วรรณกรรม/วรรณคดีบาลีและสันสกฤต
Permanent URI for this collection
บทความวิจัย บทความวิชาการ รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ และหนังสือเกี่ยวกับวรรณคดีบาลี วรรณคดีสันสกฤต ประวัติวรรณคดีบาลี ประวัติวรรณคดีสันสกฤต วรรณคดีบาลีและสันสกฤตในวรรณคดีไทย การศึกษาจารึกและเอกสารโบราณ
Browse
Browsing วรรณกรรม/วรรณคดีบาลีและสันสกฤต by browse.metadata.researchtheme2 "กวีนิพนธ์"
Now showing 1 - 17 of 17
Results Per Page
Sort Options
- Publicationการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์สันสกฤต เรื่องกุมารสัมภวะของกาลิทาสสยาม ภัทรานุประวัติ; Patthranuprawat, Sayam (2003)
- Publicationการศึกษาวิเคราะห์คีตโควินทกาวยะ อัจฉราภรณ์ ธาตุวิสัย; Tatwisai, Autcharaporn (2013)งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1. เพื่อปริวรรตและแปลคีตโควินทกาวยะเป็นภาษาไทย 2. เพื่อศึกษาวิเคราะห์เนื้อหาของคีตโควินทกาวยะ และ 3. เพื่อศึกษาวิเคราะห์วรรณศิลป์ของคีตโควินทกาวยะ ต้นฉบับที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือต้นฉบับภาษาสันสกฤต ตัวอักษรเทวนาครี จากหนังสือ คีตโควินทะของชยเทพ ตีพิมพ์โดย สัดสันฆะ เสวะ สะมิถิ ไม่ระบุปีที่พิมพ์ การวิจัยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การวิเคราะห์เนื้อหาใน 3 หัวข้อ ได้แก่ การร้อยเรียงเรื่อง องค์ประกอบของเรื่อง และแนวคิดของเรื่อง และการวิเคราะห์วรรณศิลป์โดยใช้ทฤษฎีอลังการศาสตร์ 2 ทฤษฎี ได้แก่ ทฤษฎีอลังการ และทฤษฎีรส โดยมีขั้นตอนการศึกษา คือ ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ปริวรรตคีตโควินทกาวยะจากอักษรเทวนาครีเป็นอักษรไทย และแปลจากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาไทย จากนั้นจึงศึกษาวิเคราะห์ในด้านเนื้อหาและด้านวรรณศิลป์ แล้วอภิปรายและสรุปผลการศึกษา ผลการวิจัยพบว่าคีตโควินทกาวยะเป็นผลงานของกวีชยเทพ ประพันธ์ขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 17 มีรูปแบบเป็นขัณฑกาวยะ เนื้อเรื่องกล่าวถึงความรักของพระกฤษณะและราธา แบ่งบทเป็น 12 สรรคะ และแบ่งเป็นบทย่อยอีก 24 ประพันธะหรืออัษฎปที การร้อยเรียงเรื่องมีลักษณะเหมือนการต่อจิกซอว์ คือ สามารถดึงเอาส่วนต่าง ๆ ของเรื่องไปแสดงแยกจากกันได้ และเมื่อต่อรวมกันเข้าก็จะได้ภาพใหญ่ที่สมบูรณ์ องค์ประกอบของเรื่อง ได้แก่ แก่นเรื่อง โครงเรื่อง ตัวละคร ฉากและบรรยากาศมีความสัมพันธ์กันและกลมกลืนเป็นเอกภาพ มีแนวคิดหลักของขัณฑกาวยะครบถ้วน อีกทั้งยังมีแนวคิดสำคัญอื่น ๆ ร่วมด้วย มีอลังการครบทั้งศัพทาลังการและอรรถาลังการ และปรากฏอยู่เกือบทุกโศลกและหลากหลายชนิด โดยปรากฏอลังการชนิดอนุปราส อุปมา รูปกะ และอุตเปรกษามากที่สุด รองลงมาคือชนิดสังกระ มีรสทางวรรณคดีหลักคือ ศฤงคารรส และรสรองคือ วีรรส กรุณารส และศานตรส คีตโควินทกาวยะได้รวมความรักที่แท้ระหว่างเทพเจ้าและมนุษย์ ความงามของมนุษย์และธรรมชาติ และการร่วมรักอันลึกซึ้งและศักดิ์สิทธิ์เข้าไว้ด้วยกัน
- Publicationการศึกษาวิเคราะห์วรรณคดีเรื่องกุมารสัมภวะของกาลิทาส สรรคที่ 1-8พรภวิทย์ อุปชัย; Uppachai, Phornpawit (2022)วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปริวรรตและแปลวรรณคดีเรื่องกุมารสัมภวะของกาลิทาส สรรคที่ 1-8 และศึกษาสารัตถะด้านเนื้อหา การใช้ภาษาและอลังการที่ปรากฏ โดยเบื้องต้นได้ปริวรรตวรรณคดีเรื่องกุมารสัมภวะจากอักษรเทวนาครีเป็นอักษรไทยและแปลตัวบทจากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาไทย แล้วจึงวิเคราะห์สารัตถะด้านเนื้อหา การใช้ภาษาและอลังการ ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ในการศึกษาสารัตถะด้านเนื้อหาในกุมารสัมภวะ ผู้วิจัยศึกษาในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 1) การเปรียบเทียบเนื้อหาของกุมารสัมภวะกับปุราณะ พบการพรรณนาเนื้อหาใน 2 ลักษณะคือ (1) ลักษณะที่คล้ายและแตกต่างจากปุราณะ (2) ลักษณะเฉพาะของเนื้อหาในกุมารสัมภวะ 2) รูปแบบการประพันธ์และสำนวนภาษา พบรูปแบบและกลวิธีการประพันธ์คือ (1) กลวิธีการประพันธ์ด้วยลักษณะมหากาวยะ (2) รูปแบบฉันทลักษณ์ พบว่ากาลิทาสนิยมใช้ฉันท์ประเภทสมวฤตตะ จำนวน 6 ชนิด รวมทั้งสิ้น 567 บท ซึ่งใช้มากกว่าฉันท์ประเภทอรรธสมวฤตตะ จำนวน 2 ชนิด รวมทั้งสิ้น 46 บท กล่าวคือกาลิทาสนิยมใช้อุปชาติฉันท์ จำนวน 226 บท ซึ่งนิยมใช้มากกว่าฉันท์ชนิดอื่น ๆ รองลงมาเป็นอนุษฏุภฉันท์ จำนวน 157 บท รโถทธตาฉันท์ จำนวน 90 บท วัมศัสถฉันท์ จำนวน 84 บท และวิโยคนีฉันท์ จำนวน 44 บท ส่วนฉันท์นอกจากนี้ ได้แก่ มาลินีฉันท์ จำนวน 6 บท วสันตติลกาฉันท์ จำนวน 4 บท และปุษปิตาคราฉันท์ จำนวน 2 บท ใช้เพียงเพื่อพรรณนาปิดสรรคตอนจบเท่านั้น จึงมีจำนวนที่น้อยกว่าฉันท์ประเภทอื่นที่ใช้พรรณนาเนื้อหาหลัก 3) ศิลปะการหลากคำหรือการใช้คำไวพจน์ในกุมารสัมภวะ 4) การใช้คำขยายประโยคสำหรับพรรณนารายละเอียด 5) การนำธรรมชาติมาพรรณนาในบทประพันธ์ และ 6) กลวิธีการเล่าเรื่องคล้ายบทละคร ในการศึกษาอลังการที่ปรากฏในกุมารสัมภวะ พบว่า วรรณคดีเรื่องกุมารสัมภวะอุดมไปด้วยความงามแห่งอลังการ โดยแบ่งเป็นอรรถาลังการ (อลังการทางความหมาย) และศัพทาลังการ (อลังการทางเสียง) ในส่วนของอรรถาลังการพบการใช้อลังการจำนวน 42 ประเภท โดยจำแนกออกเป็น 8 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 เน้นความหมายเปรียบเทียบ พบอลังการจำนวน 11 ประเภท กลุ่มที่ 2 เน้นการบรรยายหรือพรรณนาความ พบอลังการจำนวน 6 ประเภท กลุ่มที่ 3 เน้นพรรณนาความหลายระดับ พบอลังการจำนวน 8 ประเภท กลุ่มที่ 4 เน้นแสดงพลังของจินตนาการ พบอลังการจำนวน 5 ประเภท กลุ่มที่ 5 เน้นความหนักแน่นของเนื้อความที่พรรณนา พบอลังการจำนวน 5 ประเภท กลุ่มที่ 6 เน้นแสดงเหตุและผล พบอลังการจำนวน 4 ประเภท กลุ่มที่ 7 เน้นกล่าวถึงสิ่งต่าง ๆ เรียงต่อกันตามลำดับ พบอลังการจำนวน 1 ประเภท และกลุ่มที่ 8 เน้นแสดงอลังการหลายประเภทรวมเข้าในบทเดียวกัน นอกจากนี้ในส่วนของศัพทาลังการยังพบว่ากาลิทาสนิยมใช้ศัพทาลังการประเภทอนุปราสะอีกด้วย
- Publicationความรักในทฤษฎีวรรณคดีสันสกฤตปาจรีย์ ณ นคร; Na Nagara, Pajaree (2007)ศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับความรักในทฤษฎีวรรณคดีสันสกฤต รวมทั้งศึกษาความเหมือนและความต่างของความรักในทฤษฎีวรรณคดีสันสกฤตกับความรักในวรรณคดีสันสกฤต โดยศึกษาข้อมูลเรื่องทฤษฎีความรักจากวรรณคดีสันสกฤตประเภทตำรา 3 เล่มคือ นาฏยศาสตร์ ทศรูปกะ และสาหิตยทรรปณะ และศึกษาเรื่องความรักในวรรณคดีสันสกฤตประเภทขัณฑกาพย์ 3 เรื่องคือ อมรุศตกะของกวีอมรุ ศฤคารศตกะของภรรตฤหริ และเจารปัญจาศิกาของพิลหณะ นาฏยศาสตร์กล่าวถึงความรักระหว่างชายหญิงว่าเป็นศฤงคารรสซึ่งเป็นหนึ่งในรสทั้งแปด การเกิดขึ้นของรสเกี่ยวข้องกับภาวะต่างๆหลายขั้นตอนคือ สถายิภาวะ (ความรู้สึกถาวรและดำรงอยู่นาน) อนุภาวะ (ผลของความรู้สึกที่มีมาก่อน) สาตตวิกภาวะ (ความรู้สึกที่แท้จริง ซึ่งทำให้มีการแสดงออกโดยทันทีและโดยไม่ตั้งใจ) และวยภิจาริภาวะ (ความรู้สึกที่เกิดขึ้นและหายไปในระยะที่ไม่แน่นอน) ทฤษฎีรสในนาฏยศาสตร์นี้ได้รับการยอมรับจากนักคิดชาวอินเดียในสมัยต่อมา และกลายเป็นทฤษฎีหนึ่งในทศรูปกะและสาหิตยทรรปณะ โดยมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ความรักหรือศฤงคารรส แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ สัมโภคะ (ความรักที่สมหวัง) และวิประลัมภะ (ความรักที่ต้องพลัดพรากจากกัน) โดยทศรูปกะได้เพิ่มเติมไว้อีกหนึ่งประเภทคือ อโยคะ ซึ่งแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกับวิประลัมภะเลย ในส่วนของขัณฑกาพย์ทั้ง 3 เรื่องที่อ้างมา เป็นบทลำนำที่เขียนขึ้นด้วยภาษาสันสกฤต ประดับด้วยอลังการต่างๆ และตามรอยทฤษฎีของนาฏยศาสตร์ ขัณฑกาพย์ทั้ง 3 เรื่องนี้เป็นคำประพันธ์ที่บรรยายความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะเมื่อคู่รักต้องพลัดพรากจากกัน ส่วนเจารปัญจาศิกาก็แสดงให้เห็นถึงความทรงจำและความคิดถึงกัน ซึ่งเป็นอนุภาวะตลอดทั้งเรื่อง
- Publicationตัวละครปรปักษ์ในวรรณคดีสันสกฤต : กรณีศึกษาราวณะในรามายณะฉบับวาลมิกินาวิน วรรณเวช (กองทุนวิจัยคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2014)
- Publicationพุทธจริต / อัศวโฆษจิรพัฒน์ ประพันธ์วิทยา (ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 1983)
- Publicationภารวิ ผู้บุกเบิกแนวทางจิตรกาวยะสุรศักดิ์ แย้มอุ่ม; Yam-Um, Surasak (2019)ในราวคริสต์ศตวรรษที่6กวีภารวิรจนามหากาวยะเรื่องกิราตารชุนียะอันเป็นเรื่องราวการสู้รบกันระหว่างกิราตะ(พรานป่าอันเป็นร่างจำแลงของพระศิวะ)กับอรชุนภารวิได้ชื่อว่าเป็นกวีที่ใช้ลีลาการประพันธ์แบบเคาฑีซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมคำประพันธ์ที่มีเสียงแข็งขันห้าวหาญบทประพันธ์ของภารวิจึงปรากฏพยัญชนะเสียงหนักภารวิยังเลือกใช้อลังการชนิดอรรถานตรันยาสะซึ่งให้ความรู้สึกหนักแน่นขึงขังจริงจังเป็นจำนวนมากเทียบเท่าอุปมาและอุตเปรกษานอกจากนั้นเขายังเป็นผู้นิยมคุณที่ชื่อว่าโอชะคือความเข้มข้นทางความหมายทั้งยังปรากฏความหมายแนะตามแนวทฤษฎีธวนิโดยตลอดเรื่องลักษณะต่างๆเหล่านี้ล้วนส่งเสริมวีรรสซึ่งเป็นรสเด่นของเรื่องให้โดดเด่นยิ่งขึ้นในบรรดามหากาวยะทั้งห้าเรื่องของอินเดียกิราตารชุนียะมักจะถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงเป็นตัวอย่างในเรื่องจิตฺรมากกว่าประเด็นอื่นจิตฺรคือกลวิธีการแต่งคำประพันธ์ชนิดที่มีการเล่นคำหลากชนิดไม่ว่าจะเป็นกลอักษรกลบทหรือแม้กระทั่งวรรณรูปกวีนิพนธ์เรื่องใดหรือตอนใดที่กวีใช้กลวิธีประเภทนี้ในการประพันธ์จะเรียกกวีนิพนธ์ดังกล่าวว่าจิตฺรกาวฺยมหากาวยะเรื่องกิราตารชุนียะของภารวิปรากฏจิตฺรกาวฺยอยู่ในสรรคที่15ซึ่งเป็นตอนที่สกันทกุมารผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ขับไล่พลพรรคของตนให้กลับไปรบกับอรชุน และเป็นการเริ่มต้นต่อสู้กันด้วยศรระหว่างพระศิวะกับอรชุนบทความนี้มุ่งวิพากษ์การใช้จิตฺรของภารวิว่าเป็นไปเพื่อส่งเสริมรสเด่นของเรื่องหรือต้องการใช้เป็นเครื่องแสดงฝีมือในเชิงกวีของเขาเท่านั้น
- Publicationมหากาพย์พุทธจริต / อัศวโฆษสำเนียง เลื่อมใส (ภาพพิมพ์, 2021)
- Publicationมหากาพย์รามเกียรติ์ (สันสกฤต) = Sriramakirtimahakavyam / สัตยพรต ศาสตรี ประพันธ์ ; จำลอง สารพัดนึก แปลเป็นภาษาไทย.จำลอง สารพัดนึก (มูลนิธิมูลามัล สัจเทพ, 1990)
- Publicationมหากาพย์รามายณะของวาลมีกิฉบับภาษาไทย / วาลมีกิ พรหมฤษีกุสุมา รักษมณี; มณีปิ่น พรหมสุทธิรักษ์; สยาม ภัทรานุประวัติ; นาวิน วรรณเวช (มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2014)
- Publicationมหากาพย์เสานทรนันทะ ของอัศวโฆษสำเนียง เลื่อมใส (มูลนิธิแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์, 2000)
- Publicationเมฆทูตสุภาพร มากแจ้ง (2010)
- Publicationเมฆทูต ของ กาลิทาสจิรพัฒน์ ประพันธ์วิทยา (ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 1980)
- Publicationฤตุสํหาร : ฤดูกาลกับชีวิตชวโรฒน์ วัลยเมธี; Wallayamaytee, Chawarote (2006)ศึกษากวีนิพนธ์เรื่องฤตุสํหาร ซึ่งเป็นวรรณคดีสันสกฤตประเภทขัณฑกาพย์ ตามทฤษฎีกวีนิพนธ์สันสกฤต ศึกษาศัพท์และสภาพธรรมชาติที่สัมพันธ์กับวรรณคดี และเปรียบเทียบฤตุสํหารกับวรรณคดีไทยที่มีลักษณะใกล้เคียง การวิจัยครั้งนี้สรุปได้ว่า ผู้ประพันธ์ฤตุสํหารใช้จินตนาการอยู่บนพื้นฐานทฤษฎีวรรณคดีสันสกฤต พรรณนาสภาพธรรมชาติ 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) แผ่นดินและต้นไม้ (2) ชีวิตสัตว์ และ (3) ชีวิตมนุษย์ ฤตุสํหารดีเด่นด้วยอรรถาลังการประเภทสวภาโวกติ คือการพรรณนาธรรมชาติตามที่เป็นจริง มีวรรณคดีไทย 3 เรื่องคล้ายคลึงกับฤตุสํหาร ได้แก่ ทวาทศมาสโคลงดั้น กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก และนิราศเดือน ทั้ง 3 เรื่องนี้ใช้กลวิธีในการพรรณนาคล้ายกับฤตุสํหาร ทว่ามีแก่นเรื่องต่างกัน วิทยานิพนธ์ฉบับนี้แบ่งออกเป็น 6 บท บทแรกเป็นบทนำ บทที่ 2 ชื่อว่า กาลิทาสและฤตุสํหารว่าด้วยกาลิทาส ผู้ประพันธ์ฤตสํหาร ความหมายและลักษณะของขัณฑกาพย์ตามแนวทฤษฎีกวีนิพนธ์สันสกฤต ฤดูกาลของอินเดีย และฉันทลักษณ์ที่ปรากฏในฤตุสํหาร บทที่ 3 ว่าด้วยอลังการในฤตุสํหาร เป็นการศึกษาว่าด้วยการตกแต่งถ้อยคำในฤตุสํหารตามทฤษฎีวรรณคดีสันสกฤต ได้แก่ ศัพทาลังการ อรรถาลังการ คุณ ธวนิ และรีติ บทที่ 4 ชื่อว่าชีวิตกับการพรรณนาในฤตุสํหาร เป็นการศึกษาวิเคราะห์บทประพันธ์ในแง่เนื้อหาและการพรรณนา บทที่ 5 ว่าด้วยวรรณคดีไทยที่มีลักษณะใกล้เคียงกับฤตุสํหาร เป็นการศึกษาเปรียบเทียบฤตุสํหารกับวรรณคดีไทยอีก 3 เรื่อง บทที่ 6 เป็นการสรุปผลการวิจัยและข้อเสนอแนะ
- Publicationวยาการศตกัม : สุภาษิตร้อยบทของวยาส / ผู้ปริวรรตถ่ายถอดและแปร สุรสิทธิ์ ไทยรัตน์สุรสิทธิ์ ไทยรัตน์ (หลักพิมพ์, 2002)
- Publicationศตกตระยัม : กวีนิพนธ์สะท้อนโลกทัศน์ของภรรตฤหริทัศนีย์ สินสกุล (ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 1990)
- Publicationอมรุศตกะ ของ กวีอมรุทัศนีย์ สินสกุล (ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 1981)