ภาษาศาสตร์ประยุกต์
Permanent URI for this collection
บทความวิจัยและวิทยานิพนธ์ในสาขาวิชาภาษาศาสตร์ที่สังกัดสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย ในสายภาษาศาสตร์ประยุกต์ ได้แก่ การแปล (Translation) การรับภาษาที่สอง (Second (Foreign) language acquisition) การรับภาษาที่หนึ่ง (First language acquisition) การเรียนการสอนภาษา (Language teaching) ภาษากับปริชาน (Language and cognition) ภาษาศาสตร์คลังข้อมูล (Corpus linguistics) ภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์/การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Computational linguistics/Natural language processing) ภาษาศาสตร์จิตวิทยา (Psycholinguistics) ภาษาศาสตร์เชิงคลินิก/การแก้ไขการพูดการได้ยินภาษา/ความผิดปกติในการสื่อความหมาย (Clinical linguistics/Speech-language pathology/Communication disorders) ภาษาศาสตร์เชิงประวัติ/นิรุกติศาสตร์ (Historical linguistics/Philology) ภาษาศาสตร์ปริชาน (Cognitive linguistics) ภาษาศาสตร์เปรียบเทียบ (Comparative linguistics) ภาษาศาสตร์สังคม (Sociolinguistics) วิทยาภาษาถิ่น (Dialectology)
Browse
Browsing ภาษาศาสตร์ประยุกต์ by Issue Date
Now showing 1 - 20 of 681
Results Per Page
Sort Options
- PublicationThe Characteristics of Figures and Grounds in Japanese Entering Conceptsอภิชาติ คานนิม; Karnnim, ApichartThis study aims to analyze the characteristics of Figures and Grounds in conceptualization of entering in Japanese language according to cognitive linguistics. The study method included collecting verbs expressing the entering from Ruigojiten Dictionary, and collecting sentences from Japanese Corpus to analyze the characteristics of those Figures and Grounds which appeared in the events of entering. The findings were that the Figures comprised of three characteristics: (1) volition of entering, (2) independence, and (3) self-controllability. If entities in the events have all of these characteristics, they will be considered as good Figures. However, if the entities have only some of these characteristics, there will be tendency to function as Grounds in those events. In addition, there are some more factors such as size - the Figures should be smaller than the Grounds, and the verbs which appeared together with Figures and Grounds. In terms of the characteristics of the Grounds in conceptualization of entering, the results showed that the prototype of Grounds are hollow, having clear boundary, with enclosure in which the Figures can move inside. Moreover, the Grounds can be categorized into three types: (1) three-dimension Grounds which are hollow inside, with an entering cavity, (2) three-dimension Grounds which are not hollow, and without entering cavity, (3) two-dimension Grounds which are flat.
- Publicationภาษา: การพัฒนาทุนมนุษย์ให้กับแรงงานข้ามชาติในสังคมพหุวัฒนธรรมอาเซียนโสภณา ศรีจำปา; Srichampa, Sophanaบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่าประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์มีส่วนในการพัฒนาด้านภาษาให้กับแรงงานข้ามชาติในฐานะทุนมนุษย์ในสังคมพหุวัฒนธรรมอาเซียน ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ และการสอบถามเพิ่มเติมด้วยแบบสอบถาม พื้นที่วิจัย: จังหวัดสมุทรสาคร; ประเทศมาเลเซีย: กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองปุตราจายา และรัฐยะโฮว์ และประเทศสิงคโปร์ ผลการศึกษาพบว่าจากการวิเคราะห์ตามสภาพแวดล้อมทางสังคมที่แรงงานข้ามชาติใช้ภาษา ได้แก่ สถานที่ทำงาน: ภาษาที่ใช้ในการทำงานของแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยคือภาษาไทย ภาษาพม่าและภาษามอญ, ประเทศมาเลเซีย แรงงานไร้ฝีมือใช้ภาษามาเลเซียเป็นหลัก ส่วนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาทมิฬขึ้นอยู่กับนายจ้าง, ประเทศสิงคโปร์ แรงงานกึ่งฝีมือใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ส่วนภาษาจีนขึ้นอยู่กับความต้องการของนายจ้าง; สถานศึกษา: ประเทศไทยใช้ภาษาไทย ภาษาพม่า ภาษามอญ และภาษาอังกฤษ, ประเทศมาเลเซียใช้ภาษาอังกฤษ ภาษามาเลเซีย ภาษาจีน และภาษทมิฬ, ประเทศสิงคโปร์ใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาแม่ของผู้เรียน: สถานที่ราชการและพื้นที่สาธารณะ: ประเทศไทยใช้ภาษาไทย ภาษาพม่า และมีภาษาอังกฤษบ้าง, ประเทศมาเลเซียใช้ภาษาอังกฤษ ภาษามาเลเซียเป็นภาษาหลัก ส่วนภาษาจีนขึ้นอยู่กับความต้องการของนายจ้าง ศาสนสถาน: ในสมุทรสาคร วัดไทยใช้ภาษาไทย ภาษามอญ ภาษาพม่า และภาษาบาลี, ในมาเลเซียและสิงคโปร์ วัดไทยใช้ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาบาลี และสถานพยาบาล: ประเทศไทยมีล่ามภาษาพม่า-ไทยให้, ประเทศมาเลเซียใช้ภาษาอังกฤษ ภาษามาเลเซีย ภาษาทมิฬ และภาษาฮินดี, ประเทศสิงคโปร์ใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาไทยเมื่อไปพบแพทย์และพยาบาลไทย ผลการวิจัยนำไปสู่ข้อเสนอแนะ ดังนี้รัฐบาล สถาบันการศึกษา รวมถึงองค์กรเอกชนควรร่วมมือกันวางแผนในการผลิต “ล่าม” เพื่อให้ได้มาตรฐานมากขึ้น และเพียงพอต่อการใช้งานในพื้นที่ต่าง ๆ อีกทั้งควรส่งเสริมให้นักศึกษาไทยเรียนภาษาเพื่อนบ้านในอาเซียนให้สามารถใช้งานในระดับแปลและล่ามได้ โดยเพิ่มเบี้ยภาษาเพื่อเป็นแรงจูงใจและสร้างล่ามคนไทยให้มากขึ้น, ควรมีการจัดอบรมให้ความรู้ทางด้านภาษาและวัฒนธรรมไทยเบื้องต้นรวมถึงกฎ กติกาที่ควรและไม่ควรทำกับแรงงานข้ามชาติในประเทศต้นทางก่อนรับมาทำงานในประเทศไทย, ส่งเสริมให้คนไทยที่จะไปทำงานในร้านอาหารต้มยำกุ้ง นวดและสปาไทยในต่างประเทศได้รับการพัฒนาทักษะการทำงานที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ และภาษาอื่น ๆ ที่จำเป็นของประเทศปลายทางเพื่อให้การทำงานและการใช้ชีวิตอยู่มีความมั่นคงและมีความสุข, รัฐบาลควรมีกระบวนการติดตามแรงงานไทยที่กลับจากประเทศเหล่านี้เพื่อทำคลังทรัพยากรมนุษย์ ควรถอดบทเรียนและจัดทำคู่มือ รวมถึงบทสนทนาและคลังคำศัพท์ในการทำงานภาษาต่าง ๆ ตามประเทศของแรงงาน และการใช้ชีวิตประจำวันในการทำงานในประเทศปลายทางในรูปออฟไลน์ และออนไลน์ต่อไป
- Publicationการแทรกซ้อนของภาษาไทยเหนือในการเรียนภาษาไทยกลางสุไร พงษ์ทองเจริญ
- Publicationการเรียนสาระวิชาโดยใช้ภาษาที่สองเป็นสื่อกมลทิพย์ พลบุตร; Phonlabutra, Kamolthipบทความนี้มีวัตถุประสงค์นําเสนอองค์ความรู้ ด้านการเรียนสาระวิชาโดยใช้ภาษาที่สองเป็นสื่อ ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างเนื้อหาวิชากับภาษาที่สอง การอภิปรายประกอบด้วยความเป็นมาของการศึกษารูปแบบนี้ แนวคิดทฤษฎีด้านการเรียนภาษาที่สองที่เกี่ยวข้อง และผลการศึกษาประสิทธิภาพของการเรียนสาระวิชาในหลักสูตรของสถานศึกษาโดยใช้ภาษาที่สองเป็นสื่อ จากหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งนําไปสู่ข้อเสนอแนะสําหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการหลักสูตรของสถานศึกษาโดยใช้ภาษาที่สองเป็นสื่อ เช่นผู้กําหนดนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน
- Publicationการตัดสินการพูดภาษาอังกฤษของผู้พูดชาวไทยโดยเจ้าของภาษาปริชาติ สุทธิเจษฎาโรจน์การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการด้วยกัน ได้แก่ เพื่อเปรียบเทียบระดับสำเนียงต่างประเทศระหว่างการพูดวัจนลีลาที่เป็นทางการน้อยกับวัจนลีลาที่เป็นทางการมาก และเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินการพูดภาษาอังกฤษ ผู้วิจัยได้แบ่งกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้ฟังเจ้าของภาษาอังกฤษจำนวน 20 คน ออกเป็น 4 กลุ่ม ตามปัจจัยการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ – ไม่ได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และการได้คลุกคลีอยู่กับการพูดภาษาอังกฤษของชาวไทยมาก – น้อย ผู้ฟังตัดสินการพูดภาษาอังกฤษจำนวน 44 ถ้อยความที่พูดโดยผู้พูดชาวไทยจำนวน 10 คน และชาวอเมริกัน 1 คน โดยถ้อยความที่พูดจะเป็นถ้อยความที่ได้จากการตอบคำถามจากภาพแทนวัจนลีลาที่เป็นทางการน้อย และถ้อยความที่ได้จากการอ่านแทนวัจนลีลาที่เป็นทางการมาก ผลการศึกษาในประเด็นของวัจนลีลานั้น ผลของการจัดระดับสำเนียงต่างประเทศทำให้เห็นว่า การพูดในแบบวัจนลีลาที่เป็นทางการมาก และเป็นทางการน้อยไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ปัจจัยด้านตัวผู้ฟังต่อการตัดสินการพูด พบว่า การตัดสินมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน กล่าวคือ ผู้ฟังแต่ละกลุ่มตัดสินได้น่าเชื่อถือพอกัน ดังนั้น การได้คลุกคลีอยู่กับการพูดภาษาอังกฤษของไทย และการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีอิทธิพลต่อความน่าเชื่อถือในการตัดสินการพูด ผลการศึกษาในครั้งนี้ สนับสนุนแนวคิดที่ว่า ลักษณะการออกเสียงหรือสัทลักษณะของเสียงผู้พูดเองที่เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินระดับสำเนียงต่างประเทศ
- Publicationเสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทยสมัยรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 9ผณินทรา ธีรานนท์; Teeranon, Phanintraงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสัทลักษณะของวรรณยุกต์ 3 หน่วยเสียงในภาษาไทย คือ วรรณยุกต์โท ตรี และจัตวา ที่ออกเสียงโดยกลุ่มผู้พูดอายุมากกว่า 80 ปี และต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนผู้พูดในสมัยรัชกาลที่ 6 และผู้พูดรุ่นเด็กในปัจจุบัน ตามลําดับ จากผลการวิจัยพบว่า สัทลักษณะของวรรณยุกต์โท และจัตวา ที่พูดโดยผู้พูดอายุมาก กว่า 80 ปี และต่ํากว่า 15 ปี ไม่แตกต่างกันมาก คือ ยังคงมีสัทลักษณะเป็นตก และขึ้น ตาม ลําดับ ในผู้พูดทั้งสองกลุ่ม แต่สัทลักษณะของวรรณยุกต์ตรีในผู้พูดทั้งสองกลุ่มอายุมีสัท ลักษณะแตกต่างกันมาก คือ มีสัทลักษณะสูง-ตก ในผู้พูดอายุมากกว่า 80 ปี และมีสัท ลักษณะกลาง ขึ้น ในผู้พูดอายุต่ํากว่า 15 ปี ซึ่งเป็นความแตกต่างในลักษณะตรงกันข้าม
- Publicationการแปลตัวเลขในการล่ามการประชุมไทย-อังกฤษศศี จันทร์ประพันธ์การล่ามหมายถึงการฟังต้นฉบับในภาษาต้นทางและแปลเป็นภาษาปลายทางโดยพูดคำแปลเพื่อให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าใจภาษาต้นทางเข้าร่วมในการสื่อสารได้ การล่ามที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันแบ่งออกเป็นการล่ามแบบพูดตาม (consecutive Interpretation) และการล่ามแบบพูดพร้อม(simultaneous Interpretation)โดยในการล่ามแบบพูดตามล่ามจะพูดคำแปลเมื่อผู้พูดต้นฉบับเว้นช่วงให้ และในการล่ามแบบพูดพร้อมล่ามจะพูดคำแปลไปพร้อมๆกับที่ผู้พูดต้นฉบับพูดซึ่งจะมีระยะทิ้งช่วง(décalage) ที่ล่ามจะพูดคำแปลไล่ตามเนื้อหาที่ผู้พูดต้นฉบับได้พูดออกมา การล่ามที่ใช้ในการประชุมมักเป็นการล่ามแบบพูดพร้อมเพราะมีความสะดวกที่ประหยัดเวลาและสามารถแปลภาษาต้นทางออกเป็นภาษาปลายทางหลายๆภาษาได้ในเวลาเดียวกันผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับการล่ามแบบพูดพร้อมที่จะนำเสียงของล่ามไปเข้าหูฟังของผู้ใช้บริการ โดยผู้ใช้บริการสามารถเลือกภาษาปลายทางที่ตนต้องการฟังผ่านช่อง (channel)ที่หูฟัง การล่ามแบบพูดพร้อมเป็นการแปลที่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและเป็นการแปลที่ล่ามจำเป็นต้องใช้สมรรถนะหลายอย่างในเวลาเดียวกันการแปลต้นฉบับที่มีความซับซ้อนซึ่งต้องวิเคราะห์หลายขั้นตอนจึงจะสามารถเข้าถึงความหมายได้เช่นการแปลรูปประโยคที่มีความซับซ้อนหรือการแปลตัวเลขจึงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับล่าม บทความนี้จะวิเคราะห์เหตุของปัญหาดังกล่าวในบริบทของการล่ามพูดพร้อมไทย-อังกฤษและเสนอแนวทางในการแก้ไขเพื่อให้ผู้เรียนวิชาล่ามและผู้ประกอบวิชาชีพล่ามสามารถนำไปปฏิบัติใช้ในการเรียนและการทำงานของตนได้
- Publicationร่องรอยความเชื่อ "เต๋า" ใน "ภาษาไท-ไทย"วิไลวรรณ ขนิษฐานันท์; Khanittanan, Wilaiwanบทความนี้เสนอว่า คนไทเคยนับถือศาสนาเต๋าก่อนอพยพมาสู่อาณาบริเวณที่เป็นเมืองไทยในปัจจุบัน และเสนอการวิเคราะห์คําหลักของศาสนาเต๋า 7 คํา ซึ่งเป็นคํามรดกของภาษาตระกูลไทด้วย ว่าเป็นคําซึ่งมีที่มาจากภาษาจีน ซึ่งเป็นภาษาที่นักบวชเต๋าใช้ในการประกอบพิธีกรรม แต่เดิมศาสนาเต๋ารวมการปกครองและศาสนาไว้ด้วยกัน กล่าวคือ นักบวชเต๋าทําหน้าที่ทั้งปกครอง เก็บภาษี สอนและประกอบพิธีทางศาสนาด้วย
- Publicationภาษาศาสตร์กับวรรณคดี: ความสัมพันธ์ที่มิควรมองข้ามเอมอร ชิตตะโสภณ
- Publication...แต่ก่อนลายสือไทนี้ บ่มี...หมายถึง...แต่ก่อนจารึกเป็นภาษาไทยนี้ไม่มีวิไลวรรณ ขนิษฐานันท์บทความนี้เสนอว่า คําว่า “ลายสื่อ” ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคําแหง ควรตีความใหม่เป็น “หนังสือ” หรือ “ข้อความที่เขียนด้วยตัวอักษร” ไม่ใช่ “ตัวอักษร” ผู้เขียนใช้ข้อมูลจากการสํารวจคําว่า “ลาย” และ “สื่อ” ในภาษาตระกูลไททั้ง 3 สาขา สนับสนุนความคิดที่ว่า ต้องมีคําว่า “ตัว” นําหน้าคําว่า “ลาย” และ “สื่อ” เป็น “ตัวลายตัวสือ” เราจึงจะตีความว่า คําประสมนี้หมายถึง “ตัวอักษร” ได้ นอกจากนี้ ผู้เขียนยังเสนอว่า คําว่า “ใส่” ใน “ใส่ลายสือไท” มีความหมายแฝงอยู่ด้วยว่า ต้องมี “ลายสือไท” อยู่ก่อนแล้ว ฉะนั้นการตีความในศิลาจารึกหลักที่หนึ่งเดิมที่มีอยู่ว่า พ่อขุนรามคําแหงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นนั้น ควรเปลี่ยนเป็น พ่อขุนรามคําแหงโปรดให้เขียนศิลาจารึกหลักที่หนึ่งเป็นภาษาไทย
- Publication
- Publicationการตั้งกระทงคำถามข้อสอบการอ่านดำรง อัตตปรีชากุล; Attaprechakul, Damrongบทความนี้เสนอหลักและวิธีการเขียนคําถามแบบเลือกตอบเพื่อวัดความสามารถในผู้เขียนอธิบายข้อพึงพิจารณาตามหลักทฤษฎีที่จําแนกการเข้าใจในการอ่านเป็น 5 ด้านคือ การจับใจความหลัก การระบุใจความรอง การเข้าใจใจความย่อย การสรุปความตามเนื้อเรื่อง การเข้าใจความโดยอาศัยความรู้จากภายนอกประกอบ ผู้เขียนแสดงตัวอย่างข้อสอบและคําถามในภาคผนวกเพื่อเสริมคําอธิบายให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเขียนข้อสอบการอ่าน
- Publicationเขมรผสมไทย : การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ภาษาไทยวิไลวรรณ ขนิษฐานันท์; Khanittanan, Wilaiwanบทความนี้เสนอสมมติฐานว่าคนไทยใในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเคยเป็นกลุ่มชนทวิภาษา (bilingual) ใช้ทั้งภาษาเขมรและไทยในชีวิตประจำวันมาตั้งแต่ยุคก่อนอาณาจักรสุโขทัย จนถึงยุคอยุธยาซึ่งเป็นยุคที่เริ่้มมีการถ่ายเทลักษณะภาษาเขมรสู่ภาษาไทย และในยุคนี้การถ่ายเทขึ้นถุงจุดสูงสุดและสิ้นสุดลง สภาพการทวิภาษาดังกล่าวนี้ช่วยอธิบายว่าเหตุใดจึงมีลักษณะภาษาเขมรสอดแทรกอยู่ในภาษาไทยทั่วทุกด้านของภาษา และมีคำเขมรในภาษาไทยในปริมาณที่มากมาย มากกว่าคำมรดกไทเดิม (cognate) คำเขมรเหล่านี้มีมากมายและมีความซับซ้อนเกินกว่าที่จะอธิบายว่าคำเขมรในภาษาไทยทั้งหมดนี้เกิดจากการยืมภาษาเท่านั้น ผู้เขียนเสนอว่าการปนภาษา (code-mixing) และการย้ายภาษา (language shift) เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการถ่ายเทคำและลักษณะภาษาเขมรเข้าสู่ภาษาไทย และได้ใช้คำราชาศัพท์และวรรณกรรมไทยสมัยอยุธยาเป็นหลักฐานที่แสดงถึงการปนภาษาในสังคมทวิภาษา
- Publicationการศึกษาคำที่มีส่วนท้ายพยางค์กลุ่ม 通 ในเอกสารเซียนหลัวก่วนอี้อี่ว์พาน เหล่ย; จตุวิทย์ แก้วสุวรรณ์; Pan, Lei; Keawsuwan, Chatuwitการวิจัยนี้มุ่งศึกษาอักษรจีนที่ใช้ในการกำกับเสียงที่มีส่วนท้ายพยางค์กลุ่ม 通 (tōng) ในเอกสารเซียนหลัวก่วนอี้อี่ว์ (暹羅館譯語, xiānluóguǎn yìyǔ) เชิงสัทวิทยาภาษาจีนโบราณ (音韻學, yīnyùn xué) ผ่านการเปรียบเทียบภาษาสยามและภาษาไทยปัจจุบัน รวมถึงการวิเคราะห์วิธีการกำกับเสียงภาษาสยาม และตำแหน่งเสียงในอักขรานุกรมหงอู่เจิ้งอวิ้น (洪武正韻, hóngwǔ zhèngyùn) เพื่อทราบถึงที่มาของภาษาจีนที่ใช้เวลานั้นว่าเป็นภาษาถิ่นใด รวมกับการพยายามทำความเข้าใจวิธีการทับเสียงและการเปลี่ยนแปลงของภาษา ผลการวิจัยพบว่า 1) คำและพยางค์ที่ประสมกับสระโ-ะ โ- อุ และ อู ตามด้วยพยัญชนะท้ายพยางค์ ม จะใช้วิธีการเน้นออกเสียงสระนำ -i- ส่งผลให้เสียงพยัญชนะท้ายพยางค์เปลี่ยนจาก ง เป็น ม โดยอักษรจีนในกลุ่มนี้ทุกตัวอยู่ในระดับสาม 2) คำและพยางค์ที่ประสมกับสระโ-ะ โ- อุ และ อู ตามด้วยพยัญชนะท้ายพยางค์ ง จะออกเสียงสระนำ -i- สั้นลง จึงยังคงพยัญชนะท้ายพยางค์ไว้เหมือนเดิม โดยอักษรจีนในกลุ่มนี้ทุกตัวอยู่ในระดับสามเช่นกัน 3) กลุ่มอักษรจีนที่มีเสียงสอดคล้องกับภาษาสยามในยุคนั้น อักษรจีนในกลุ่มนี้ทุกตัวอยู่ในระดับหนึ่ง และ 4) อักษรจีนที่มีเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ น หรือ -n กับคำและพยางค์ภาษาสยามที่มีเสียงท้ายพยางค์ ม หรือ -m มีเพียง 1 คำ ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเป็นการแปลงเสียงในลักษณะของการกลมกลืนตามเสียงพยัญชนะต้นของพยางค์ที่ตามมา(anticipatory assimilation)
- PublicationA Comparison of HUMANS ARE ANIMALS Conceptual Metaphor between English and ThaiSaralamba, Chatchawadee; ชัชวดี ศรลัมพ์บทความนี้เป็นการศึกษาบทบาทของอุปลักษณ์และกระบวนการทำให้เป็นอุปลักษณ์มโนทัศน์“มนุษย์เป็นสัตว์” เปรียบเทียบระหว่างภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อพิจารณาว่าเกี่ยวข้องกับระบบมโนทัศน์ได้อย่างไร โดยศึกษาตามแนวคิดด้านอุปลักษณ์มโนทัศน์ของเลคอฟฟ์และจอห์นสัน (Lakoff& Johnson, 1980) ในทฤษฎีภาษาศาสตร์ปริชาน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในการศึกษาภาษาศาสตร์และการศึกษาข้ามวัฒนธรรมต่าง ๆ ในบทความนี้จะกล่าวถึงระบบมโนทัศน์อุปลักษณ์ของมนุษย์เป็นสัตว์และพฤติกรรมของมนุษย์เป็นพฤติกรรมของสัตว์ (Kövecses, 2002, 2005) ระบบมโนทัศน์ดังกล่าวนี้มีความเป็นสากลพบได้ในภาษาหลายภาษา มีการนำคำที่มีความหมายเป็นสัตว์หรือเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์มาเปรียบเทียบกับคน เป็นกระบวนการทำให้เป็นอุปลักษณ์ โดยเป็นความสัมพันธ์ของการถ่ายโยงความหมายมโนทัศน์จากวงความหมายมโนทัศน์ต้นทางและวงความหมายมโนทัศน์ปลายทางซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามภาษาและวัฒนธรรม การนำสัตว์มาใช้เปรียบเทียบกับคนเป็นอุปลักษณ์สัตว์นั้น พบในหลายภาษาและมีอยู่ในหลายวัฒนธรรม เป็นการนำสัตว์มาอ้างถึงพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น คนขลาดเป็นไก่ คนกล้าเป็นสิงโต คนที่ตามคนอื่นเป็นแกะ อุปลักษณ์เหล่านี้สะท้อนระบบมโนทัศน์ที่คล้ายคลึงกันของผู้ใช้ภาษาว่า “มนุษย์เป็นสัตว์” และเป็นลักษณะข้ามวัฒนธรรมและมีความเป็นสากลเพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้นเหมือนกัน ผลการศึกษายืนยันว่า อุปลักษณ์สัมพันธ์กับระบบมโนทัศน์ของผู้ใช้ภาษา มีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้งต่อการรับรู้และความเข้าใจต่อลักษณะทางสังคมและวัฒนธรร
- Publicationการใช้คำลงท้ายภาษาไทยในวรรณกรรมแปลเรื่อง อาร์ทิมิส ฟาวล์, อาร์ทิมิส ฟาวล์ ตอนมหันตภัยในอาร์คติก และอาร์ทิมิส ฟาวล์ ตอนรหัสลับนิรันดรรัชดา ปลาบู่ทอง; Plaboothong, Ratchadaบทความนี้ เป็นการศึกษาการใช้คําลงท้ายภาษาไทยในวรรณกรรมเยาวชนฉบับแปลเรื่อง “อาร์ทิมิส ฟาวล์, อาร์ทิมิส ฟาวล์ ตอนมหันตภัยในอาร์กติก และอาร์ทิมิส ฟาวล์ ตอนรหัสลับนิรันดร” ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาปัจจัยทางภาษาและวัฒนธรรมทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาไทยที่มีผลต่อการใช้คําลงท้าย โดยเป็นการวิเคราะห์จากบทสนทนาฉบับแปลภาษาไทยที่ปรากฏว่ามีการใช้คําลงท้ายเทียบเคียงกับต้นฉบับภาษาอังกฤษ ผลการศึกษาพบว่า สามารถแบ่งกลุ่มคําลงท้ายภาษาไทยได้ 3 กลุ่มใหญ่ คือ คําลงท้ายแสดงการถาม คําลงท้ายแสดงสถานภาพ (ทั้งคําลงท้ายแสดงความสุภาพ และคําลงท้ายแสดงความไม่สุภาพ) และคําลงท้ายแสดงอารมณ์ ความรู้สึก และทัศนคติของผู้พูด ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการใช้คําลงท้ายประกอบด้วย 1) ปัจจัยในภาษาอังกฤษ ได้แก่ โครงสร้างประโยค คําหรือสํานวน เครื่องหมายวรรคตอนและบริบท และ 2) ปัจจัยในภาษาไทย ได้แก่ การใช้ภาษาตามธรรมชาติของภาษาไทย
- Publicationการสื่อความด้วยคำพูดในองค์การ: การรับรู้และเงื่อนไขของการเรียนรู้สิริอร วิชชาวุธ; Wichawut, Siriornการรับรู้และเงื่อนไขของการเรียนรู้มีบทบาทสําคัญในการตีความหมายของคําพูด น้ำเสียงและปฏิกิริยาท่าทางของผู้สื่อความหมายที่ผู้รับสารตีความได้นั้นจะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของบุคคลผู้นั้น การเข้าใจในอิทธิพลของกระบวนการรับรู้และเงื่อนไขของการเรียนรู้จะช่วยให้ผู้สื่อสารสามารถปรับปรุงการสื่อความของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้รับสารมีพฤติกรรมในการทํางานที่ถูกต้องเหมาะสมได้ด้วย
- Publicationการศึกษาวิเคราะห์คุณลักษณะของหน่วยสร้างกริยา-ผลเพื่อการสอนภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศธีรวัฒน์ ธีรพจนี; Theerapojjanee, Theerawatการอธิบายความรู้เรื่องหน่วยสร้างกริยา-ผลในภาษาจีนกลางที่ปรากฏอยู่ในแบบเรียนหรือตำราไวยากรณ์จะเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานที่ควรทราบๆเมื่อผู้เรียนต้องอ่านประโยคหรือผลิตประโยคที่ต้องปรากฏหน่วยสร้างกริยา-ผลก็จะพบปัญหาๆเนื่องจากหน่วยสร้างกริยา-ผลเป็นหน่วยสร้างที่มีความถี่ในการใช้สูงๆและมีลักษณะทางความหมายที่หลากหลายๆผู้เรียนที่เข้าใจเพียงข้อมูลพื้นฐานอาจไม่สามารถจัดการกับการใช้ที่ซับซ้อนได้ๆด้วยเหตุนี้ๆจึงมีนักวิจัยศึกษาหน่วยสร้างกริยา-ผลเพื่อทำความเข้าใจความซับซ้อนทางความหมายจากมุมมองของวากยสัมพันธ์และอรรถศาสตร์แต่ผลการวิจัยเหล่านั้นยังมิได้นำมาใช้เป็นข้อมูลป้อนกลับเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนๆงานวิจัยฉบับนี้จะศึกษาวิเคราะห์คุณลักษณะของหน่วยสร้างกริยา-ผลในการวิจัยที่เกี่ยวข้องๆและอภิปรายผลสร้างความเชื่อมโยงให้เป็นเอกภาพเพื่อที่จะสามารถเสนอแนวทางการอธิบายความรู้เรื่องหน่วยสร้างกริยา-ผลตั้งแต่เริ่มต้นจนสามารถผลิตประโยคที่ถูกต้องได้
- Publicationวิธีสอนภาษาต่างประเทศแบบ ALM งานวิจัยจากอดีตจนถึงปัจจุบันปวีณัย บุญปกบทความนี้เป็นนําเสนองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับวิธีสอนแบบฟัง-พูด (Audiolingual Method หรือ ALM)ผู้เขียนได้ศึกษารวบรวมงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากเห็นว่าเป็นวิธีสอนที่เหมาะกับสถานการณ์การเรียนภาษาต่างประเทศของคนไทยในปัจจุบัน วิธีสอนแบบฟัง-พูด เป็นวิธีสอนภาษาต่างประเทศที่นักภาษาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาพัฒนาขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อฝึกฝนให้เจ้าหน้าที่และทหารอเมริกันที่จะไปประจําการยังประเทศต่าง ๆ สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้ในระยะเวลาอันสั้น วิธีสอนแบบฟัง-พูดนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในช่วงทศวรรษที่ 1940-1960 หลังจากนั้นมีนักวิชาการออกมาโจมตีวิธีสอนนี้จนเสื่อมความนิยมไป ในที่สุด ในประเทศไทยผู้เขียนพบว่ามีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับวิธีสอนนี้เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นการ สอนให้กับนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นมาได้มีการ นําเอาวิธีสอนแบบฟัง-พูดกลับมาใช้ในประเทศไทยอีกครั้ง โดยเป็นการสอนให้ผู้เรียนผู้ใหญ่ (adult learners)ระดับบัณฑิตศึกษาและบุคคลทั่วไป ผลปรากฏว่าวิธีสอนนี้ใช้ได้ผลดีกับผู้เรียนกลุ่มดังกล่าว
- PublicationVisit to the Theory of Image Restoration: Asiana Airline CaseJung, YeonkwonThis study investigates Asiana Airlines' immage restoration strategies used to restore their immage after unionized pilot' strike in 2005. After looking at types of image repair strategies, we focus on whether they show culture specific features different from crisis management communication in Western cultures. The data for the study consist of news articles on the strike that appeared in major Korean newspaper (press conference, in particular). Benoit's (1995) typology of image restoration strategies is used for analyzing data. This study identifies culturally universal and stereotyped patterns in international crisis communicatin in Western culture are used in non-Western culture (i.e. mortification; corrective action; scapegoating; denial; compensation). This study clarifies the limitation of image restoration theory, which does not look at the data within the whole context. In this respect, this study shows that linguistic pragmatics becomes a useful tool for categorizing image restoration strategies.