ภาษาศาสตร์ประยุกต์
Permanent URI for this collection
บทความวิจัยและวิทยานิพนธ์ในสาขาวิชาภาษาศาสตร์ที่สังกัดสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย ในสายภาษาศาสตร์ประยุกต์ ได้แก่ การแปล (Translation) การรับภาษาที่สอง (Second (Foreign) language acquisition) การรับภาษาที่หนึ่ง (First language acquisition) การเรียนการสอนภาษา (Language teaching) ภาษากับปริชาน (Language and cognition) ภาษาศาสตร์คลังข้อมูล (Corpus linguistics) ภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์/การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Computational linguistics/Natural language processing) ภาษาศาสตร์จิตวิทยา (Psycholinguistics) ภาษาศาสตร์เชิงคลินิก/การแก้ไขการพูดการได้ยินภาษา/ความผิดปกติในการสื่อความหมาย (Clinical linguistics/Speech-language pathology/Communication disorders) ภาษาศาสตร์เชิงประวัติ/นิรุกติศาสตร์ (Historical linguistics/Philology) ภาษาศาสตร์ปริชาน (Cognitive linguistics) ภาษาศาสตร์เปรียบเทียบ (Comparative linguistics) ภาษาศาสตร์สังคม (Sociolinguistics) วิทยาภาษาถิ่น (Dialectology)
Browse
Browsing ภาษาศาสตร์ประยุกต์ by Degree Grantor(s) "มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ"
Now showing 1 - 20 of 31
Results Per Page
Sort Options
- Publicationการเชื่อมโยงความและเกี่ยวข้องของเรื่องที่สนทนาในการสนทนาแบบเป็นกันเองระหว่างเพศชายและเพศหญิงชื่นจิตต์ อธิวรกุล; Chuenchit Athiworakun (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 2010)งานวิจัยนี้ศึกษากลไกเชื่อมโยงความและวิธีการรักษาความเกี่ยวของของเรื่องที่สนทนาของแตละ เพศ ความเหมือนและความแตกตางในการเลือกใชกลไกเชื่อมโยงความและวิธีการรักษาความเกี่ยวของ ของเรื่องที่สนทนาระหวางเพศชายและเพศหญิงในการสนทนาแบบเปนกันเอง โดยพบวาเพศของผู สนทนาไมไดสงผลตอการเลือกใชกลไกเชื่อมโยงความ เพราะผูสนทนาไมวาจะเพศใดตางเลือกใชกลไก เชื่อมโยงความทั้ง 5 กลไก เชนเดียวกัน คือ กลไกการอางถึง กลไกการแทนที่ กลไกการละ กลไกการ ใชคําเชื่อม และกลไกการเชื่อมโยงคํา แตจากขอมูลสามารถสรุปไดวาเพศชายเปนเพศที่มีการเลือกใช กลไกที่ทําใหผูรวมสนทนาติดตามเรื่องไดงาย มีลําดับเหตุการณที่ชัดเจน สวนเพศหญิงมีการใชกลไกการ ใชคําเชื่อมเพื่อแสดงความตอเนื่องมากกวาเพศชาย นอกจากนั้น จากขอมูลพบขอสังเกตในการใชกลไก การซ้ําที่แตกตางกันระหวางเพศ คือ เพศหญิงเปนเพศที่มักจะพูดขยายความเรื่องที่สนทนา โดยมักเปน การพูดวนจึงทําใหเกิดการซ้ํา ตรงขามกับเพศชายที่มีนิสัยพูดเรื่องหนึ่งๆ แลวจบไป จึงทําใหเพศชายพูด ซ้ําเพื่อโตตอบกันไปมาเทานั้น สวนผลการวิเคราะหวิธีการรักษาความเกี่ยวของของเรื่องที่สนทนาพบวาถึงแมวาทั้ง 2 เพศ ใช วิธีการรักษาความเกี่ยวของของเรื่องที่สนทนาทั้ง 4 ขอ เหมือนกัน คือ การรักษากฎ การทากฎ การ ละเมิดกฎโดยจงใจ และการขึ้นหัวขอสนทนาใหม แตพบความแตกตางกัน คือ เพศชายเลือกใชวิธีการ รักษากฎมากเมื่อสนทนากับเพศชาย และใชวิธีการรักษากฎนอยลงเมื่อสนทนากับเพศหญิง นอกจากนั้น เพศชายมีแนวโนมที่จะใชวิธีการขึ้นหัวขอสนทนาใหมมากกวาเพศหญิง สวนเพศหญิงเลือกใชวิธีการรักษา กฎมากเมื่อสนทนากับเพศชาย และใชวิธีการรักษากฎนอยลงเมื่อสนทนากับเพศหญิง
- Publicationการใช้แนวการสอนภาษาแบบองค์รวมในการสร้างหนังสืออ่านเพิ่มเติมแบบมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านจิตติมา เขียวพันธุ์; Jitthima Khiawphan (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 2010)
- Publicationการใช้ภาษาของชาวไทยลื้อในหมู่บ้านเชียงบาน ตำบลเชียงบาน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา : การศึกษาทางมานุษยคดี ด้านการพูดรพีพร รักมนุษย์; Raphiporn Rakmanut (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1985)
- Publicationการพัฒนาสื่อมัลติมีเดียบทพูดเข้าจังหวะการออกเสียงสระเกร็ง-คลายภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันพัชรี โชคเพิ่มพูน; Patcharee Chokphermphun (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 2017)This study aims to develop multimedia for chants, a phonetic exercise, for American English Tense-Lax vowels for Thai Grade One students focused on three pairs of Tense-Lax vowel sounds: Iii-hi, /u/-/u/, and /e1/-/fJ. Using Purposive sampling method with fifty Grade One students from Anuban Nangrong, Buriram, Thailand. The duration, formants (Fl and F2) were examined before and after the use of the multimedia to see if it improved the number of the students who could pronounce the vowel sounds approached that of native English speakers (NSs). The study found the following: 1) the number of students who were able to pronounce /u/ and /el with an NS duration time increased; 2) The number of students whose Fl of Iii, /u/-/u/, /e1/-/e/ fell into the range of NSs increased; 3) The number of students whose F2 of Iii-hi, lul, /e1/-/e/ fell into the range of NSs also increased. It is interesting that hi and /u/ were the most difficult vowel sounds for students to pronounce within the NSs range. It may be that the students have assimilated the English vowel sounds to the closest Thai vowel sounds according to the Perceptual Assimilation Model (Best. 1994) or there should be more inputs of vowel sounds in the multimedia in order for students to properly learn the sounds. However, the students were satisfied with the multimedia at the level of "very satisfied" to "most satisfied" by completing the satisfaction assessment in using the multimedia to improve the pronunciation of vowel sounds.
- Publicationการรับรู้ประโยคความซ้อนของเด็กอายุ 3 ปี 6 เดือน ถึง 5 ปี 6 เดือนแน่งน้อย คุ้มทรัพย์; Nangnoi Khumsap (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1984)
- Publicationการวิเคราะห์ข้อบกพร่องในการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษของนักศึกษา ครุศาสตร์บัณฑิตภายหลังบทเรียนการเขียนเพื่อสื่อความหมายและการเขียนเรียงความแบบเดิมสมบูรณ์ วิภาวีนุกูล; Sombun Wiphaweenukun (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1985)
- Publicationการวิเคราะห์ข้อบกพร่องในการแปลรายงานทางราชการกรองจิตต์ ทรงเจียระพานิช; Khrongchit Songchiaraphanit (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1985)งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการใช้ค าและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงลักษณะของค า และความหมายของค าศัพท์การประกอบอาหารไทยถิ่นเหนือ ค าศัพท์ที่ใช้ศึกษาในงานวิจัยน้ี ประกอบ ด้วยค าศัพท์ 48 ค า ซ่ึงอ้างอิงจากงานวิจัยของโกสินทร์ ปัญญาอธิสิน (2552: 65-67) โดย กลุ่มประชากรตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย คือ ผู้บอกภาษาชาวไทยถ่ินเหนือจ านวน 30 คน แบ่งออก ตามระดับช่วงอายุเป็ น 3 กลุ่มคือ ช่วงอายุที่ 1 อายุ 55-65 ปี ช่วงอายุที่ 2 อายุ 35-45 ปี และช่วงอายุที่ 3 อายุ 15-25 ปี ผลที่ได้จากการวิจัยสรุปได้ว่า อายุที่แตกต่างกันเป็ นปัจจัยส าคัญที่ท าให้เกิดความแตกต่าง ในการใช้ค าศัพท์การประกอบอาหารไทยถิ่นเหนือ โดยผู้บอกภาษาช่วงอายุที่ 1 พบว่ามีการใช้ค า ศัพท์การประกอบอาหารไทยถิ่นเหนือมากที่สุด ในขณะที่ช่วงอายุที่ 3 พบว่ามีการใช้ค าศัพท์การ ประกอบอาหารไทยถ่ินเหนือน้อยที่สุด นอกจากน้ียังพบว่า ค าศัพท์การประกอบอาหารไทยถ่ิน เหนือที่ยังคงใช้กันอยู่ท้ัง 3 ช่วงอายุ มีท้ังสิ้น 35 ค า ค าศัพท์ที่ก าลังจะสูญหาย มีท้ังสิ้น 11 ค า และค าศัพท์ที่ไม่ ปรากฏผู้ใช้แล้วมีท้ังสิ้น 2 ค า ลักษณะการเปลี่ยนแปลงของค าศัพท์การประกอบอาหารไทยถิ่นเหนือ พบว่า ในการเปลี่ยน แปลงทางเสียงมีการแปรเสียงพยัญชนะและสระในผู้บอกภาษาทุกช่วงอายุ โดยช่วงอายุที่ 3 มีการ แปรมากที่สุด ส่วนการแปรด้านศัพท์ก็เช่นเดียวกัน คือ มีการใช้ศัพท์อื่นแทนค าศัพท์การประกอบ อาหารเดิมในท้ัง 3 ช่วงอายุ นอกจากน้ีในการเปลี่ยนแปลงด้านความหมายของค าศัพท์การประกอบ อาหารไทยถิ่นเหนือซ่ึงเปรียบเทียบความหมายระหว่างผู้บอกภาษาท้ังสามช่วงอายุโดยใช้ความหมาย ของผู้บอกภาษาช่วงอายุที่ 1 เป็ นเกณฑ์ ซ่ึงพบว่ามีการเปลี่ยนความหมายของค าศัพท์ 3 ลักษณะ คือ ความหมายกว้างออก ความหมายแคบเข้า และความหมายแบบผสม
- Publicationการวิเคราะห์คำคุณศัพท์ในหนังสือเรียนภาษาอังกฤษระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามวิธีการทางอรรถศาสตร์สุนทรี มนัส; Sunthree Manat (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1985)
- Publicationการวิเคราะห์คำแสดงคำถาม อะไร ที่ให้ความหมาย ทุกอย่าง ในภาษาไทยกานต์สินี ช่วยเพ็ญชัยภัทร.; Kansinee Chuayphenchaiphat (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 2010)
- Publicationการวิเคราะห์เชิงแย้งตามหลักภาษาศาสตร์เชิงสังคมวิทยา : การศึกษาความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมในการใช้ภาษาอังกฤษกับภาษาไทยมยุรี กลิ่นศรีสุข; Mayuree Khlinsrisuk (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1985)
- Publicationการวิเคราะห์เชิงแย้งระหว่างภาคแสดงของประโยคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ตามทฤษฎีไวยากรณ์ระบบการกิจนิติมา ไกรฤกษ์; Nithima Khrairuek (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1992)
- Publicationการวิเคราะห์ปัญหาการใช้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นเด็กเล็กและนักเรียนชั้นประถมปีที่ 1 ที่พูดภาษาเขมรและภาษาส่วยในชีวิตประจำวันณรงค์ฤทธิ์ โสภา; Narongrit Sopha (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1988)
- Publicationการวิเคราะห์สื่อการเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษ 513-514 และความสอดคล้องกับหลักสูตรจรี เทียนไชย; Jaree Thiancahi (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1985)
- Publicationการวิเคราะห์สุภาษิตอังกฤษและสุภาษิตไทยศุภมาศ ทิพย์ลือพร; Supphamat Thiplueporn (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1985)
- Publicationการวิเคราะห์หน่วยคำ อะไร ที่ปรากฎในวัจนกรรมตรงและวัจนกรรมอ้อมตามหลักกลสัทศาสตร์วัลลภาภรณ์ สอนบุญตา.; Wanlaphaporn Sonbuntha (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 2010)งานวิจัยนี้วิเคราะห์หน่วยคา “อะไร” ที่ปรากฏในวัจนกรรมตรงและวัจนกรรมอ้อมด้วยวิธีทางกลสัทศาสตร์ โดยผู้วิจัยวิเคราะห์คุณสมบัติทางกลสัทศาสตร์ของสระประสม // ในหน่วยคำ“อะไร” // 3 ลักษณะดังนี้ 1) ค่าระยะเวลา ของช่วงเชื่อมต่อและสระส่วนที่ 2 2) ค่าความถี่ฟอร์-เมินท์ที่ 1 ค่าความถี่ฟอร์เมินท์ที่ 2 และค่าความถี่ฟอร์เมินท์ที่ 3 ของสระส่วนที่ 1 และสระส่วนที่ 2 และ 3) ค่าความถี่มูลฐานของช่วงเชื่อมต่อ ที่ปรากฏในวัจนกรรมกรรมตรง 3 ประเภท คือ 1)ประโยคคาถามตอบรับ-เนื้อความ 2) ประโยคคาถามตอบรับ-ปฏิเสธ และ 3) ประโยคปฏิเสธ และปรากฏในวัจนกรรมอ้อม 4 ประเภท คือ 1) วัจนกรรมการตาหนิ 2) วัจนกรรมการบ่น 3) วัจนกรรมการทักทาย และ 4) วัจนกรรมการชมผู้วิจัยเตรียมบริบทสาหรับผู้บอกภาษาที่รับการบันทึกเสียง โดยผู้บอกภาษาต้องพูดตามอารมณ์และความรู้สึกจากกาตีความบริบท ผู้รับการบันทึกเสียงพูดประโยคละ 8 ครั้ง ผลการวิเคราะห์สระประสม // ในหน่วยคา “อะไร”/[arai] ในแต่ละลักษณะ ผู้วิจัยนาไปวิเคราะห์หาความแตกต่างของประโยคทั้ง 7 ประเภท โดยใชสถิติ Anova ที่ระดับความเชื่อมั่น .05 ถ้าพบความแตกต่างของลักษณะใดของคุณสมบัติทางกลสัทศาสตร์ ผู้วิจัยนาผลการวิเคราะห์ของลักษณะนั้นไปเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคู่ประโยค โดยใช้สถิติ Post Hoc Multiple Comparison ที่ระดับความเชื่อมั่น .0083ผลการวิเคราะห์ ไม่พบความแตกต่างของคุณสมบัติทางกลสัทศาสตร์ของสระประสม //ในหน่วยคา “อะไร” ที่ปรากฏในวัจนกรรมตรงและวัจนกรรมอ้อมอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยกลับพบความแตกต่างของค่าความถี่มูลฐานระหว่างวัจนกรรมอ้อมที่แสดงอารมณ์ในด้านบวกกับวัจนกรรมอ้อมที่แสดงอารมณ์ในด้านลบ โดยวัจนกรรมอ้อมที่แสดงอารมณ์ในด้านบวกมีค่าความถี่มูลฐานสูง ในขณะที่วัจนกรรมอ้อมที่แสดงอารมณ์ในด้านลบมีค่าความถี่มูลฐานต่า
- Publicationการวิเคราะห์หนังสือเรียนวิชาภาษาอังกฤษระดับมัธยมศึกษาตอนต้น : New Horizons in English (Books 1,2,3)สลิสทิพย์ ใจดี; Salinthip Chaidee (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สำนักหอสมุดกลาง, 1985)
- Publicationการศึกษาการเปลี่ยนแปลงคําศัพท์และการออกเสียงคําศัพท์ในภาษาถิ่นอุบล ของบุคคลสองระดับอายุสุภรา สุขวรรณ; Suphra Sukkhawan (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 1994)ยังไม่ได้ใส่ - สมัครสมาชิกไม่ได้
- Publicationการศึกษาลักษณะคำสแลงของสาวประเภทสองในกรุงเทพมหานครก่อชาติ ชำนาญช่าง (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2003)การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1. ศึกษาลักษณะคำสแลงที่สาวประเภทสองใช้ 2. ศึกษาลักษณะการสร้างคำสแลง และพฤติกรรมที่สะท้อนให้เห็นจากการใช้ภาษา สแลงของสาวประเภทสอง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ สาวประเภทสองในเขตวังทองหลาง เขตวัฒนา และเขตห้วยขวาง จำนวน 45 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสัมภาษณ์ ซึ่งเป็นแบบไม่มีโครงสร้างแน่นอน วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าร้อยละ ผลการวิจัยพบว่า 1. การสร้างคำสแลงของสาวประเภทสองพบว่า ใช้วิธีสร้างคำใหม่มากที่สุด รองลงมาคือการนำคำที่มีอยู่แล้วในภาษามาสื่อความหมายใหม่และการยืมคำมาจากภาษาต่างประเทศหรือภาษาถิ่นอื่น วิธีที่พบน้อยที่สุดคือ การกำหนดคำให้สื่อความหมายด้วยเสียง นอกจากนั้น ยังพบเกณฑ์การสร้างคำใหม่ เพิ่มเติมซึ่งได้แก่ การผสานและประสมคำระหว่างคำที่มีอยู่แล้วใน ภาษากับ การย่อคำ, การแปรเสียง, และการตัดพยางค์ การสร้างคำจากการแปรเสียงของคำกับการตัดพยางค์, และการเพิ่มพยางค์ในคำปกติ 2. การใช้คำสแลงของสาวประเภทสองสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมบางด้านของสาวประเภทสอง พฤติกรรมที่พบมากที่สุดคือ ด้านเพศ รองลงมาคือด้านอุปนิสัยและบุคลิกภาพและด้านความสวยความงาม พฤติกรรมที่พบน้อยที่สุดคือ ด้านการทำงาน ด้านยาเสพติด ด้านโรคภัย และด้านความสัมพันธ์ภายในกลุ่ม
- Publicationการศึกษาวิธีการหลีกเลี่ยงการใช้คำไม่สุภาพของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนกระดานสนทนาวิภาพรรณ แจ้งจร; Wipapan Jangjorn (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2004)การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาวิธีการหลีกเลี่ยงการใช้คำหยาบคายและคำที่มีความหมายส่อไปในการไม่สุภาพในการพิมพ์ข้อความแสดงความคิดเห็นในกระดานสนทนาหรือ Web Board กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีการหลีกเลี่ยงการใช้คำหยาบคายหรือคำที่มีความหมายส่อไปในการไม่สุภาพในการพิมพ์ข้อความแสดงความคิดเห็นบนกระดานสนทนา (Web Board) ในเว็บไซต์ www.mweb.co.th ที่กระดานสนทนาชื่อ “คอกีฬา” “ดารานักร้อง” และในเว็บไซต์ www.sanook.com ที่กระดานสนทนาชื่อ “Free of Your Mind” “Talk of the Town” ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ – เมษายน 2546 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ผลการศึกษาพบ กระทู้ที่มีการหลีกเลี่ยงการใช้คำไม่สุภาพมีจำนวนทั้งสิ้น 819 กระทู้ จากกระทู้ทั้งหมด 4,967 กระทู้ คิดเป็นร้อยละ 16.488 มีคำที่มีการหลีกเลี่ยงการใช้คำไม่สุภาพจำนวน 2,982 คำ เมื่อนำมาคัดเลือกโดยตัดคำซ้ำจะได้คำที่มีการหลีกเลี่ยงการใช้คำไม่สุภาพที่ไม่ซ้ำกันได้ทั้งหมด 687 คำ (23.038%) เมื่อนำคำทั้งหมดมาจัดกลุ่มเกณฑ์การใช้ภาษาสุภาพเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้คำไม่สุภาพพบว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใช้กลวิธีการเว้นวรรคในการหลีกเลี่ยงการใช้คำไม่สุภาพมากที่สุด (33.350%) รองลงมาคือ การเปลี่ยนตัวอักษร (20.010%) การละ (16.385%) การสะกดคำด้วยภาษาอังกฤษ (5.075%) การยืมคำศัพท์จากภาษาต่างประเทศ (2.755%) การใช้อุปลักษณ์ (2.175%) และกลวิธีที่พบน้อยที่สุดคือ การย่อคำ (1.305%) นอกจากนั้นยังพบกลวิธีที่ใช้ในการหลีกเลี่ยงการใช้คำไม่สุภาพเพิ่มเติม ได้แก่ การเขียนในรูปการสะกดคำ (2.465%) การใช้คำสแลง (2.320%) การใช้คำผวน (1.160%) การใช้สัญลักษณ์หรือรูปภาพแทนที่ตัวอักษร (0.870%) การใช้ภาษาถิ่น (0.435%) การใช้คำเชิงวิชาการ (0.435%) การประสมคำและการกลมกลืนเสียง (0.145%) และการหลีกเลี่ยงการใช้คำไม่สุภาพโดยใช้มากกว่า 1 วิธี (10.730%)
- Publicationการศึกษาวิธีสอนภาษาอังกฤษแบบกลุ่มสัมพันธ์ : ทฤษฎีและการปฏิบัติศรีรัตน์ กำเนิดบุญ (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 1988)