ตำราฉันทลักษณ์ไทยที่เขียนเป็นภาษาบาลีประคอง นิมมานเหมินท์ (อมรินทร์พริ้นติ้งกรุ๊พ, #VALUE!)
- Publicationวิวัฒนาการงานเขียนที่เป็นภาษาบาลีในประเทศไทย : ประเภทวิเคราะห์ธรรมในพระสุตตันตปิฎกสุภาพรรณ ณ บางช้าง (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, #VALUE!)
- Publicationคำหลวงเรื่องที่ 5นิยะดา เหล่าสุนทร (อมรินทร์พริ้นติ้งกรุ๊พ, #VALUE!)
- Publicationเวทสํหิตา / รวบรวมและแปลโดย พระมหาจำลองภูริปญฺโญ (สารพัดนึก)จำลอง สารพัดนึก (มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์, 1967)
- Publicationความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับพระเวทจำลอง สารพัดนึก (ม.ป.พ., 1968)
- Publicationความสัมพันธ์ระหว่างละครไทยและละครภารตะนิยะดา สาริกภูติ; Niyada Sarikabhuti (1972)วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างละครไทย และละครภารตะว่ามีมากน้อยเพียงใด และในลักษณะเช่นใดบ้าง พร้อมทั้งจะทำการวิเคราะห์ถึงความคล้ายคลึงในละครทั้งสองนี้อย่างละเอียดเท่าที่สามารถจะกระทำได้ โดยอาศัยหลักฐานจากเอกสารต่าง ๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ รวมทั้งการสัมภาษณ์ท่านผู้รู้หลายท่าน การวิจัยนี้แบ่งออกเป็น 6 บท บทที่ 1 กล่าวถึงความเป็นมาของปัญหา บทที่ 2 กล่าวถึงรายละเอียดของละครภารตะนับตั้งแต่ตำนานการฟ้อนรำ, คัมภีร์อธิบายลักษณะละคร และประเภทของละครภารตะที่แบ่งออกตามทฤษฎีการแสดง และทฤษฎีการเขียน บทที่ 3 กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของละครไทย, อิทธิพลของละครภารตะที่มีต่อละครไทยในสมัยแรกเริ่ม และประเภทของละครไทยซึ่งแบ่งตามลักษณะการแสดง บทที่ 4 กล่าวถึงการเบิกโรงของละครภารตะและของละครไทย และอิทธิพลของการเบิกโรงในละครภารตะที่มีต่อการเบิกโรงในละครไทย บทที่ 5 กล่าวถึงความคล้ายคลึงของลักษณะบางประการในบทละครสันสกฤตและในบทละครไทย บทที่ 6 เป็นบทสรุป กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างละครไทยและละครภารตะว่ามีความคล้ายคลึงในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ คือ ท่ารำ, แบบแผนในการแสดงละคร, ชื่อของละคร, การเบิกโรง และลักษณะบางประการในบทละคร ซึ่งในเรื่องเหล่านี้ผู้เขียนเชื่อว่าละครไทยคงจะได้รับอิทธิพลจากละครภารตะแน่นอน วิทยานิพนธ์เรื่องนี้จบลงด้วยข้อเสนอแนะว่าควรจะได้มีการศึกษาถึงประวัติและความเป็นมาของนาฏกรรมอื่น ๆ ของไทย เช่น โขนซึ่งในวิทยานิพนธ์เล่มนี้ผู้เขียนเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับกถกฬิซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของละครภารตะ ตามทฤษฎีการแสดง นอกจากนั้นก็มี หุ่น หนังใหญ่ และการแสดงของหลวง เช่น ระเบง โมงครุ่ม กุลาตีไม้ เป็นต้น ซึ่งน่าจะมีการศึกษาค้นคว้าในทำนองเดียวกันกับที่ผู้เขียนได้กระทำในวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ เพราะปัจจุบันการแสดงต่าง ๆ อันนับว่าเป็นมรดกสำคัญทางวัฒนธรรมของไทยกำลังค่อยเสื่อมหายไปจากความนิยมของคนไทยในสมัยปัจจุบัน ซึ่งนับวันความรู้ความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้จะเลือนลางไปทุกทีจนอาจสูญหายไปในที่สุด
- Publicationจักรพรรดิราชย์ในคติอินเดียทัศนีย์ สินสกุล; Sinskun, Thasanee (1976)วิทยานิพนธ์นี้มีความมุ่งหมายที่จะศึกษาระบอบการปกครองของพระจักรพรรดิพระราชาในอุดมคติของอินเดียจากวรรณคดีบาลีและวรรณคดีสันสกฤต การศึกษาเรื่องราวของพระจักรพรรดิ คือการศึกษาอุดมคติสูงสุดของชนวรรณะกษัตริย์ อันได้แก่การบำเพ็ญหน้าที่ในด้านการปกครองประเทศ ไทยเราได้รับอิทธิพลเรื่องพระจักรพรรดิมาตั้งแต่เริ่มสร้างบ้านเมือง หลักฐานในเรื่องนี้จะเห็นได้จากความเชื่อเรื่องพระจักรพรรดิและรัตนะของพระจักรพรรดิที่มีกล่าวไว้ในตำนานและพงศาวดารต่าง ๆ แม้ในไตรภูมิพระร่วง (หรือเตภูมิกถา) ซึ่งเป็นวรรณคดีเล่มแรกของไทย ก็มีเรื่องราวของพระจักรพรรดิ ในวรรณคดีไทยสมัยต่อมาที่สรรเสริญพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นวีรบุรุษของชาติ กวีก็มักจะถวายพระเกียรติยศให้พระองค์เป็นพระจักรพรรดิ วิทยานิพนธ์เรื่องนี้จึงมีจุดประสงค์ที่จะค้นคว้าแหล่งที่มาของคติเรื่องพระจักรพรรดิจากหลักฐานดั้งเดิม และเพื่อศึกษาระบอบการปกครองของผู้นำในอุดมคติ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันในสมัยโบราณว่าเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด เนื้อเรื่องของวิทยานิพนธ์แบ่งออกเป็น 11 บท คือ บทที่ 1 เป็นบทนำ กล่าวถึงความเป็นมาของปัญหา วัตถุประสงค์และขอบเขตของการวิจัย ประโยชน์ที่จะได้จากการวิจัยนี้ และวิธีดำเนินการวิจัย บทที่ 2 กล่าวถึงการปกครองระบอบราชาธิปไตย และวิวัฒนาการของการปกครองระบอบราชาธิปไตย บทที่ 3 คำที่มีความหมายว่าจักรพรรดิ บทที่ 4 พระนามพระจักรพรรดิ บทที่ 5 คุณลักษณะของพระจักรพรรดิ บทที่ 6 กล่าวถึงจักรพรรดิวัตร ราชธรรม และจักรพรรดิวัตรในวรรณคดีไทย บทที่ 7 กล่าวถึงจักรพรรดิรัตนะ บทที่ 8 ดินแดนของพระจักรพรรดิ โลก ทวีป และภารตวรรษ บทที่ 9 สภาพบ้านเมืองสมัยพระจักรพรรดิ บทที่ 10 พระจักรพรรดิในวรรณคดีไทย บทที่ 11 เป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะ สาระสำคัญของวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ อยู่ที่การมุ่งเสนอระบอบการปกครองซึ่งมีหลักศีลธรรมและจริยธรรมเป็นรากฐาน และมุ่งศึกษาผู้นำในอุดมคติ ผู้พิชิตโลกด้วยคุณธรรมผู้พร้อมที่จะพลีพระองค์และเสียสละผลประโยชน์ทุกประการเพื่อสวัสดิภาพของชาวโลกทั้งมวล
- Publicationพระอินทร์ในวรรณคดีสันสกฤต บาลี และวรรณคดีไทยเกื้อพันธุ์ นาคบุปผา; Nakbubpa, Kuapan (1977)วิทยานิพนธ์นี้มีความมุ่งหมาย 2 ประการคือ เพื่อจะศึกษาประวัติและความเป็นมาของพระอินทร์ผู้เป็นจอมเทพยอดนักรบของศาสนาพราหมณ์ ตามที่มีปรากฏในวรรณคดีสันสกฤต และเป็นเทพผู้มีอุปการคุณในศาสนาพุทธตามที่ปรากฏในวรรณคดีบาลี เป็นการรวบรวมเรื่องราวของพระอินทร์ทุกแง่ทุกมุมตามความเชื่อถือของชาวอินเดียอันเป็นต้นเค้าของพระอินทร์ในวรรณคดีไทยประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือเพื่อชี้ให้เห็นความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของพระอินทร์ในวรรณคดีสันสกฤตและบาลี และศึกษาถึงอิทธิพลของพระอินทร์ในวรรณคดีสันสกฤตและบาลีที่มีต่อวรรณคดีไทยด้วย โดยแสดงให้เห็นว่า เรื่องราวตอนใดในวรรณคดีทั้งสองภาษานั้นเข้ามาปรากฏในวรรณคดีไทยบ้าง ทั้งนี้เพราะไทยเรารับอิทธิพลความเชื่อเรื่องพระอินทร์มานานก่อนที่จะตั้งอาณาจักรสุโขทัยเสียอีก หลักฐานในเรื่องนี้จะเห็นได้จากโบราณวัตถุในประเทศไทย และตำนานต่าง ๆ ตลอดจนวรรณคดีไทยด้วย วรรณคดีไทยที่สำคัญคือ ไตรภูมิพระร่วง (เตภูมิกถา) ซึ่งเป็นวรรณคดีที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อของชาวไทยในสมัยต่อ ๆ มา เป็นอย่างยิ่งก็มีเรื่องราวของพระอินทร์ปรากฏอยู่มาก เนื้อเรื่องของวิทยานิพนธ์แบ่งเป็น 6 บท คือ บทที่ 1 เป็นบทนำ บทที่ 2 กล่าวถึงที่มาของพระอินทร์ในวรรณคดีไทย บทที่ 3 กล่าวถึงประวัติและความเป็นมาของพระอินทร์ในวรรณคดีสันสกฤต บทที่ 4 กล่าวถึงประวัติและความเป็นมาของพระอินทร์ในวรรณคดีบาลี บทที่ 5 กล่าวถึงพระอินทร์ในตำนานและวรรณคดีไทย บทที่ 6 เป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะ สาระสำคัญของวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ อยู่ที่การมุ่งเสนอประวัติและความเป็นมาของพระอินทร์จากวรรณคดีสันสกฤตและบาลี และการเปรียบเทียบข้อแตกต่างและข้อตรงกันของพระอินทร์ในวรรณคดีทั้งสองภาษา กับอิทธิพลของพระอินทร์จากวรรณคดีทั้งสองภาษานี้ที่มีต่อวรรณคดีไทยด้วย
- Publicationสันสกฤตชาตกะ (พร้อมทั้งคำแปลไทยและแถลงศัพท์)จำลอง สารพัดนึก (ภาควิชาภาษาตะวันออก มหาวิทยาลัยศิลปากร, 1977)
- Publicationวรรณคดีสันสกฤตฉบับพากย์ไทยกุสุมา รักษมณี (คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 1978)
- Publicationนางเอกในบทละครของกาลิทาสประหยัด เกษม; Kasem, Prayad (1978)วิทยานิพนธ์นี้มุ่งศึกษานางเอกในบทละครของกาลิทาสตามตำราการละครสันสฤต เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของนางเอกในบทละครของกาลิทาสกับนางเอกในตำราการละครสันสฤตเป็นประการแรก เพื่อศึกษาฐานะของสตรีอินเดียที่ปรากฏในบทละครของกาลิทาสเป็นประการที่สอง และ เพื่อศึกษาการแต่งกายของสตรีอินเดียที่ปรากฏในบทละครของกาลิทาสเป็นประการที่สาม ผู้วิจัยได้แบ่งวิทยานิพนธ์นี้เป็น 6 บท คือ บทที่ 1 บทนำ บทที่ 2 กล่าวถึงนางเอกในนาฏยศาสตร์ บทที่ 3 การศึกษาเชิงวิเคราะห์นางเอกในบทละครของกาลิทาสกับนางเอกในนาฏยศาสตร์ บทที่ 4 การศึกษานางเอกในบทละครของกาลิทาสกับนางเอกในทศรูปและสาหิตยทรรปณะ บทที่ 5 การศึกษาฐานะและการแต่งกายของสตรีอินเดียที่ปรากฏในบทละครของกาลิทาส และ บทที่ 6 บทสรุป จากการศึกษาเรื่องนี้ผู้วิจัยพบว่า ลักษณะนางเอกในบทละครของกาลิทาสตรงกับลักษณะนางเอกในนาฏยศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ในด้านฐานะและการแต่งกายของสตรีอินเดีย สตรีอินเดียได้รับการศึกษาดีและอยู่ในความคุ้มครองของผู้ชาย ใช้เครื่องประดับมากมายตกแต่งร่างกาย
- Publicationโลกัปปทีปกสารปริจเฉทที่ 1 และ 2 : การตรวจชำระและการศึกษาเชิงวิเคราะห์เกรียงศักดิ์ ไทยคุรุพันธ์; Thaikurupan, Kriangsak (1979)เนื่องจากคัมภีร์โลกัปปทีปกสารที่พระเมธังกรแต่งในคริสตวรรษที่ 14 เป็นคัมภีร์เกี่ยวกับความคิดทางพุทธศาสนาเรื่องโลกศาสตร์อันเป็นที่รู้จักกันอย่างดี พระเมธังกรแต่งเรื่องนี้เพื่อให้คนสังเวชใจจะได้ละเว้นการกระทำความชั่วและกระทำแต่ความดี คัมภีร์รุ่นหลังๆ ชอบอ้างถึงเสมอ ประกอบกับยังไม่มีใครตรวจชำระต้นฉบับเขียนมาก่อน ผู้วิจัยจึงต้องการตรวจชำระต้นฉบับตัวเขียนและศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์นี้ รวมทั้งการถ่ายทอดออกเป็นภาษาไทย คัมภีร์นี้มีทั้งหมด 8 ปริเฉท ยากที่จะทำให้สำเร็จได้ในเวลาจำกัด ผู้วิจัยจึงได้ตรวจชำระต้นฉบับตัวเขียนเพียง 2 ปริเฉท คือ ปริเฉทที่ 1 สังขารโลกนิเทศ ซึ่งพรรณนาถึงสังขารโลก 12 ประเภทที่มีการเสื่อมคลาย มีความทุกข์และเป็นอนัตตา และปริเฉทที่ 2 นิรยคตินิเทศ ซึ่งพรรณนาถึงนรก 8 แห่งอันเป็นสถานที่ที่ปราศจากความสุข มีไฟลุกโชติช่วงพร้อมที่จะเผาคนชั่วที่อยู่ในนั้น เพราะการกระทำความชั่วของเขา เพราะคิดว่า 2 ปริเฉทนี้จะชี้ให้เห็นเนื้อหาของคัมภีร์ได้ ผู้วิจัยได้ตรวจต้นฉบับตัวเขียนต่างๆ อย่างละเอียด 8 ต้นฉบับ ซึ่งมีอยู่ในหอสมุดแห่งชาติ ต้นฉบับตัวเขียน 7 ต้นฉบับจารด้วยอักษรขอม และอีก 1 ต้นฉบับจารด้วยอักษรมอญ ผู้วิจัยพบว่าคำอ่านในต้นฉบับทั้ง 8 ไม่แตกต่างกัน คัมภีร์โลกัปปทีปกสารที่ตรวจชำระแล้วจึงได้มาจากคำอ่านที่ตรงกันของต้นฉบับส่วนใหญ่ อนึ่ง ภาษาบาลีที่พระเมธังกรใช้เป็นภาษามาตรฐาน ตรงไปตรงมาและชัดเจน มีอลังการพอสมควร
- Publicationพระเอกในบทละครของกาลิทาสเสาวภา ธานีรัตน์; Thaneerat, Saowabha (1979)วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ก็เพื่อจะศึกษาเกี่ยวกับพระเอกในบทละครของกาลิทาส และพระเอกในตำราการละครสันสกฤต ในด้านลักษณะ และ บทบาท เพื่อที่จะเปรียบเทียบความคล้ายคลึงกัน และ ความแตกต่างกันของพระเอกในบทละครของกาลิทาสกับพระเอกในตำราการละครสันสกฤต วิทยานิพนธ์นี้มี 5 บทด้วยกัน บทแรกเป็นบทนำ ซึ่งกล่าวถึงความเป็นมาของปัญหา วัตถุประสงค์ ขอบเขตและวิธีดำเนินการวิจัย ตลอดจนผลของการวิจัย บทที่ 2 ว่าด้วยพระเอกในตำราการละครสันสกฤต บทที่ 3 เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพระเอกในบทละครของกาลิทาสกับพระเอกในตำราการละครสันสกฤต บทที่ 4 ว่าด้วยการเปรียบเทียบพระเอกในบทละครของกาลิทาส บทที่ 5 เป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะ ผลการวิจัยทำให้ทราบว่า พระเอกในบทละครของกาลิทาสมีลักษณะอุปนิสัยคุณสมบัติ ตลอดจนความรักคล้ายคลึงกับ ลักษณะอุปนิสัย คุณสมบัติ และความรักของตัวละครชายในตำรานาฏยศาสตร์ ผู้แต่งตำราการละครสันสกฤตสมัยหลังกาลิทาส ก็ได้ใช้ตำรานาฏยศาสตร์ และบทละครของกาลิทาสเป็นแนวในการสร้างบุคลิกลักษณะ และคุณสมบัติ ตลอดจนความรักของพระเอกเช่นกัน.
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์เรื่องสามเณรในพระพุทธศาสนาสุภัทร บริบูรณ์; Boriboon, Subhad (1979)วิทยานิพนธ์เล่มนี้ มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาระบบและวิเคราะห์ประวัติความเป็นมาของสามเณร ตั้งแต่แรกอุบัติจนถึงปัจจุบัน จากการศึกษาวิเคราะห์ได้พบว่า พระราหุลราชกุมารเข้าไปทูลขอพระราชทรัพย์จากพระพุทธเจ้า ซึ่งมีผลให้พระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาตแก่พระสารีบุตร ให้บรรพชาพระราหุลราชกุมารเป็นสามเณร นับเป็นสามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา สามเณรกับพระภิกษุนั้นจัดว่าเป็นผู้มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ในฐานะที่สามเณรเป็นผู้คอยปรนนิบัติรับใช้ ส่วนพระภิกษุนั้นเป็นผู้มีอาวุโสมากกว่า จึงมักจะอยู่ในฐานะอุปัชฌาย์ หรืออาจารย์ผู้คอยเอาใจใส่ดูแล ตลอดจนให้การศึกษาอบรมพระธรรมวินัยแก่สามเณร และถึงแม้ว่า สามเณรจะมีศีลสิกขาบทน้อยกว่า แต่อาจาระและสมณวัตร เกือบทั้งหมดก็คล้ายคลึงกันกับพระภิกษุ และมีบทบาทต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา เคียงบ่าเคียงไหล่กับพุทธบริษัททั้งหลายมาโดยตลอด ทั้งในฐานะผู้ทรงคุณธรรม มีสติปัญญาสูง ตลอดจนการแสดงอิทธิฤทธิ์ เพื่อปกป้องพระศาสนา ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้มีการบันทึกไว้ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา รวมทั้ง พระไตรปิฎกด้วย อนึ่ง ถึงสามเณรจะเป็นเพียงบรรพชิตผู้เยาว์ที่เข้ามาบรรพชาด้วยสาเหตุที่แตกต่าง กัน แต่สามเณรก็ได้ทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาไว้เป็นอันมาก ตัวอย่างเช่น สังกิจจสามเณร และนิโครธสามเณร เป็นต้น
- Publicationอุปมาในบทละครสันสกฤต ตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 4 ถึง 12ดารุณี บูรณวัฒน์; Booranawat, Darunee (1979)วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ ก็เพื่อศึกษาความหมายและลักษณะอุปมาในตำราการประพันธ์สันสกฤต และเพื่อวิเคราะห์ลักษณะอุปมาที่กวีใช้ในบทละครสันสกฤต ผู้วิจัยได้แบ่งวิทยานิพนธ์นี้ออกเป็น 5 บท คือ บทที่ 1 บทนำ บทที่ 2 อุปมาในตำราการประพันธ์สันสกฤต บทที่ 3 บทละครสันสกฤตที่สำคัญตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 12 บทที่ 4 วิเคราะห์บทอุปมาในบทละครสันสกฤต และบทที่ 5 บทสรุปและข้อเสนอแนะ จากการศึกษาเรื่องนี้ผู้วิจัยพบว่าอุปมาหมายถึงการเปรียบเทียบระหว่างของสองสิ่งที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน อุปมาที่สมบูรณ์จะต้องมีองค์ประกอบ 4 ประการ คือ ตัวนำมาเปรียบเทียบ (อุปมาน), ตัวถูกเปรียบ (อุปเมย), ลักษณะธรรมชาติที่ร่วมกัน (สาธารณธรรม) และศัพท์ที่กล่าวเปรียบเทียบ (อุปมาประติปาทก) และอุปมาในบทละครสันสกฤต มีวิธีแสดงอุปมาได้ 3 วิธี คือ แสดงอุปมาด้วยศัพท์ แสดงอุปมาด้วยความ และแสดงอุปมาด้วยประโยค เนื้อหาของอุปมาในบทละครสันสกฤตได้ให้ความคิดและภาพพจน์อย่างชัดเจน
- Publicationนานที ในบทละครสันสกฤตอนงค์ นาคสวัสดิ์; Nagaswasdi, Anong (1979)จุดมุ่งหมายในการวิจัยเรื่องนี้คือ เพื่อศึกษาให้รู้เรื่องของนานทีในด้านความหมาย จุดประสงค์ และความสำคัญในการประกอบพิธีนานที ลักษณะคำ ประพันธ์ของนานที ตลอดจนเนื้อหาสาระที่มีอยู่ในบทนานที จากตำราการละครและการประพันธ์สันสกฤตและวิเคราะห์นานทีในบทละครสันสกฤต 16 เรื่อง ในสมัยคริสตศตวรรษที่ 5 – 12 เนื้อเรื่องแบ่งเป็น 4 บท บทแรกคือ บทนำ กล่าวถึงวัตถุประสงค์และขอบข่ายของการวิจัย ตลอดจนวิธีดำเนินการวิจัย บทที่ 2 กล่าวถึงนานทีในตำราการละครและการประพันธ์สันสกฤต บทที่ 3 วิเคราะห์รูปแบบของนานที ความสั้นยาว ชนิดของฉันท์ คณะฉันท์ และอลังการต่าง ๆ ตลอดจนการเลือกใช้พยัญชนะขึ้นต้นและเทพเจ้าที่กวีกล่าวสรรเสริญในบทนานทีของบทละคร 16 เรื่อง บทที่ 4 เป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะ ผลของการวิจัยทำให้ทราบว่า นานทีเป็นบทอำนวยพร นมัสการหรือสรรเสริญเทพเจ้า เพื่อให้เทพเจ้าโปรดปรานประทานพร นานทีเป็นบทที่กวีแต่งเป็นแบบแรก เพื่อให้ขับในพิธีนานทีที่รวมอยู่ในพิธีโหมโรง ซึ่งเป็นการขจัดอุปสรรคในการแสดงละครกวีแต่งบทนานทีด้วยความประณีต มีความไพเราะ อันประกอบไปด้วยการเลือกสรรพยัญชนะขึ้นต้นบท คณะฉันท์ ชนิดของฉันท์ และอลังการทั้งฝ่ายเสียงและฝ่ายความหมาย
- Publicationศัพทาลังการในเรื่องพุทธจริต ของ อัศวโฆษวชิราภรณ์ วรรณดี; Wandi, Wachiraporn (1979)การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาเกี่ยวกับเรื่องศัพทาลังการ หรืออลังการด้านเสียงในภาษาสันสกฤต โดยเฉพาะในวรรณคดีสันสกฤตเรื่องพุธจิต ของ อัศวโฆษ ผู้วิจัยได้ศึกษาด้านความเป็นมา ลักษณะ และประเภท ของศัพทาลังการที่มีในตำราการประพันธ์สันสกฤต แล้วพิจารณาบทประพันธ์ในเรื่องพุทธจิต ของ อัศวโฆษ แต่ต้นจนจบต้นฉบับภาษาสันสกฤตที่มีอยู่ และวิเคราะห์จัดประเภทบทประพันธ์นั้นๆ ตามลักษณะของศัพทาลังการที่ได้ศึกษารวบรวมไว้ วิทยานิพนธ์นี้แบ่งออกเป็น 4 บท บทแรก เป็นบทนำ กล่าวถึงความเป็นมาของปัญหาวัตถุประสงค์และขอบเขตของการวิจัย วิธีดำเนินการวิจัยและประโยชน์ที่ได้จากการวิจัย บทที่ 2 เป็นเรื่องชีวประวัติและผลงานประพันธ์ของอัศวโฆษ รวมทั้งลักษณะคำประพันธ์และเนื้อเรื่องย่อของเรื่องพุทธจิต บทที 3 ว่าด้วยลักษณะของศัพทาลังการในตำราการประพันธ์ในภาษาสันสกฤต และวิเคราะห์ลักษณะของศัพทาลังการที่ปรากฏในเรื่องพุทธจิต บทที่ 4 เป็นสรุปผลการวิจัยและข้อเสนอแนะ ผลการวิจัยครั้งนี้สรุปได้ว่า ศัพทาลังการหรืออลังการด้านเสียงในเรื่องพุทธจิต ของ อัศวโฆษ มีลักษณะส่วนใหญ่ตรงกับลักษณะของศัพทาลังการในตำราการประพันธ์สันสกฤต อันแสดงให้เห็นว่า เครื่องประดับภาษาในเสียงหรือศัพทาลังการนี้มีความสำคัญและมีความจำเป็นต่อการประพันธ์วรรณคดีสันสกฤต
- Publicationคัมภีร์อนาคตวงศ์ อุเทศที่ 1-10 : การตรวจชำระและศึกษาเชิงวิเคราะห์ผ่าน วงษ์อ้วน; Wong-Uan, Pharn (1979)วิทยานิพนธ์นี้ เป็นการค้นคว้าวิจัยคัมภีร์อนาคตวงศ์ฉบับของไทย เกี่ยวกับที่มาด้านเนื้อเรื่อง ผู้แต่ง สถานที่แต่ง และสมัยที่แต่ง และตรวจสอบชำระต้นฉบับต่างๆ ของคัมภีร์นี้ที่ผู้วิจัยค้นพบ เพื่อให้ได้ฉบับภาษาบาลีที่ถูกต้องและใกล้เคียงกับต้นฉบับเดิม ซึ่งเข้าใจว่าเป็นผลงานของภิกษุทางลานนา ผลการค้นคว้าปรากฏว่า คัมภีร์อนาคตวงศ์ แต่งขึ้นระหว่างพุทธศตวรรษที่ 16-18 โดยผู้แต่งได้รับอิทธิพลเรื่องโพธิสัตว์จากลัทธิมหายาน ส่วนที่มาของเรื่องน่าจะได้มาจากหลายแหล่ง คือ จากพระไตรปิฎกและอรรถกถาชาดก เป็นต้น เนื้อหาของวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ แบ่งออกเป็น 5 บท คือ บทที่ 1 เป็นบทนำ กล่าวถึงความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์และประโยชน์ที่จะได้รับการวิจัยลักษณะต้นฉบับตัวเขียนที่นำมาสอบชำระ ข้อบกพร่องและลักษณะพิเศษในการจาร ประวัติความเป็นมาของคัมภีร์ทั้งด้านเนื้อหา ผู้แต่ง และสถานที่แต่ง แล้วกล่าวถึงวิธีการดำเนินการวิจัย บทที่ 2 เป็นคัมภีร์อนาคตวงศ์ภาษาบาลีที่ได้ตรวจสอบชำระจากต้นฉบับต่างๆ แล้วบทที่ 3 เป็นคำและข้อความที่ผิดเพี้ยนออกไปจากฉบับที่ชำระแล้ว บทที่ 4 เป็นคำแปล และบทที่ 5 เป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะ โดยเสนอว่า การค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมที่อาจทำได้ คือสอบชำระและเปรียบเทียบคัมภีร์อนาคตวงศ์ฉบับของไทยกับฉบับของพม่า, ฉบับของลาว หรือฉบับของกัมพูชา ถ้าสามารถนำมาสอบชำระได้เมื่อเหตุการณ์ในประเทศเหล่านี้สงบ และโอกาสอำนวย
- Publicationโลกัปปทีปกสารปริจเฉทที่ 3 และที่ 4 : การตรวจชำระและการศึกษาเชิงวิเคราะห์ปริทัศน์ ศรีรัตนาลัย; Srirattanalai, Parithasana (1980)คัมภีร์โลกัปปทีปกสาร เป็นคัมภีร์ภาษาบาลีที่พระเมธังกรแต่งขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 19 แบ่งเป็น 8 ปริจเฉท วิทยานิพนธ์นี้ เป็นงานวิจัยต่อเนื้อในชุดคัมภีร์โลกัปปทีปกสาร ซึ่งนายเกียงศักดิ์ ไทยคุรุพันธ์ ได้ทำการวิจัยไว้แล้ว 2 ปริจเฉท คือ ปริจเฉทที่ 1 และที่ 2 วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ เป็นการวิจัยต่อในปริจเฉทที่ 3 และ 4 เรื่อง เปตคตินิเทส และติรัจฉานคตินิเทส ซึ่งพระเมธังกรได้รวบรวมมาจากคัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถาและคัมภีร์อื่นๆ เนื้อหาของวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ แบ่งออกเป็น 5 บท คือ บทที่ 1 เป็น บทนำ กล่าวถึงความเป็นมาของปัญหา วัตถุประสงค์ของการวิจัย วิธีดำเนินการวิจัย ขอบเขตของการวิจัย และประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย บทที่ 2 เป็นบทวิเคราะห์คัมภีร์โลกัปปทีปกสาร ปริจเฉทที่ 3 และ 4 บทที่ 3 เป็นคัมภีร์โลกัปปทีปกสารที่ตรวจชำละแล้ว และคำหรือข้อความที่ผิดเพี้ยนไป บทที่ 4 เป็นคำแปล และบทที่ 5 เป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะ
- Publicationเมฆทูต ของ กาลิทาสจิรพัฒน์ ประพันธ์วิทยา (ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 1980)