ปรัชญาตะวันออก
Permanent URI for this collection
Browse
Browsing ปรัชญาตะวันออก by browse.metadata.researchtheme1 "สุนทรียศาสตร์"
Now showing 1 - 7 of 7
Results Per Page
Sort Options
- Publicationการศึกษาปรัชญาสุนทรียศาสตร์ที่ปรากฏในเทวศิลป์มหาเทวีของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูสิริมิตร สิริโสฬส; SIRIMIT SIRISOROJ (2018)The thesis title "A study of the aesthetic philosophy appearanee in the divine art of Mahadevi on Brahmanism-Hinduism was qualitative research and documentary research methodology. The objectives of this research w e re :1 )to study divine art of mahadevi on Brahmanism-Hinduism, 2) to study aesthetic philosophy, and 3) to study aesthetic philosophy appearanee in the divine art of mahadevi on Brahmanism- Hinduism. The results of the study were as follows: Divine art of mahadevi on Brahmanism-Hinduism were part of aesthetic philosophy study. To explain art appeared in divine art of mahadevi on Brahmanism- Hinduism by theory of representation, theory of formalist and theory of expression. Divine art of mahadevi on Brahmanism-Hinduism showed imagine of artist including beauty and philosophy meaning appeared in divine art. Aesthetic value of divine art corresponded to theory of relative that depend on assessors. Assessors had direct experience by watching divine art of mahadevi on Brahmanism-Hinduisin.
- Publicationแนวคิดทางสุนทรียศาสตร์ในนาฏกรรมโขน: กรณีศึกษาสถาบันนาฏศิลป์บ้านรักษ์ไทย จังหวัดเชียงใหม่อรอุษา สุขจันทร์ (2015)บทความนี้มุ่งศึกษา แนวคิดทางสุนทรียศาสตร์เรื่องความงามใน 5 ประเด็น ได้แก่ 1) ความงามของตัวละคร 2) ความงามของเครื่องแต่งกาย 3) ความงามของท่วงท่าในการรำ 4) ความงามของบทพากย์ และ 5) ความงามของดนตรีประกอบ และวิเคราะห์ความงามในภาพรวมของนาฏกรรมโขน จากการศึกษาพบว่า แนวคิดทางสุนทรียศาสตร์เรื่องความงามในแต่ละประเด็น ดังนี้ 1) ความงามของตัวละครนั้น มีรูปแบบตายตัวแน่นอน นักแสดงที่จะสวมบทบาทการแสดงของแต่ละตัวละคร ต้องมีลักษณะตรงตามที่ตำรากล่าวไว้ตามบุคลิกภาพของแต่ละตัว 2) ความงามของเครื่องแต่งกาย องค์ประกอบต่างๆ จำเป็นต้องมีความสมบูรณ์ครบครัน ตามแบบแผนของการแสดงโขน เพื่อบ่งบอกถึงยศตำแหน่งของตัวละครนั้นๆ ได้อย่างชัดเจน 3) ความงามของท่วงท่าในการรำ ผู้รำจะต้องเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของแต่ละฉาก ผ่านการแสดงออกทางการรำ กล่าวคือ ท่าทางที่แสดงออกมาจะต้องบ่งบอกได้ว่าตัวละครนั้นๆ รู้สึกเช่นไร กำลังอยู่ในอารมณ์ไหน 4) ความงามของบทพากย์ เนื่องจากตัวละครต้องสวมหัวโขน ดังนั้นการดำเนินเรื่องจึงเป็นหน้าที่ของผู้พากย์ บทพากย์ที่สวยงามนั้น ต้องมีความสละสลวยของภาษา รวมถึงน้ำสียงของผู้ภาคต้องสอดคล้องรับกับเครื่องดนตรี เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจเหตุการณ์ของฉากนั้นๆ และ 5) ความงามของดนตรีประกอบ ต้องเป็นดนตรีที่มีท่วงทำนองสอดรับกับผู้พากย์บทและนักแสดง เพื่อให้คนดูเข้าถึงอรรถรสในการรับชม สอดคล้องกับทฤษฎีอัตวิสัย ที่เห็นว่า จิตเป็นแหล่งกำเนิดของความงาม ความงามจึงไม่ได้มีอยู่ภายนอกจิตใจของเรา เนื่องจากแต่ละคนมีมุมมอง ประสบการณ์ชีวิต อารมณ์และความรู้สึกต่างกัน จึงอาจจะมีการตัดสินและให้คุณค่าความงามแก่วัตถุนั้นๆ ต่างกันออกไป ความเป็นอัตนัยของบุคคลจึงเป็นแหล่งกำเนิดของคุณค่าสุนทรียะ และเมื่อวิเคราะห์ภาพรวมของนาฏกรรมโขนพบว่า นาฏกรรมโขนอยู่ในฐานะอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทำให้เกิดประสบการณ์สุนทรียะ กล่าวคือ การแสดงโขนที่ดีนั้น ต้องให้อรรถรสในการรับชมแก่คนดู ต้องสร้างความประทับใจและความซาบซึ้งกินใจแก่ผู้รับชม จึงจะกล่าวได้ว่า การแสดงโขนนั้นมีคุณค่าทางสุนทรียะ
- Publicationแนวคิดเรื่องความงามของคาลิล ยิบรานกนกนภ นามวงษ์; Kanoknop Namwong (2012)The thesis’s objective is to analyze the Kahlil Gibran’s concept of beauty on the topics related to the beauty, the beauty of life and the beauty of love. The methodology of study is a documentary research by analyzing Kahlil Gibran’s works and presenting it in a descriptive way. For the topic of beauty, according to Kahlil Gibran, beauty can be found in life and love. Its source is from the human’s mind when the one’s mind is joyful and was impressed on the various things around him. It is comes about by nature and is not a human-created. The criteria for justify the beauty, for him, bases on the subjectivity. Therefore, the beauty, according to him, is plural and various. For the beauty of life, Gibran shows that the beauty of life is not depend on the material things or modernity. But on the simplicity by leading a life without greed with mindfulness, full of love and giving. For the beauty of love, it is the love that liberates human beings from geed passion and defilement. It is the loving-kindness and compassion which leads human beings to the true value and true aim. He believes in love that destroys darkness in human’s mind and opens up one’s mind to the real beauty. Beauty, beauty of life and beauty of love, all of them are interconnected, which cannot be able to be separated. They are reciprocal to each others. To envisage the beauty of life and the beauty of love can lead the one to a beautiful life and has the creative power in life.
- Publicationมองภาพเขียนเซนผ่านหลักเซี่ยเห้อกัญญมณฑ์ กัณฑะพงศ์; Gunyamon Guntapong (2013)บทความนี้ต้องการศึกษาการใช้เทคนิคการเขียนภาพ 6 ประการของเซี่ยเห้อทำความเข้าใจสุนทรียภาพในภาพเขียนเซน เจาะจงผลงานภาพเขียนเซนของมู่ซีและเหลียงข่าย ยุคซ่งใต้ จากการศึกษาพบว่าทัศนะที่เกี่ยวข้องกับหลักการทั้ง 5 ข้อแรกของเซี่ยเห้อสามารถอธิบายความงามที่ปรากฏในคำอธิยายประกอบภาพเขียนเซนและความแตกต่างของสุนทรียภาพที่ปรากฏบนภาพอธิบายโดยใช้แนวคิดของปรัชญาเซนได้เช่นกัน
- Publicationร่องรอยเกี่ยวกับแนวคิดปรัชญาและศาสนาเต๋าในศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ จังหวัดชลบุรีChanglong Lan (2018)The purpose of this study was to review the views of Chinese scholars on Philosophy and Religion Taoism. It especially aimed to study the historical events of Philosophy and Religion Taoism. Also, this study attempted to study the trace of Chinese philosophy and religion in the art of Najasataichi Shrine.The researcher used the qualitative research methodology to study the related documents and data from fieldwork
- Publicationวาบิ-ซาบิ กับแนวคิดเรื่องความงามในมุมมองสุนทรียศาสตร์นฐนกร ธงพุทธามนท์; พระมหาคมคาย สิริปญโญ; Notnargorn Thongputtamon; Phramaha Komkai Sington (2022)บทความเรื่องวาบิ-ซาบิ กับแนวคิดเรื่องความงามในมุมมองสุนทรียศาสตร์มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทฤษฎีทางสุนทรียศาสตร์ การตีความและการให้คุณค่าที่เกี่ยวกับแนวคิดวาบิ-ซาบิ ซึ่งมีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากแนวคิดวาบิ-ซาบิ เป็นแนวคิดทฤษฎีที่ยอมรับเกี่ยวกับความไม่สมบูรณ์แบบ โดยมีความเห็นว่าความงามไม่จําเป็นต้องสมบูรณ์พร้อม มีความเรียบง่าย ไม่ถูกปรุงแต่งมากจนเกินไปวัตถุประสงค์ถัดมาคือการพยายามหาคําตอบของคําว่า สวยงาม ในมุมมองทางสุนทรียศาสตร์ในบริบทของวาบิ-ซาบินั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ กับการตอบคําถามที่ว่าความไม่สมบูรณ์แบบในผลงานศิลปะเหล่านั้นจะถูกยอมรับว่ามีคุณค่าทางศิลปะ สุนทรียภาพที่เกิดขึ้นจากแนวคิดวาบิซาบิ ได้ให้ความหมายลึกซึ้งถึงคุณค่าหรือไม่ การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงเอกสาร โดยศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่ได้ให้คําอธิบายและนิยามความหมายไว้ถึงข้อสนับสนุนและข้อโต้แย้ง รวมไปถึงการนํากรอบทฤษฎีทางสุนทรียศาสตร์มาเป็นกรอบในการวิเคราะห์ ผลการศึกษาพบว่า การที่จะยอมรับแนวคิดวาบิ-ซาบิ ว่ามีคุณค่าความงามหรือไม่นั้น สิ่งสําคัญคือการนํากรอบทฤษฎีทางสุนทรียศาสตร์มาวิเคราะห์ ภายใต้กฎเกณฑ์ทําให้พบหลักฐานว่า วาบิ-ซาบิ นับเป็นสุนทรียภาพหนึ่งที่มีคุณค่าตามมาตรฐานความงามที่มิได้ขัดแย้งกับความเป็นจริง เพราะความงามของวาบิ-ซาบิ เป็นความงามที่จริงแท้ สัมผัสได้ และไม่ใช่เรื่องไกลตัวที่คนธรรมดาไม่สามารถรับรู้ได้ ความงามในรูปแบบของวาบิ-ซาบินั้นตั้งอยู่บนเรื่องราวของชีวิตที่สามารถนํามาอธิบายเป็นข้อเท็จจริงเป็นทฤษฎีที่เป็นรูปธรรมทางสุนทรียศาสตร์ได้ โดยหลักความจริงทางปรัชญาที่ค้นพบในวาบิ-ซาบิมี 3 ประการที่มีเกี่ยวข้องกับสภาวะแวดล้อม ได้แก่ “ปริมาณน้อย, การเลือกคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่มาจากที่มาของเนื้อแท้ของสิ่งนั้น, การเคารพธรรมชาติ”ซึ่งความงามในแบบของวาบิซาบิ มีอยู่ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น และวิถีแห่งปรัชญา ซึ่งมีอิทธิพลต่อการรับรู้สุนทรียภาพของญี่ปุ่น และสิ่งที่ประกอบไปด้วยบริบทเหล่านี้ ได้แก่ พิธีชงชา, การจัดดอกไม้, บทกวีญี่ปุ่น(Haiku), การออกแบบสวน และ ละครเต้นรําคลาสสิกแม้ในยุคสมัยใหม่ วาบิ-ซาบิ ก็ยังถูกยอมรับความเป็นแนวคิดสําคัญที่ไม่ได้ถูกจํากัดอยู่ในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเพียงที่เดียว แต่ถูกมองว่าเป็นเรื่องของมนุษย์ที่มีความคิดมีจิตใจ และนอกจากนี้ วาบิ-ซาบิ ยังสอดคล้องกับทฤษฎีสุนทรียศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของการให้คุณค่า โดยคุณค่าของวาบิ-ซาบิที่ถูกค้นพบนั้นถูกให้ไว้ในเชิงบวก คือ นอกจากจะสร้างความละเมียดในการสื่อสารแล้วยังมีคุณค่าทําให้จิตใจของผู้ที่ถูกฝึกฝนในเรื่องสุนทรียภาพให้มีความอ่อนโยน เข้าใจสังคมและมีความงดงามในจิตใจด้วย
- Publicationสุนทรียทัศน์แบบเซ็นในงานศิลปะของคามิน เลิศชัยประเสริฐอิสระ ตรีปัญญา; Isara Treepunya (2020)บทความเรื่อง สุนทรียทัศน์แบบเซนในงานศิลปะของคามิน เลิศชัยประเสริฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์สุนทรียทัศน์แบบเซนในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัยของคามิน เลิศชัยประเสริฐ ใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลจากเอกสารทางวิชาการและเอกสารที่ได้จากการสัมภาษณ์ศิลปินและนักวิชาการ โดยใช้แนวคิดสุนทรียทัศน์แบบเซนมาเป็นกรอบการศึกษาวิเคราะห์ในประเด็นเรื่องคุณค่าสุนทรียะและประสบการณ์สุนทรียะ ผลการศึกษาพบว่า ในด้านคุณค่าสุนทรียะ ผลงานศิลปะของคามิน เลิศชัยประเสริฐมีลักษณะอัตวิสัย การกล่าวคือ คุณค่านี้มาจากการให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงานมากว่าผลลัพธ์ที่เป็นวัตถุ ผลงานศิลปะที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการยืนยันถึงร่องรอยประสบการณ์บางอย่างที่สำเร็จเสร็จสิ้นแล้วในจิตของศิลปิน ส่วนในด้านประสบการณ์สุนทรียะนั้นเป็นการรับรู้ในประสบการณ์ขณะนั้นอย่างบริสุทธิ์และจริงใจ ปราศจากความคิดปรุงแต่งและความคาดหวังใดๆ โดยศิลปินเห็นว่าการเข้าถึงประสบการณ์ทางสุนทรียะนี้เป็นสภาวะหนึ่งเดียวกันกับประสบการณ์ของสัจจะที่ตนได้รับรู้