Search Results

Now showing 1 - 6 of 6
No Thumbnail Available
Publication

วาทกรรมตงฉิน กังฉิน ในประวัติศาสตร์สงครามฝิ่น อ่าน “การล่มสลายของราชสำนักแห่งสวรรค์ ย้อนศึกษาสงครามฝิ่น”

กรพนัช ตั้งเขื่อนขันธ์ (2014)

No Thumbnail Available
Publication

ทฤษฎีการเขียนประวัติศาสตร์ของเฮย์เดน ไวต์

ตามไท ดิลกวิทยรัตน์, Tamthai Dilokvidhyarat, กรพนัช ตั้งเขื่อนขันธ์, Kornphanat Tungkeunkunt (2019)

วัตถุประสงค์ของบทความวิจัยนี้ คือการศึกษาทฤษฎีการเขียนประวัติศาสตร์ของเฮย์เดน ไวต์ ด้วยการสังเคราะห์จากงานเขียนของเขาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 จนถึงทศวรรษ 2010 ผลจากการศึกษา พบว่าสาระสำคัญของทฤษฎีการเขียนประวัติศาสตร์ของเฮย์เดน ไวต์ สามารถสรุปได้เป็นข้อเสนอหลัก 3 ประการประการที่หนึ่ง งานเขียนทางประวัติศาสตร์เป็นงานประพันธ์รูปแบบหนึ่ง ประการที่สอง วิธีวิทยาของการศึกษาประวัติศาสตร์ไม่ใช่การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างสมมติฐานในแบบวิทยาศาสตร์กายภาพ แต่เป็นการคิดเชื่อมโยงแบบโวหารภาพพจน์ (figurative thinking) เพื่อให้นักประวัติศาสตร์สามารถตีความข้อเท็จจริงจากอดีตให้กลายเป็นเรื่องเล่าที่มีความหมาย และประการที่สาม กลวิธีในการประพันธ์เป็นเครื่องมือสำคัญของการเขียนประวัติศาสตร์ นักประวัติศาสตร์จึงไม่ควรพยายามลดทอนองค์ประกอบของความเป็นงานประพันธ์ในงานเขียนของตน แต่ควรเรียนรู้เครื่องมือในการประพันธ์จากนักเขียนเพื่อนำไปใช้ในการตีความข้อเท็จจริงและนำเสนอภาพแทนเหตุการณ์ในอดีต

No Thumbnail Available
Publication

แนวคิดการเปลี่ยนแปลงถัง-ซ่งกับกระบวนทัศน์ ในการศึกษาประวัติศาสตร์จีน

กรพนัช ตั้งเขื่อนขันธ์ (2016)

บทความนี้อธิบายแนวคิดการเปลี่ยนแปลงถัง-ซ่ง ซึ่งเป็นสมมติฐานการแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ของจีนโดยนักวิชาการญี่ปุ่นสานักเกียวโตที่เสนอว่า ตั้งแต่กลางราชวงศ์ถังจนถึงราชวงศ์ซ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนแปลงจากยุคกลางเก่าไปสู่ยุคต้นสมัยใหม่ในประวัติศาสตร์จีน การเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลนี้มีทั้งด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ทางสังคมและคุณค่าทางวัฒนธรรม ในขณะเดียวกัน บทความนี้ก็ได้สำรวจงานวิชาการที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดการเปลี่ยนแปลงถัง-ซ่งในประเทศญี่ปุ่น จีนและอเมริกา จากนั้นจึงนำไปสู่การอภิปรายความสำคัญ อิทธิพล และข้อถกเถียงของแนวคิดนี้ ซึ่งส่งผลต่อ กระบวนทัศน์ในการศึกษาประวัติศาสตร์จีน

No Thumbnail Available
Publication

พัฒนาการของมโนทัศน์ "ประวัติศาสตร์โลก" ในโลกตะวันตก: World History กับ Global History

วัชระ สินธุประมา, Vachara Sinthuprama, กรพนัช ตั้งเขื่อนขันธ์, Kornphanat Tungkeunkunt (2016)

บทความวิจัยนี้มุ่งสำรวจศึกษาพัฒนาการของมโนทัศน์เรื่อง "ประวัติศาสตร์โลก" ในวงวิชาการตะวันตก เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ ประโยชน์ในบริบทของการศึกษาและวงวิชาการไทยผลการวิจัยโดยสรุปแสดงให้เห็นว่า ความหมายและความสำคัญ ของ "ประวัติศาสตร์โลก" กับพัฒนาการเชิงประวัติศาสตร์นิพนธ์ของ มโนทัศน์เรื่องประวัติศาสตร์โลก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและปรับเปลี่ยนไปด้วย กันอย่างแยกไม่ออก โดยเริ่มตั้งแต่ร่องรอยในงานเขียนประวัติศาสตร์ ชิ้นแรกของโลกตะวันตกในสมัยกรีกเฮลเลนิก ผ่านประวัติศาสตร์นิพนธ์ คริสเตียนที่อธิบายประวัติศาสตร์โลกภายในกรอบกำหนดแห่งเทวลิขิต การเข้าสู่โลกสมัยใหม่จนถึงความพยายามแยกแยะประวัติศาสตร์รัฐ ออกจากความเชื่อทางศาสนาในสมัยแห่งภูมิธรรม การก่อตัวของวิชาชีพ ประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 19 ซึ่งมุ่งเน้นงานเชิงลึกและกลายเป็นเงื่อน ไขตีกรอบวงแคบเชิงพื้นที่ในการเขียนประวัติศาสตร์ ผลสืบเนื่องจาก สงครามโลกที่มีต่อการเขียนประวัติศาสตร์โลกในเชิงปรัชญา และเพื่อ อุดมคติแห่งสันติภาพ กระบวนการทางประวัติศาสตร์กับทฤษฎีทาง สังคมศาสตร์ นักประวัติศาสตร์อาชีพในศตวรรษที่ 20 ประวัติศาสตร์ โลกาภิวัตน์กับที่มาของ global history ลงท้ายด้วยคุณูปการจากการเรียนรู้มโนทัศน์ประวัติศาสตร์โลกที่จะพึงมีสำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์ในประเทศไทย

No Thumbnail Available
Publication

หนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือนกับประสบการณ์แบบอาณานิคม

วิศรุต พึ่งสุนทร, Visarut Phungsoondara, กรพนัช ตั้งเขื่อนขันธ์, Kornphanat Tungkeunkunt (2019)

บทความชิ้นนี้วิเคราะห์หนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือนซึ่งเป็นตำราพิธีพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเสนอว่าภาพการเชิดชูความหลากหลายและการผสมผสานทางวัฒนธรรมและศาสนา รวมถึงภาพระเบียบสังคมที่ปรากฏในหนังสือมาจากประสบการณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการเสด็จเยือนสิงคโปร์ ชวาและอินเดียในช่วงปี พ.ศ. 2413 และ 2414 หนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือนยังเป็นภาพสะท้อนเมืองอาณานิคมที่เป็นผลจากการจัดระเบียบสังคมและวัฒนธรรมภายใต้รัฐบาลอาณานิคมในช่วงเวลานั้น และเสนออีกว่าหนังสือเล่มนี้แฝงไว้ซึ่งประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ของโลกทางสังคมแบบอาณานิคม

No Thumbnail Available
Publication

ปัญหาของการเขียนประวัติศาสตร์นิพนธ์อินเดีย: อัมเบดการ์ศึกษา, ประวัติศาสตร์ของกลุ่มชนนอกวรรณะ และการศึกษาซับบอลเทิร์น: ทางเลือกของการศึกษาประวัติศาสตร์นิพนธ์อินเดีย

พิทธิกรณ์ ปัญญามณี, Pittikorn Panyamanee, กรพนัช ตั้งเขื่อนขันธ์, Kornphanat Tungkeunkunt (2016)

บทความนี้เป็นการศึกษาแบบสำรวจเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับอัมเบดการ์ศึกษา,ประวัติศาสตร์กลุ่มชนนอกวรรณะ และการศึกษาแบบซับบอลเทิร์น นอกจากนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาว่าเหตุใดกลุ่ม ซับบอลเทิร์นจึงได้มองข้ามอัมเบดการ์ศึกษา และประวัติศาสตร์กลุ่มชนนอกวรรณะซับบอลเทิร์น (Subaltern Studies) ก่อตั้งขึ้นเพื่อใช้อธิบายสังคมอินเดียจากประชาชนระดับล่าง ซึ่งซับบอลเทิร์นได้สร้างความแตกต่างให้แก่การเขียนประวัติศาสตร์นิพนธ์อินเดียโดยราชิต คุฮา ถึงแม้ว่า คุฮาและเพื่อนร่วมงานของเขาในกลุ่มซับบอลเทิร์นจะให้การยืนยันว่า คำนิยามของซับบอลเทิร์นได้ครอบคลุมเรื่องราวเหล่านี้ทั้งที่เป็นชนชั้น ระบบวรรณะ เชื้อชาติ ภาษา สตรี และอื่นๆ ในทางตรงกันข้ามบทความ ทางวิชาการจำนวนมากของซับบอลเทิร์นได้ มองข้ามอัมเบดการ์และกลุ่มชนนอกวรรณะไป เนื่องด้วยเหตุนี้ การมองข้ามดังกล่าวจึงเป็น สาเหตุหนึ่งของการเสื่อมสลายของกลุ่มซับบอลเทิร์นในเวลาต่อมาอย่างไรก็ตาม อัมเบดการ์ศึกษาและประวัติศาสตร์กลุ่มชนนอกวรรณะมีความพิเศษในแง่ของประวัติศาสตร์นิพนธ์อินเดีย เพราะทั้งสอง แนวทางนี้เป็นหนึ่งในประเภทการศึกษาที่ศึกษาเกี่ยวกับซับบอลเทิร์น ในความเป็นจริง ดร.อัมเบดการ์ เกิดในครอบครัวที่มีสถานะเป็น กลุ่ม ชนนอกวรรณะ และมีแนวความคิดด้านการยกเลิกระบบวรรณะของเขา ในเวลาต่อมาได้ส่งผลให้เขาเป็นผู้นำกลุ่มชนนอกวรรณะที่มีบทบาท สำคัญในศตวรรษที่ 20 นอกจากนี้ ดร.อัมเบดการ์ ยังได้สนับสนุนให้กลุ่มชนนอกวรรณะทั้งชายและหญิงมีสิทธิทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมได้เช่นเดียวกับกลุ่มชนในวรรณะสูง ตัวอย่างเช่น การก่อตั้งโครงการเพื่อการศึกษา การเขียนรัฐธรรมนูญและการเสนอประมวลกฎหมายฮินดู เป็นต้น เขายังเปรียบเสมือนเป็นหน้าต่างบาน หนึ่งที่เราสามารถเปิดมาดูวิถีชีวิตของกลุ่มชนนอกวรรณะ แม้ว่า ดร. อัมเบดการ์และประวัติศาสตร์กลุ่มชนนอกวรรณะจะเป็นประวัติศาสตร์นิพนธ์จากมลทิน แต่ไม่ควรมองข้ามและตัดแนวทางการศึกษาทั้งสองนี้ออกไปจากประวัติศาสตร์นิพนธ์อินเดียได้โดยสรุปเมื่อเรากล่าวถึงปัญหาของประวัติศาสตร์นิพนธ์อินเดียนั้น สามารถกล่าวได้ว่าหมายถึงผลงานเชิงวิชาการที่กล่าวถึง อัมเบดการ์และกลุ่มชนนอกวรรณะที่ยังมีในปริมาณไม่มาก ยิ่งกว่านั้นอัมเบดการ์และกลุ่มชนอกวรรณะ คือ ทางเลือกของประวัติศาสตร์นิพนธ์ อินเดีย เพราะทั้งสองสิ่งนี้มุ่งศึกษาประชาชนที่อยู่ล่างสุดของสังคม อินเดีย นอกจากนี้ทั้งอัมเบดการ์ศึกษา ประวัติศาสตร์กลุ่มชนนอกวรรณะและซับบอลเทิร์นต่างมีสภาวะของการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันในบริบทพื้นที่ทางวิชาการ