ภาษาศาสตร์ประยุกต์
Permanent URI for this collection
บทความวิจัยและวิทยานิพนธ์ในสาขาวิชาภาษาศาสตร์ที่สังกัดสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย ในสายภาษาศาสตร์ประยุกต์ ได้แก่ การแปล (Translation) การรับภาษาที่สอง (Second (Foreign) language acquisition) การรับภาษาที่หนึ่ง (First language acquisition) การเรียนการสอนภาษา (Language teaching) ภาษากับปริชาน (Language and cognition) ภาษาศาสตร์คลังข้อมูล (Corpus linguistics) ภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์/การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Computational linguistics/Natural language processing) ภาษาศาสตร์จิตวิทยา (Psycholinguistics) ภาษาศาสตร์เชิงคลินิก/การแก้ไขการพูดการได้ยินภาษา/ความผิดปกติในการสื่อความหมาย (Clinical linguistics/Speech-language pathology/Communication disorders) ภาษาศาสตร์เชิงประวัติ/นิรุกติศาสตร์ (Historical linguistics/Philology) ภาษาศาสตร์ปริชาน (Cognitive linguistics) ภาษาศาสตร์เปรียบเทียบ (Comparative linguistics) ภาษาศาสตร์สังคม (Sociolinguistics) วิทยาภาษาถิ่น (Dialectology)
Browse
Browsing ภาษาศาสตร์ประยุกต์ by browse.metadata.researchtheme2 "ภาษาศาสตร์คลังข้อมูล (Corpus linguistics)"
Now showing 1 - 4 of 4
Results Per Page
Sort Options
- PublicationAn Analysis of Rhetorical Moves and Cohesion in Abstracts of Literature Journal ArticlesTampanich, Sirawich; สิรวิชญ์ ธรรมพานิชบทคัดย่อเป็นส่วนสำคัญในการนำเสนอบทความวิจัยแต่การจัดเรียงข้อความในบทคัดย่อของผลงานแต่ละประเภทแตกต่างกันซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนและความกังวลต่อนักวิชาการมือใหม่ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ กระทั่งปัจจุบันต้นแบบการเขียนบทคัดย่อของบทความวิจัยสาขาวรรณคดีที่มีรูปแบบการจัดเรียงข้อความที่ดีมีจำนวนไม่มากดังนั้นเพื่อเติมเต็มองค์ความรู้ดังกล่าว ผู้วิจัยจึงวิเคราะห์อัตถภาค การเรียงลำดับของอัตถภาค และการเชื่อมโยงความทางไวยากรณ์ ในบทคัดย่อบทความวิจัยสาขาวรรณคดี ต้นแบบโครงสร้างอัตถภาคปรับจากการศึกษาอัตถภาคของ Doró(2013), Santos (1996),Swales and Feak (2009)และ Tankó(2017) ด้วยวิธีการด้านภาษาศาสตร์คลังข้อมูลแบบtop-downคลังข้อมูลภาษาประกอบด้วยบทคัดย่อบทความวิจัยสาขาวรรณคดีทั้งหมด 88 บทคัดย่อจากวารสารนานาชาติ 2 ฉบับนักวิจัยได้วิเคราะห์หน้าที่ของหน่วยโครงสร้างแต่ละหน่วยซึ่งประกอบด้วยอัตถภาคและอัตถภาคย่อยรวมถึงการเชื่อมโยงความทางไวยากรณ์ในบทคัดย่อบทความวิจัยสาขาวรรณคดีเครื่องมือวิจัย 2 ชิ้นคือ MS Excel 2013 และAntConc Version 3.5.8.0.ผลการวิเคราะห์พบว่าอัตถภาคผลการวิจัย(M6) พบมากที่สุดจาก 8 อัตถภาค และมีการเรียงลำดับของอัตถภาคในบทคัดย่อบทความวิจัยสาขาวรรณคดี5 รูปแบบประกอบด้วย3อัตถภาคในทุก ๆ รูปแบบ คืออัตถภาคการนำเสนองานวิจัย(M4) อัตถภาคระเบียบวิธีวิจัย(M5) และอัตถภาคผลการวิจัย(M6)จากการวิเคราะห์การเชื่อมโยงความทางไวยากรณ์ พบว่ามีการใช้คำเชื่อมโยงความประเภทการอ้างถึงมากที่สุดในบทคัดย่อของบทความวิจัยสาขาวรรณคดี ผลการวิจัยครั้งนี้อาจนำไปใช้เป็นแนวทางการเขียนและเรียบเรียงบทคัดย่อสำหรับนักวิชาการมือใหม่ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศเพื่อให้ได้มาตรฐานในการนำเสนอบทความวิชาการสาขาวรรณคดี
- Publicationการพัฒนาฐานข้อมูลภูมิศาสตร์ด้านคำศัพท์ในภาษาถิ่นด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ศิริวิไล ธีระโรจนารัตน์; กัลยา ติงศภัทิย์ภาษาทุกภาษาแปรไปตามถิ่นที่อยู่ของผู้พูด ภาษาไทยก็มีการแปรดังกล่าวเช่นเดียวกัน คําศัพท์และวรรณยุกต์เป็นองค์ประกอบหลักที่จําแนกภาษาไทยถิ่น วิทยา ภาษาไทยถิ่นได้ก้าวหน้าขึ้นมากในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ผลของการศึกษาช่วยให้ความรู้ใหม่ เกี่ยวกับการแปรของภาษาไทยตามถิ่นที่อยู่ของผู้พูด ในงานส่วนใหญ่การกระจายของลักษณะทางภาษาและตําแหน่งของแนวแบ่งเขตภูมิภาคทางภาษาถิ่นแสดงไว้ในรูปของตารางและ/หรือแผนที่ เท่าที่ผ่านมาแผนที่ภาษาไทยถิ่นไม่ได้สร้างขึ้นโดยใช้ระบบ สารสนเทศภูมิศาสตร์ ทําให้ขาดความแม่นยําและความน่าเชื่อถือทั้งในเชิงตําแหน่งและแนวแบ่ง งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักคือการออกแบบพัฒนาระบบฐานข้อมูลภูมิศาสตร์คําศัพท์ภาษาไทยถิ่นในระดับตําบลทั่วประเทศด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลหลักในการสร้างแผนที่แสดงการกระจายของข้อมูลคําศัพท์ พื้นที่ศึกษาของงานวิจัยนี้ครอบคลุมทุกจังหวัดในประเทศ ข้อมูลที่ใช้มาจากโครงการเก็บรวบรวมข้อมูลคําศัพท์ภาษาพื้นบ้าน ซึ่งสํานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติร่วมกับคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ดําเนินการการรวบรวม ข้อมูลใช้วิธีส่งแบบสอบถามที่ประกอบด้วยหน่วยอรรถ 170 หน่วยอรรถไปยังตําบลทั่วประเทศ งานวิจัยนี้ใช้หน่วยอรรถจํานวน 7 หน่วยอรรถ ซึ่งได้เคยมีผู้วิเคราะห์แล้วว่าสามารถนํามาแยกภูมิภาคทางภาษาถิ่นได้ ขั้นตอนการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การเตรียมข้อมูลก่อนการนําเข้า การนําเข้าและเชื่อมโยงข้อมูลคําศัพท์ภาษาถิ่นเข้ากับข้อมูลแผนที่ และการสร้างแผนที่ข้อมูลคําศัพท์ภาษาถิ่นทั้ง 7 หน่วยอรรถ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงศักยภาพในการจัดการชุดข้อมูลคําศัพท์ภาษาถิ่นด้วยระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร์ นอกจากนี้ ผลลัพธ์การวิจัยยังได้แก่ เส้นแบ่งเขตภาษา 7 แผ่นซึ่งสร้างจากคําศัพท์สําหรับหน่วยอรรถ 7 หน่วยอรรถ และ สามารถอภิปรายและสรุปได้เป็น 4 ประเด็น หลักดังนี้ (1) หน่วยอรรถส่วนใหญ่ใน 7 หน่วยอรรถซึ่งแสดงด้วยแผนที่เส้นแบ่งเขตภาษา สามารถแสดงเส้นแบ่งเขตทางภาษาถิ่นทั้ง 4 ถิ่นได้ ทั้งเขตภาษาไทยถิ่นเหนือ ภาษาไทยถิ่นกลาง ภาษาไทยถิ่นอีสาน และภาษาไทยถิ่นใต้ (2) หน่วยอรรถบางหน่วยอรรถแสดงเส้นแบ่งเขตภูมิภาคทางภาษาถิ่นคล้ายคลึงกัน (3) ปรากฏพื้นที่ที่มีลักษณะเฉพาะที่มีการใช้ “ภาษา อื่น” ในประเทศไทยซึ่งมีความสอดคล้องกันใน 3 บริเวณหลัก คือ บริเวณภาคใต้ตอนล่าง บริเวณภาคอีสานตอนล่างและตอนใน และบางตําบลของจังหวัดกาญจนบุรี (4) เมื่อพิจารณาในภาพรวมเส้นแบ่งเขตภาษาของภาษาไทยถิ่นมีความสอดคล้องกับแนวแบ่งเขตภูมิภาคทางภูมิศาสตร์
- Publicationการสร้างคลังศัพท์บอกความรู้สึกในภาษาไทยจากบทวิจารณ์ออนไลน์อิสรภาพ ล้อรัตนไชยยงค์; Isaraparb Lorattanachaiyong (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2017)งานวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างคลังศัพท์บอกความรู้สึกจากบทวิจารณ์สินค้าและบริการออนไลน์ในภาษาไทยโดยใช้วิธีการประมวลภาษาธรรมชาติตามแนวทางการวิจัยด้านภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์ บทวิจารณ์ที่เลือกใช้มาจาก 3 แหล่งข้อมูล ได้แก่ บทวิจารณ์โรงแรมของ Agoda บทวิจารณ์ภาพยนตร์ของ MajorCineplex และบทวิจารณ์แอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือของ Microsoft ซึ่งมีการให้คะแนนร่วมกับการเขียนเนื้อหาบทวิจารณ์ การวิเคราะห์หาคำบอกความรู้สึกจากเนื้อหาบทวิจารณ์อาศัยสมมติฐานว่าคำบอกความรู้สึกจะเกิดร่วมกับคำบอกลักษณะสินค้าซึ่งเป็นคำในกลุ่มคำนามที่มีความถี่การปรากฏสูง การระบุขั้วความรู้สึกบวกลบของคำบอกความรู้สึกจะดูจากค่า tf-idf เชิงบวกและเชิงลบซึ่งคำนวณจากความถี่การปรากฏในกลุ่มข้อมูลบทวิจารณ์ที่มีการให้คะแนนเชิงบวกและเชิงลบตามลำดับ กระบวนการรวบรวมคำบอกความรู้สึกในงานวิจัยนี้ทดลองใช้วิธีการต่างๆ ในสามขั้นตอน คือ การกำหนดชนิดคำบอกความรู้สึก การกำหนดค่าขั้นต่ำของลำดับความถี่ของคำบอกลักษณะสินค้า และการกำหนดค่า tf-idf ขั้นต่ำในการคัดเลือกคำบอกความรู้สึกขั้วบวกและขั้วลบ ผลที่ได้คือชุดคำบอกความรู้สึกที่แตกต่างกัน 112 ชุดจากแต่ละโดเมน จากนั้นชุดคำทั้งหมดจะนำไปทดสอบผลการวิเคราะห์ความรู้สึกเพื่อคัดเลือกชุดคำที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างคลังศัพท์ ชุดคำบอกความรู้สึกที่ให้ผลการวิเคราะห์ดีที่สุดมาจากการใช้คำในกลุ่มคำกริยา คำคุณศัพท์ และคำวิเศษณ์เป็นคำบอกความรู้สึก เลือกใช้คำบอกลักษณะที่มีลำดับเปอร์เซ็นต์ไทล์ของความถี่ตั้งแต่ 90 ขึ้นไป และคัดเลือกคำบอกความรู้สึกที่มีผลรวมของค่า tf-idf เชิงบวกและลบมากกว่าหรือเท่ากับ 0 หลังจากนั้นคำบอกความรู้สึกในคลังศัพท์ที่ได้จากแต่ละโดเมนจะนำมาจำแนกประเภทเป็นคำบอกความรู้สึกแบบเจาะจงโดเมนและแบบไม่เจาะจงโดเมน รายการคำที่ได้จะนำมาวิเคราะห์โดยเปรียบเทียบการปรากฏในเนื้อหาบทวิจารณ์โดเมนต่างๆ เพื่อศึกษาความแตกต่างของการเลือกใช้คำบอกความรู้สึกในบทวิจารณ์สินค้าของแต่ละโดเมน ผลการวิเคราะห์พบว่าการใช้คำบอกความรู้สึกของผู้เขียนบทวิจารณ์จะเปลี่ยนไปตามความคาดหวังของผู้ใช้สินค้าหรือบริการและสไตล์การเขียนบทวิจารณ์ในโดเมนนั้นๆ นอกจากนี้การวิเคราะห์ข้อมูลบทวิจารณ์ยังแสดงให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญต่างๆ ที่ส่งผลต่อรายการคำบอกความรู้สึกในคลังศัพท์ที่ได้จากงานวิจัยนี้ ซึ่งอาจนำไปใช้ปรับปรุงวิธีการสร้างคลังศัพท์ให้ดีขึ้นได้ ประกอบด้วย การปรากฏของคำบอกลักษณะสินค้า ช่วงคะแนนของบทวิจารณ์เชิงบวกและเชิงลบ แรงจูงใจในการเขียนบทวิจารณ์ และการเลือกใช้สินค้าหรือบริการในโดเมนต่างๆ
- Publicationความต่อเนื่องของปฏิสัมพันธ์ในห้องสนทนาไทย : การส่งผลต่อกันระหว่างการเชื่อมโยงความ การมอบผลัดและความเกี่ยวข้องของเรื่องที่สนทนาศิริพร ปัญญาเมธีกุล; Siriporn Panyametheekul (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2003)วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความต่อเนื่องของปฏิสัมพันธ์ในห้องสนทนาไทย โดยปัจจัยที่นำมาพิจารณาประกอบด้วยการเชื่อมโยงความ การมอบผลัด และความเกี่ยวข้องของเรื่องที่สนทนา ผลวิจัยพบว่ากลไกเชื่อมโยงความที่พบมากที่สุดคือ การใช้สรรพนามไร้รูป การเรียกชื่อ ตามลำดับ ส่วนการแทรกของข้อความระหว่างคู่ถ้อยคำในระหว่างการสนทนานั้น ไม่มีความสัมพันธ์กับจำนวนชนิดของกลไกเชื่อมโยงความ สำหรับปัจจัยที่สองที่ศึกษาพบว่ากลวิธีมอบผลัดที่พบมากที่สุดคือ การเรียกชื่อ การถาม ตามลำดับ สุดท้ายการศึกษาความเกี่ยวข้องของเรื่องที่สนทนาพบว่า ผู้ร่วมสนทนาจะใช้วิธีการรักษากฎในการรักษาความเกี่ยวข้องของการสนทนามากที่สุด รองลงมา ได้แก่ การท้ากฎ การละเมิดกฎโดยจงใจ ตามลำดับ ถึงแม้ว่าในห้องสนทนาจะมีการแทรกของข้อความระหว่างคู่ถ้อยคำอยู่เสมอ แต่การสนทนาก็ยังเกิดความต่อเนื่องของข้อความ เนื่องจากผู้ร่วมสนทนามีการใช้กลไกเชื่อมโยงความและกลวิธีมอบผลัด กลไกและกลวิธีที่สำคัญคือ การเรียกชื่อ ซึ่งการเรียกชื่อจะทำให้ทราบว่าข้อความนั้นๆ ส่งถึงใคร การเรียกชื่อจะลดความกำกวมในการเชื่อมโยงข้อความ ส่วนกลวิธีที่สำคัญอีกกลวิธีหนึ่งคือ การถาม เนื่องจากการถามเป็นกลวิธีที่ก่อให้เกิดคู่ถ้อยคำ และทำให้เกิดการโต้ตอบกลับจึงทำให้เกิดความต่อเนื่องของปฏิสัมพันธ์ขึ้น นอกจากนั้นความต่อเนื่องของข้อความยังเกิดจากเรื่องที่สนทนา จากผลวิจัยพบว่าถึงแม้ว่าผู้ร่วมสนทนาในห้องสนทนา จะมีอิสระในการพูดสิ่งที่ต้องการได้ แต่ผู้สนทนายังคงเลือกใช้การรักษากฎในการสนทนาคือ ตอบเรื่องที่ตรงประเด็นเป็นส่วนมาก จากการศึกษาสรุปได้ว่าความต่อเนื่องของปฏิสัมพันธ์ในห้องสนทนา เป็นผลมาจากการเชื่อมโยงความ การมอบผลัดและความเกี่ยวข้องของเรื่องที่สนทนา ตามสมมติฐานที่ตั้งไว้