ปรัชญาตะวันออก
Permanent URI for this collection
Browse
Browsing ปรัชญาตะวันออก by browse.metadata.researchtheme2 "พุทธศาสนศึกษา"
Now showing 1 - 4 of 4
Results Per Page
Sort Options
- Publicationดอกบัวในเปลวเพลิง: แนวทางการสร้างสันติภาพท่ามกลางเปลวสงคราม ของ ติช นัท ฮันห์ ภิกษุเซนแห่งเวียดนามสรณีย์ สายศร; Soranee Saisorn (2017)บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการสร้างสันติภาพในทรรศนะของติช นัท ฮันห์ ภิกษุในพระพุทธศาสนานิกายเซน แห่งประเทศเวียดนาม ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ติช นัท ฮันห์ ได้นำเสนอขั้นตอนไว้ 3 ประการ คือ 1) เริ่มต้นจากการสร้างสันติภาพภายในจิตใจด้วยการฝึกเจริญสติในทุกอิริยาบถ 2) เมื่อเกิดความรู้สึกทางลบ ให้ปฏิบัติภาวนาเพื่อเปลี่ยนแปลงและเยียวยาจิตใจ และหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์ที่ดีงามในจิตใจ และ 3) เมื่อเกิดสันติภาพภายในจิตใจแล้ว ให้น้อมนำไปสู่การสร้างสันติภาพในวิถีชีวิตและสังคมภายนอกด้วยสันติวิธีและการมีปัญญาหยั่งเห็นสัจธรรม “ปฏิจจภาวะ” นอกจากนี้ แนวทางการสร้างสันติภาพที่วิเคราะห์จากกิจกรรมและการทำงานเพื่อสันติภาพของติช นัท ฮันห์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันพบว่า ติช นัท ฮันห์ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความรุนแรงเชิงโครงสร้าง ด้วยการทำงานด้านพัฒนาสังคมและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมไปถึงการนำพระพุทธศาสนาประยุกต์เข้ากับวิถีชีวิตและการทางานเพื่อสังคม รวมทั้งการแก้ปัญหาความรุนแรงทางตรง โดยการรณรงค์เพื่อต่อต้านสงครามและความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ผ่านทางการเขียนและพิมพ์หนังสือ รวมทั้งการแสดงปาฐกถาเพื่อสันติภาพต่อนานาประเทศ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการสร้างสันติภาพภายในจิตใจและการสร้างชุมชนแห่งสันติภาพด้วยการอบรมภาวนาตามแนวทางของหมู่บ้านพลัมในปัจจุบัน ซึ่งแนวทางการสร้างสันติภาพของติช นัท ฮันห์ ได้ทำการประยุกต์และบูรณาการแนวคิดทางพระพุทธศาสนาเข้ากับศาสตร์ร่วมสมัย โดยเฉพาะหลักการของสันติวิธี รวมไปถึงแนวคิดหรืออิทธิพลจากปัจจัยอื่นๆ ได้อย่างกลมกลืนและมีประสิทธิภาพ จนกระทั่งเกิดเป็นแนวคิดและแนวปฏิบัติเพื่อการสร้างสันติภาพที่เป็นเอกลักษณ์ตามแนวทางของ “พระพุทธศาสนาเพื่อสังคม” เพื่อให้สนองตอบต่อวิถีชีวิตของคนในสังคมยุคปัจจุบัน
- Publicationมองภาพเขียนเซนผ่านหลักเซี่ยเห้อกัญญมณฑ์ กัณฑะพงศ์; Gunyamon Guntapong (2013)บทความนี้ต้องการศึกษาการใช้เทคนิคการเขียนภาพ 6 ประการของเซี่ยเห้อทำความเข้าใจสุนทรียภาพในภาพเขียนเซน เจาะจงผลงานภาพเขียนเซนของมู่ซีและเหลียงข่าย ยุคซ่งใต้ จากการศึกษาพบว่าทัศนะที่เกี่ยวข้องกับหลักการทั้ง 5 ข้อแรกของเซี่ยเห้อสามารถอธิบายความงามที่ปรากฏในคำอธิยายประกอบภาพเขียนเซนและความแตกต่างของสุนทรียภาพที่ปรากฏบนภาพอธิบายโดยใช้แนวคิดของปรัชญาเซนได้เช่นกัน
- Publicationโลกในทัศนะของท่านพุทธทาสภิกขพระมหาพุทธิวงศ์ ณฏฺฐญฺญ; Phramaha Putthivong Natthanyu (2018)บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์โลกในทัศนะของพุทธทางภิกขุโดยใช้การศึกษาจากเอกสารหนังสือและบทความที่เกี่ยวข้องผลการศึกษาพบว่าพุทธทาสภิกขุไม่ได้ปฏิเสธโลกในระดับภาษาคนและไม่ปฏิเสธเรื่องโลกหน้าแต่ท่านพยายามลดสถานะของโลกเหล่านี้มาอยู่ในขอบข่ายที่จิตสามารถจะรับรู้และสัมผัสได้ในปัจจุบันขณะโลกไม่ได้อยู่ที่อื่นที่จะต้องเดินทางไปถึงเมื่อละจากโลกนี้ไปแล้วแต่โลกอยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้โลกคือจิตโลกก็ดีการพ้นไปจากโลกก็ดีทุกอย่างรวมอยู่ที่จิตจิตคือตัวโลกนี่คือการอธิบายโลกตามภาษาธรรมของท่านพุทธทาสโลกตามการรับรู้ของท่านพุทธทาสมีความหมายเพียงว่า“สภาพต่างๆที่แวดล้อมจิตใจของคนเราอยู่นั่นคือโลก” ส่วนโลกอื่นหมายถึงภูมิของจิตที่กําลังเปลี่ยนไปต่างๆกันตามอารมณ์ที่เข้ามากระทบท่านพุทธทาสได้จําแนกโลกออกเป็น๒ระดับคือโลกภายในและโลกภายนอกโลกภายในเป็นโลกพุทธจักรหรือโลกแห่งจิตใจการอธิบายเรื่องโลกของท่านพุทธทาสดูเหมือนจะแตกต่างจากการอธิบายของปราชญ์หลายๆท่านแต่อย่างไรก็ตามการอธิบายโลกโดยอาศัยทฤษฎีภาษาคน-ภาษาธรรมเป็นบาทฐานก็ยังอยู่ในกรอบของพุทธพจน์ท่านพุทธทาสกล่าวว่าการตีความโลกภายในท่านได้อาศัยพุทธพจน์ที่ปรากฏอยู่ใน “โรหิตัสสสูตร” เป็นหลักอ้างอิง
- Publicationศึกษาเปรียบเทียบแนวคิดเรื่องวิญญาณในทัศนะของพุทธทาสภิกขุ กับ พร รัตนสุวรรณพระสิทธิชัย ปัณณวัตน์; Phrasittichai Pannawat (2016)วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิดเรื่องวิญญาณในทัศนะของพุทธทาสภิกขุกับอาจารย์พร รัตนสุวรรณ เกี่ยวกับความหมาย คุณลักษณะ ประเภท และสภาพการดำรงอยู่ ของวิญญาณตามสภาวะในภพภูมิต่างๆ รวมทั้งกระบวนการพัฒนาคุณภาพของวิญญาณ และวิเคราะห์คุณค่าทาง จริยะของความเชื่อเรื่องวิญญาณที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตและการกำหนดเป้าหมายชีวิต ผลจากการศึกษา ผู้วิจัยได้พบข้อสรุปแนวคิดเกี่ยวกับวิญญาณดังต่อไปนี้ ในด้านความหมาย “ วิญญาณ” ในทรรศนะของพุทธทาสภิกขุ หมายถึง ความรู้แจ้ง รู้แจ้งวิเศษ และสิ่งที่ควรรู้แจ้ง(นิพพาน)หรือแปลว่า สิ่งที่ควรพัฒนาให้ยิ่งขึ้นไป เป็นวิญญาณถึงขั้นอิสระเสรีได้ แต่อาจารย์พรกล่าวว่า “วิญญาณ” เป็นพลังงานทางนามธรรม หรือเป็นอำนาจอย่างหนึ่งที่มีอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะคือ ในสิ่งที่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ หรือ มนุษย์ ล้วนมีวิญญาณทั้งสิ้น ในด้านคุณลักษณะ จากความคิดของทั้ง 2 ท่าน ไม่มีความแตกต่างกันในด้านคุณลักษณะ คือ ทั้ง 2 ท่าน กล่าวว่า วิญญาณมีคุณลักษณะ คือ การรู้แจ้งอารมณ์ หรือการรับรู้อารมณ์ ทางอายตนะทั้ง 6 และวิญญาณ มีลักษณะ เกิดและดับอย่างรวดเร็ว มีการเกิดและดับอยู่ตลอดเวลา เกิด ดับต่อเนื่องกันไป ตามเหตุปัจจัย ในด้านประเภท พุทธทาสกล่าวว่ามีอยู่ 3 ชนิด คือ 1 วิญญาณที่ยังเป็นธาตุอยู่ตามธรรมชาติ 2 วิญญาณที่ปรุงแต่งมาโดยสังขาร สำหรับทำความรู้สึกทางอายตนะและ 3 มีชื่อตามอายตนะ ส่วนอาจารย์พร แบ่งวิญญาณออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ภวังควิญญาณ หมายถึง จิตใต้สำนึก หรือจิตไร้สำนึก เป็นสภาวะจิตที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิด เป็นวิญญาณที่ทำหน้าที่เป็นองค์แห่งภพ คือ เป็นรากฐานของชีวิต เป็นจิตที่ทำให้ชีวิตดำรงอยู่ และ 2. วิถีวิญญาณ หรือวิญญาณปฏิบัติการับรู้ในขณะตื่น ในด้านสภาพการดำรงอยู่ของวิญญาณตามสภาวะภพภูมิต่างๆ พุทธทาสภิกขุไม่ได้เน้นชีวิตในอนาคต เพราะการเกิดของวิญญาณตามนัยปฏิจจสมุปบาทที่เป็นกระบวนการปัจจุบัน ในชาตินี้ ไม่โยงวิญญาณ ในลักษณะการข้ามภพข้ามชาติ ส่วนอาจารย์พร อธิบายวิญญาณในลักษณะการข้ามภพข้ามชาติ คือ ในเมื่อวิญญาณยังมีกิเลส หลังจากตายแล้ว จะต้องสร้างชีวิตต่อไปอีกไม่มีสิ้นสุด ในด้านกระบวนการพัฒนาคุณภาพของวิญญาณ การพัฒนาวิญญาณในทัศนะของทั้งสองท่านมีอยู่ 3 ขั้น ได้แก่ ระดับศีล ระดับสมาธิ และระดับปัญญา เพื่อพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริง เมื่อเข้าถึงจุดนี้ จึงจะรู้แจ้งทุกสิ่งตามเป็นจริง ในด้านคุณค่าทางจริยะที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตและการกำหนดเป้าหมายชีวิต พุทธทาส เน้นการพัฒนาวิญญาณ ในปัจจุบัน เป้าหมายชีวิต ต้องการความเป็นอิสรภาพด้วยการดับกิเลสตามกระบวนการของปฏิจจสมุปบาท ที่เรียกว่า นิพพานได้ในปัจจุบัน ขณะที่อาจารย์พร มีเป้าหมายชีวิตที่ดีในชาติหน้า ด้วยการทำกรรมดีปัจจุบัน สั่งสมบารมีให้มากขึ้น เมื่อบารมีเต็มจึงจะบรรลุนิพพานดับกิเลสได้