ภาษาจีน : Chinese
Permanent URI for this community
บทความวิจัย และบทความวิชาการด้านภาษาศาสตร์ภาษาจีน การเรียนการสอนภาษาจีน การแปลภาษาจีน วรรณกรรมจีน และวัฒนธรรมจีน
Browse
Browsing ภาษาจีน : Chinese by OECD Research Area "6.3 ปรัชญา จริยธรรมและศาสนา"
Now showing 1 - 20 of 29
Results Per Page
Sort Options
- Publicationการขัดเกลาตนเองเป็น "วิญญูชน" ตามแนวทางของตำราทั้งสี่สยุมพร ฉันทสิทธิพร; Chanthsithiporn, Sayumporn (2016)การขัดเกลาตนเอง (修身) เป็นหัวใจสำคัญของอุดมการณ์ลัทธิหรู “วิญญูชน”(君子)ถือเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นแห่งการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ตำราทั้งสี่ ที่ถือเป็นพื้นฐานของตำราลัทธิหรูมีเนื้อหากล่าวถึงวิญญูชนเป็นจำนวนมาก บทความนี้จะอภิปรายในประเด็นต่างๆ ได้แก่ คุณสมบัติแห่งความเป็นวิญญูชน ขั้นตอนการขัดเกลาตนเองไปสู่ความเป็นวิญญูชน และกลวิธีทางภาษาในการนำเสนอและปลูกฝังเรื่องความเป็นวิญญูชน ลัทธิหรูต้องการปลูกฝังวิญญูชนให้มีบุคลิกและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานราชการ ซึ่งเป้าหมายหลักแห่งความคิดลัทธิหรูคือการสร้างการเมืองการปกครองแห่งคุณธรรม
- Publicationการศึกษาแนวคิดขงจื๊อในคัมภีร์จงยงจตุวิทย์ แก้วสุวรรณ; Keawsuwan, Chatuwit (2021)แนวคิดของลัทธิขงจื๊อ เป็นแนวคิดหลักในวัฒนธรรมจีนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คัมภีร์จงยงเป็นหนึ่งในเอกสารที่ถ่ายทอดแนวความคิดเรื่องการปฏิบัติตนให้เหมาะสมตามหลักแห่งความสัตย์จริง งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา “แนวทางอันควรในการดํารงชีวิตตามหลักความเหมาะสมที่แน่นอน” หรือ “ธรรมวิถี” ที่สะท้อนผ่านคัมภีร์จงยง โดย ศึกษาระบบคิดผ่านเนื้อหาในคัมภีร์ คัดเลือกข้อมูล ลําดับข้อมูลและจัดระบบตามกรอบความคิดในการวิจัย พร้อมทั้งวิเคราะห์ อธิบายและเชื่อมโยงความคิดทั้งหมดให้ต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของการนําไปประยุกต์ใช้ ผลการศึกษาสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ด้านคือ 1. ธรรมวิถีในการเข้าถึงธรรมชาติด้วยความสัตย์จริง 2. ธรรมวิถีในด่านความกตัญญู 3. ธรรม วิถีในด้านการปกครอง และ 4. ธรรมวิถีในการใช้ชีวิตตามสถานะ
- Publicationการศึกษาแนวคิดขงจื่อในมิติของความสุขจากคัมภีร์หลุนอี่ว์เบญจมาภรณ์ ฤาไชย; กนกพร นุ่มทอง; Ruechai, Benjamapornrue; Numtong, Kanokporn (2022)“乐เล่อ” (ความสุข) เป็นมโนทัศน์สำคัญที่มักปรากฏในคัมภีร์หลุนอี่ว์(论语)คัมภีร์อันทรงคุณค่าที่บันทึกการสนทนาระหว่างขงจื่อกับศิษย์ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวคิดขงจื่อในมิติของความสุขที่ปรากฏในคัมภีร์หลุนอี่ว์ โดยแบ่งเป็น 3 ประเด็น ได้แก่ 1.แนวคิดของขงจื่อในมิติของความสุข 2.ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบความสุขของขงจื่อกับองค์ประกอบของความสุขในทฤษฎี P.E.R.M.A ซึ่งเน้นทฤษฎีที่กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนาความสุขและสุขภาวะของมนุษย์ 3.ความสัมพันธ์ ระหว่างความสุขของขงจื่อกับหลักธรรมทางพุทธศาสนา งานวิจัยนี้ดำเนินการวิจัยโดยการศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์หลุนอี่ว์ฉบับภาษาจีนกับฉบับภาษาไทย ผลการวิจัยพบว่า 1.มิติความสุขของขงจื่อ แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ ความรื่นรมย์ในการศึกษา ความยินดีในการคบมิตรและอภัย ความสำราญใจในคุณธรรม และความอิ่มเอมใจในความสันโดษ 2. ตามทฤษฎี P.E.R.M.A พบว่า ทุกรูปแบบความสุขของขงจื่อที่ผู้วิจัยจำแนกมีองค์ประกอบของความรู้สึกและอารมณ์ด้านบวก (Positive Emotion) เป็นองค์ประกอบหลัก 3.จากการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างมิติความสุขของขงจื่อกับหลักธรรมทางพุทธศาสนา พบว่า ความรื่นรมย์ในการศึกษาของขงจื่อสัมพันธ์กับหลักอิทธิบาท 4 ความยินดีในการคบมิตรและอภัยสัมพันธ์กับหลักพรหมวิหาร 4 ความสำราญใจในคุณธรรมสัมพันธ์กับหลักสัปปุริสธรรม 7 และหลักพรหมวิหาร 4 ความอิ่มเอมใจในความสันโดษ สัมพันธ์กับหลักสัปปุริสธรรม 7 ในข้อการรู้จักตนและการรู้ประมาณ จึงสรุปได้ว่า ขงจื่อยกย่องความสุขที่มีคุณธรรมเป็นพื้นฐาน ความสุขในการใช้ปัญญายอมรับความสันโดษ ความยินดีในการสร้างสัมพันธ์และให้อภัยผู้อื่น ซึ่งสอดคล้องกับหลักธรรมทางพุทธศาสนา และมีองค์ประกอบของการสร้างความสุขที่ยั่งยืนในทางจิตวิทยาเชิงบวก
- Publicationการศึกษาแนวคิดความสัตย์จริงในลัทธิขงจื่อผ่านคัมภีร์จงยงกนกพร นุ่มทอง; Numtong, Kanokporn (2021)คัมภีร์จงยงเป็นหนึ่งในสี่จตุรปกรณ์ ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญของลัทธิขงจื่อมีความสำคัญในวัฒนธรรมจีน เนื่องจากแสดงหลักการประพฤติปฏิบัติที่เหมาะสมแน่นอน เป็นการเชื่อมโยงแนวคิดสู่การปฏิบัติ จื่อซือผู้นิพนธ์คัมภีร์ดังกล่าวเป็นทายาทสายตรงของขงจื่อ ได้สืบทอดแนวคิดจงยงหรือความเหมาะสมที่แน่นอนมาจากขงจื่อและสร้างแนวคิดความสัตย์จริงให้เป็นคุณธรรมสูงสุด โดยถ่ายทอดไว้ในคัมภีร์จงยง บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องความสัตย์จริงในลัทธิขงจื่อผ่านคัมภีร์จงยง โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยในรูปแบบของการวิเคราะห์และตีความตัวบททุกบทที่ปรากฏคำว่า “เฉิง” (ความสัตย์จริง) ในคัมภีร์จงยง และนำมาเชื่อมโยงและสรุปเป็นขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมและเข้าใจง่าย ผลการวิจัยพบว่า ความสัตย์จริงตามคัมภีร์จงยงเป็นความจริงแท้แน่นอนไม่ผันเปลี่ยน ความสัตย์จริงเป็นธรรมวิถีแห่งฟ้า การทำให้ถึงความสัตย์จริงเป็นธรรมวิถีสูงสุดของมนุษย์ ความสัตย์จริงจะทำให้มนุษย์ประสบความสำเร็จในการอบรมตน เมื่อบรรลุถึงความสัตย์จริงแล้วก็จักสามารถขยายสู่คุณธรรมด้านอื่นๆ ได้ ความสัตย์จริงเป็นคุณธรรมทั้งสำหรับผู้ปกครองและคนทั่วไป หากคนทั่วไปเข้าถึงได้ก็สามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างราบรื่น หากผู้ปกครองเข้าถึงความสัตย์จริงก็จักสามารถปกครองบ้านเมืองให้สุขสงบได้
- Publicationการศึกษาแนวคิดด้านความกตัญญูในลัทธิขงจื๊อผ่านคัมภีร์สี่จตุรปกรณ์จตุวิทย์ แก้วสุวรรณ์; Keawsuwan, Chatuwit (2021)วัฒนธรรมจีนให้ความสำคัญกับความกตัญญูเป็นอย่างมาก ถือว่าความกตัญญูเป็นรากฐานแห่งความดีทั้งปวง ลัทธิขงจื๊อเป็นหนึ่งในแกนกลางของวัฒนธรรมจีน ลัทธินี้ได้ให้คุณค่าความกตัญญูและได้นำเสนอคุณธรรมดังกล่าวผ่านคัมภีร์สำคัญหลายเล่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนังสือชุดสี่จตุรปกรณ์ที่เป็นคัมภีร์รวมสารัตถะสำคัญของลัทธิขงจื๊อ ซึ่งมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมจีนทั้งในวงการปรัชญา วรรณกรรม การศึกษามาจนถึงปัจจุบัน วัตถุประสงค์ของการวิจัยคือศึกษาแนวคิดด้านความกตัญญูของลัทธิขงจื๊อที่ปรากฏในหนังสือชุดสี่จตุรปกรณ์ โดยมีระเบียบวิธีวิจัยคือรวบรวมและศึกษาข้อมูลจากหนังสือชุดดังกล่าว ดำเนินการลำดับข้อมูล จัดระบบตามกรอบความคิดในการศึกษา และคัดเลือกข้อมูลและระบบคิดที่แทรกอยู่ในเนื้อหาในคัมภีร์ทั้งสี่มาวิเคราะห์ อธิบายและเชื่อมโยงความคิดทั้งหมด ผลการศึกษาพบว่า แนวคิดด้านความกตัญญูในหนังสือชุดสี่จตุรปกรณ์มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน โดยแสดงให้เห็นว่าลัทธิขงจื๊อมองความกตัญญู(孝)เป็นคุณธรรมที่บุตรพึงมีต่อบุพการี ถือเป็นการตอบแทนความรัก(愛)ของบุพการี เมื่อบุคคลมีความกตัญญูต่อบุพการีเป็นพื้นฐานแล้ว ก็จะแผ่ขยายความกตัญญูไปสู่ความจงรักภักดี(忠)ความเคารพ(敬)ความเคารพรักและเมตตา(悌)ต่อบุคคลอื่นในสังคมนั่นเอง สามารถกล่าวได้ว่าคุณงามความดีทั้งหลายมีกตัญญูเป็นสิ่งนำ กตัญญูคือรากฐานแห่งวิถีธรรมและคุณธรรมทั้งปวง
- Publicationการสร้างสันติสุขด้วยปรัชญาขงจื๊อลี่เหวิน จาง; Zhang, Liwen (2007)
- Publicationความสัมพันธ์ระหว่างตำราต้าเสฺวียกับตำราจงยงสยุมพร ฉันทสิทธิพร; 蔡, 淑钏; Chanthsithiporn, Sayumporn (2022)บทความนี้มุ่งนำเสนอความหมายและความสัมพันธ์ระหว่างตำราต้าเสฺวียกับตำราจงยงใน 3 ประเด็น ประการที่ 1 วาทกรรมการสืบทอดสายตรงของวิถีแห่งธรรม(道统)กับการกำเนิดของตำราทั้งสี่ ตำราต้าเสฺวียกับตำราจงยงถูกโยงให้สัมพันธ์กันด้วยสาแหรกการสืบทอดวิถีแห่งธรรม และตำราทั้งสี่ก็เป็นผลผลิตของวาทกรรมดังกล่าว ประการที่ 2 ตำราต้าเสฺวียกับตำราจงยงมีความสัมพันธ์ในด้านเนื้อหา ตำราทั้งสองนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่นำเสนอในมุมที่ต่างกันและใช้คำสำคัญที่แตกต่างกัน ทว่าความหมายและแก่นความคิดนั้นทาบสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน ประการสุดท้าย บทบาทของตำราต้าเสฺวียกับตำราจงยงในการสร้างภาพตัวแทนของบุรพกษัตริย์ ซึ่งเป็นบทบาทที่ทำหน้าที่เป็นมาตรตัดสินคุณธรรมและการปกครองของผู้นำจีนมาโดยตลอดในประวัติศาสตร์
- Publicationความหมายของ "ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม่"ญาณาธิป เดชะวิเศษ; 成, 智明; Techawiset, Yanathip (2015)บทความนี้มุ่งทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับความหมายของ “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม่” เพื่อชี้ให้เห็นว่า แนวคิดสำนักขงจื๊อมีการพัฒนาปรับปรุงให้สอดคล้องเหมาะสมกับสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา หาใช่แนวคิดที่หยุดนิ่งแต่อย่างใดไม่ “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม่” เป็นพัฒนาการทางความคิดของแนวคิดสำนักขงจื๊อที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน มีจุดเริ่มต้นจากความพยายามของปัญญาชนจีนกลุ่มอนุรักษนิยมที่ต้องการธำรงรักษาแนวคิดสำนักขงจื๊อให้สามารถยืนหยัดอยู่ต่อไปได้ ท่ามกลางกระแสล้มล้างวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนอย่างถอนรากถอนโคน แต่ด้วยบริบททางสังคมการเมืองที่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งบรรดาปัญญาชนจีนกลุ่มอนุรักษนิยมมีโอกาสศึกษาและแลกเปลี่ยนกับบรรดานักวิชาการระดับสากลกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ “ขบวนการขงจื๊อสมัยใหม่” มีการประสมประสาน นำเอาแนวคิดและทฤษฎีของหลักปรัชญาตะวันตก และพัฒนาปรับปรุงเนื้อหาสาระให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพสังคมพหุวัฒนธรรมในปัจจุบัน
- Publicationจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงสู่การเมืองที่รองรับความหลากหลายกาญจนา สิริสิทธิมหาชน; Sirisitthimahachon, Kanchana (2022)งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ระบบความคิดทางปรัชญาในคัมภีร์เต้าเต๋อจิงกับการเมืองที่รองรับความหลากหลาย โดยใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหาจากคำภีร์เต้าเต๋อจิงกับเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่าระบบความคิดทางปรัชญาในคัมภีร์เต้าเต๋อจิงสู่การเมืองที่รองรับความหลากหลาย แบ่งได้เป็น 3 ประการ 1. ความว่างเปล่า 2. การเปรียบเทียบ 3. การปกครองและปราชญ์ หลักปรัชญาเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างเป็นระบบ เมื่อมองจากมุมมองทางการเมืองการปกครองในยุคปัจจุบันแล้ว หลักปรัชญาในคัมภีร์เต้าเต๋อจิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครองอยู่ไม่น้อย จะเห็นได้ว่าหลักปรัชญาทางการเมืองการปกครองในคัมภีร์สามารถถ่ายทอดออกมาถึงสภาพการเมืองที่รองรับความหลากหลายและสามารถแก้ปัญหาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีปัญหาในยุคปัจจุบันได้
- Publicationจากวาทกรรม "การสืบทอดสายตรงแห่งมรรควิธี" สู่หลี่เสฺวีย และตำราทั้งสี่สยุมพร ฉันทสิทธิพร; Chanthsithiporn, Sayumporn (2013)บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของการสร้างวาทกรรม “การสืบทอดสายตรงแห่งมรรควิธี” (道统)กับหลี่เสุวีย (理学)และตำราทั้งสี่ 《四书》ผลการศึกษาพบว่าความสัมพันธ์นี้เป็นพัฒนาการทางประวัติศาสตร์และทางปรัชญาของสังคมจีนซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวเพื่อฟื้นฟูความคิดลัทธิหรู(儒学)ที่อ่อนแอลงจากทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยการสร้างวาทกรรม “การสืบทอดสายตรงแห่งมรรควิธี” ถือเป็นกระบวนการสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หลี่เสฺวียเป็นการพยายามก้าวข้ามกระบวนทัศน์เดิมของลัทธิหรู และตำราทั้งสี่ก็เป็นผลผลิตที่เกิดจากกระบวนการสำคัญครั้งนี้
- Publicationแนวทางแห่งสันติวิธีในปรัชญามั่วจื่อ: ความรัก ความเท่าเทียม ผลประโยชน์ และครรลองธรรมปกรณ์ ลิมปนุสรณ์; 林, 志宏; Limpanusorn, Pakorn (2013)
- Publicationปรัชญาของขงจื่อกับการจัดระเบียบทางสังคม: การศึกษาวิเคราะห์คัมภีร์หลุนอี่ว์อติชาติ คำพวง; อรอนงค์ อินสอาด; Khamphuang, Atichat; Insaard, Onanong (2019)บทความวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดการจัดระเบียบทางสังคมของขงจื่อที่ปรากฎในคัมภีร์หลุนอี่ว์ โดยใช้แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ คือ คัมภีร์หลุนอี่ว์ฉบับถอดความภาษาจีนปัจจุบันของหยางป๋อจวิ้น ผู้วิจัยได้นำคัมภีร์มาศึกษา แปลเป็นภาษาไทย พร้อมทั้งจัดประเภทตัวบทตามกรอบทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่ของทัลคอตต์ พาร์สัน แล้วจึงทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีวิเคราะห์ความเชื่อมโยงของเนื้อหา (content analysis) ผลการศึกษาพบว่า ขงจื่อเสนอแนวคิดการจัดระเบียบทางสังคมโดยเริ่มจากการปฏิรูปสังคมตั้งแต่ฐานรากโดยการกำหนดแบบแผนทางพฤติกรรมของสมาชิกของสังคมในอุดมคติ คือ วิญญูชนขึ้น แล้วเสนอให้ใช้การศึกษา คือ การเรียนรู้อบรมตามจารีตหรือหลี่ รวมไปถึงการรู้จักเลือกปฏิบัติตามแบบอย่างที่ดี เป็นกระบวนการในการขัดเกลาทางสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้สมาชิกเกิดการควบคุมจากภายนอกสู่ภายใน จนบรรทัดฐานทางสังคม คุณธรรมและคุณค่าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างทางบุคลิกภาพของตน ขงจื่อมองว่า ผู้ที่ผ่านการขัดเกลาทางสังคมตามหลี่มาดีแล้วคือสมาชิกผู้มีคุณภาพที่สามารถปฏิบัติตามบรรทัดฐานทางสังคมได้อย่างเหมาะสมตามสถานภาพ บทบาทและช่วงชั้นทางสังคมที่ตนดำรงอยู่ โดยมีบรรทัดฐานเชิงภววิทยาคือ “มนุษยธรรม” หรือ “เหริน” (仁) เป็นเป้าหมายเชิงคุณค่าสูงสุด คือ การเดินไปสู่ความปรองดองและการมีสัมพันธภาพที่ดีงามระหว่างสมาชิกจนเกิดเป็นสังคมในอุดมคติที่เรียกว่า “ชุมชนมีมนุษยธรรม”
- Publicationเปรียบเทียบแนวคิดเกี่ยวกับการเกิดและการตายของจีนและไทยซี หาญ (2008)แนวคิดเกี่ยวกับการเกิดและการตาย รวมถึงทัศนะเกี่ยวกับเกิด ตาย และความหมายของชีวิตนั้น ทุกคนต่างมีทัศนะของตนเกี่ยวกับการเกิดและการตาย ต่างชนชาติย่อมมีแนวคิดต่างกัน เมื่อระบบความเชื่อต่างกัน แนวคิดเรื่องการเกิดการตายก็ย่อมต่างกัน บทความนี้จะวิเคราะห์ระบบความเชื่อของคนจีนและคนไทยเพื่อเปรียบเทียบแนวคิดเรื่องการเกิดการตายของสองชนชาตินี้ ระบบความเชื่อของคนจีนประกอบด้วยลัทธิขงจื๊อ ศาสนาเต่า และศาสนาพุทธ ส่วนของคนไทยนั้นประกอบด้วยลัทธิวิญญาณนิยม ศาสนาพราหมน์และศาสนาพุทธ บทความนี้จะกล่าวถึงความเชื่อของจีนและไทย และความแตกต่างของจีนและไทยในความเชื่อเรื่องภูติผี ความเป็นอมตะ ท่าทีการมองการเกิดและการตาย และพิธีกรรมเกี่ยวกับการเกิดและการตาย
- Publicationพระจี้กง: พระอรหันต์หรือพระสติเฟื่องพรพรรณ จันทโรนานนท์; 刘, 丽芳; Jantaronanond, Pornpan (2010)พระจี้กงเป็นพระอรหันต์ทางศาสนาพุทธมหายานนิกายเซนฝ่ายใต้ที่ ท่านเกิดใน ตระกูลหลี่ ชื่อหลี่ซิวหยวน (李修元ค.ศ.1130 -1209) ในสมัยราชวงค์ซ่งใต้ หลังออกบวช แล้วท่านได้รับขนานนามว่า เต้าจี้ (道济) จำพรรษาอยู่ที่วัดกั๋วชิงซื่อ (国清寺) ต่อมาได้ย้าย ไปอยู่ที่วัดหลิงอิ่นซื่อ(灵隐寺)เมืองหลินอาน(临安) (ปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของเมืองหังโจว) เนื่องจากพระจี้กงไม่ชอบปฏิบัติตามกฎของสงฆ์ ซ้ำยังชอบรับประทานเนื้อสัตว์ ดังนั้น หลังจากท่านเจ้าอาวาสฮุ่ยหย่วนมรณภาพแล้ว จี้กงจึงต้องย้ายไปอยู่ที่วัดจิ้งฉือซิ่อ(净慈寺) เนื่องจากพระจี้กงชอบช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก อีกทั้งเป็นพระที่มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์มาก จนเรื่องราวของท่านได้กลายเป็นนิทานพื้นบ้านที่กล่าวขานกันสืบต่อมาตั้งแต่ ราชวงค์ซ่งจนถึงปัจจุบัน จนพระจี้กงเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในจีนทางใต้ สถานที่ใดที่พระจี้กง เคยไปก็จะกลายเป็นที่ท่องเที่ยวไปด้วย กล่าวกันว่าพระจี้กงเป็นพุทธสาวกองค์เดียวที่มีความโดดเด่นของการรวม 3 ความ เชื่อคือศาสนาพุทธ ศาสนาเต๋าและขงจื้อไว้ในตัวท่านเพียงองค์เดียว ท่านจึงกลายเป็นพระ อรหันต์ที่มีผู้คนกราบไหว้มากที่สุดองค์หนึ่งของชาวจีนใต้ แม้ว่าเรื่องเล่าพระจี้กงจะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในจีนใต้ แต่ในไทยกลับ ปรากฏศาลเจ้าจี้กงเป็นเทพประธานอยู่เพียงไม่กี่แห่ง ที่เห็นเป็นหลักฐานของความเชื่ออย่าง แท้จริงก็คือสถานธรรมสายอนุตตรธรรมอี๋ก้วนเต้าเท่านั้นที่ตั้งพระจี้กงเป็นพระประธานของ สถานธรรม แม้ว่าศิษยานุศิษย์ของสถานธรรมจะรู้จักพระจี้กงกันอย่างแพร่หลายแต่สำหรับ ชาวไทยเชื้อสายจีนในไทยและชาวไทยแล้วกลับรู้จักน้อยกว่าพระกวนอิม
- Publicationพระโพธิสัตว์กวนอิมกับความเชื่อเรื่องการรับประทานเนื้อวัว ในมุมมองวิถีปฏิบัติแบบจีนในพุทธศาสนามหายานและศาสนาเต๋าเอกชัย แสงจันทร์ทะนุ; Saengjantanu, Ekachai (2021)บทความนี้ได้หยิบยกประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพระโพธิสัตว์กวนอิมกับความเชื่อเรื่องการละเว้นจากการรับประทานอาหารที่ปรุงจากเนื้อวัว มาทำการวิเคราะห์ในแง่มุมของวิถีปฏิบัติแบบจีนในศาสนาพุทธฝ่ายมหายานและศาสนาเต๋า โดยทำการค้นคว้าว่ามีส่วนใดจากข้อมูลตำนานของพระโพธิสัตว์กวนอิม รวมไปถึงพระสูตร และหลักปฏิบัติต่างๆ ตามหลักศาสนา ที่เกี่ยวข้องกับพระโพธิสัตว์กวนอิมและเนื้อวัว ผลการค้นคว้าข้อมูลพบว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมกับความเชื่อเรื่องการไม่รับประทานเนื้อวัวไม่เกี่ยวข้องกับวิถีปฏิบัติแบบจีนในพุทธศาสนามหายาน ส่วนศาสนาเต๋ามีเพียงแนวคิดที่ว่าวัวเป็นสัตว์ที่ใช้แรงงานไถนาให้คน ไม่ควรนำมารับประทานที่แพร่หลายในกลุ่มคนทั่วไป และดูเหมือนว่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งในข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องการรับประทานเนื้อวัว
- Publicationพุทธศาสนากับการสังเคราะห์ตนเข้ากับพหุวัฒนธรรมในสังคมจีน ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3-6ปกรณ์ ลิมปนุสรณ์; Limpanusorn, Pakorn (2021)บทความนี้ประสงค์จะทำความเข้าใจเหตุปัจจัยที่เอื้อให้พุทธศาสนาประสบความสำเร็จในการประสมประสานกับความเชื่อของชาวจีนดั้งเติม จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตได้อย่างไม่แปลกแยก จากการศึกษาพบว่า คริสต์ศตวรรษที่ 3-6 เป็นช่วงสำคัญที่สุด การปกครองของจีนถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ศรัทธาต่อความเชื่อที่มีมาแต่สมัยฮั่นเริ่มคลอนแคลนและเกิดกระแสนิยมทางความเชื่อแบบใหม่ นั่นคือ กระแส “เสวียนเสวีย” และกระแสการก่อรูปของ “ศาสนาเต๋า” อันเปิดช่องทางให้พุทธศาสนาได้มีโอกาสเข้าถึงปัญญาชนคนชั้นสูง จนสามารถเผยแพร่ไปในวงกว้างทั้งดินแดนจีน โดยพุทธศาสนาก็ต้องสังเคราะห์ตนเองหรือตัดทอนคำสอนหลายอย่างหลายประการเพื่อให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมของชาวจีน
- Publicationพุทธศาสนากับบทบาทสตรีในสังคมพหุวัฒนธรรมสมัยราชวงศ์ถังศิริวรรณ วรชัยยุทธ; Worrachaiyut, Siriwan (2021)สภาพสังคมสมัยราชวงศ์ถังมีลักษณะเป็นพหุวัฒนธรรม ทั้งเป็นช่วงที่พุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาต่างถิ่นรุ่งเรืองมากในจีน การเข้ามาของพุทธศาสนาส่งผลต่อวิถีชีวิตและหน้าที่ของสตรีในบทบาทที่เปลี่ยนไป งานวิจัยนี้ศึกษาอิทธิพลของพุทธศาสนาต่อสตรีสมัยราชวงศ์ถังโดยการวิจัยเอกสารข้อมูลภาษาจีนเป็นหลัก ผลการศึกษาพบว่าพุทธศาสนาเป็นเงื่อนไขและปัจจัยสำคัญที่ทำให้บทบาทสตรีสมัยราชวงศ์ถังเปลี่ยนไปภายใต้กรอบแนวคิดขงจื่ออย่างแยบยล พุทธศาสนาได้เพิ่มพื้นที่ทางสังคม การได้รับการยอมรับทางสังคมจากกิจกรรมทางศาสนาที่ตนเองได้มีส่วนร่วม เพิ่มทางเลือกในวิถีชีวิตที่นอกเหนือจากบทบาทตามจารีต อีกทั้งเป็นการแก้ปัญหาชีวิตของสตรีซึ่งผูกติดกับครอบครัว ด้วยการสร้างคุณค่าให้กับสตรีอีกหนทางหนึ่ง
- Publicationร่องรอยเกี่ยวกับแนวคิดปรัชญาและศาสนาเต๋าในศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ จังหวัดชลบุรีLan, Changlong (2018)การศึกษาเรื่อง ร่องรอยเกี่ยวกับแนวคิดปรัชญาและศาสนาเต๋าในศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ จังหวัดชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนแนวความคิดเกี่ยวกับลัทธิเต๋าและศาสนาเต๋าจากมุมมองนักวิจัยชาวจีน เหตุการณ์ที่สำคัญสำหรับลัทธิเต๋าและศาสนาเต๋าในประวัติศาสตร์จีน และร่องรอยแนวคิดปรัชญาจีนและศาสนาในศิลปะจีนของศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ ผู้วิจัยได้เลือกใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องและข้อมูลจากภาคสนาม แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์และนำเสนอผลการวิจัยโดยการพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัยมีดังนี้ 1) นักวิจัยชาวจีนส่วนใหญ่มองว่า ลัทธิเต๋าเป็นสำนักปรัชญาหนึ่งของจีน ส่วนศาสนาเต๋าเป็นศาสนาหนึ่งในสังคมจีน ซึ่งได้พัฒนาจากความเชื่อแบบดั้งเดิมของจีนโบราณและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง 2) เหตุการณ์ที่สำคัญสำหรับลัทธิเต๋าคือ ผู้ปกครองแผ่นดินในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกตอนต้นได้นำแนวคิดของลัทธิเต๋าหวงเหล่ามาปรับใช้ในการบริหารบ้านเมืองจนทำให้ลัทธินี้เข้าสู่ยุคเจริญ เมื่อจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ส่งเสริมและศรัทธาเพียงลัทธิขงจื๊อ ก็ทำให้ลัทธิเต๋าเสื่อมลง 3) เหตุการณ์ที่สำคัญสำหรับศาสนาเต๋าคือตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ้นจนถึงสมัยราชวงศ์ใต้-เหนือ ศาสนิกชนได้ช่วยกันปฏิรูปศาสนาเต๋า ซึ่งเหตุปัจจัยของการปฏิรูปอาจจะเกี่ยวกับการขยายอิทธิพลของศาสนาพุทธ เนื่องจากพระสงฆ์ในช่วงเวลานี้ได้แปลคัมภีร์หลาย ๆเล่มเป็นภาษาจีนและรัชสำนักจีนสนับสนุนศาสนาพุทธ จึงทำให้ชาวจีนเข้าใจหลักธรรมทางศาสนาพุทธดีขึ้นและหันมานับถือศาสนาพุทธมากกว่าศาสนาอื่น ๆ และ 4) ร่องรอยแนวคิดปรัชญาจีนและศาสนาที่ปรากฏในศิลปะจีนมีทั้งศาสนาเต๋า ศาสนาพุทธนิกายมหายานและลัทธิขงจื๊อ
- Publicationวิถีมนุษย์ในปรัชญาขงจื่ออรรถสิทธิ์ สุนาโท (2008)เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าชีวิตมนุษย์ทุกคนอยู่ภายใต้กฎแห่งความไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตาคือความไม่มีตัวตนที่แท้จริง เป็นเพียงแต่การรวมกันเข้าของธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้น ชีวิตมนุษย์จึงดำเนินไปตามกระบวนการแห่งการเกิด แก่ เจ็บ และจาย ซึ่งความจริงของชีวิตเหล่านี้ถึงแม้มนุษย์จะไม่เรียนรู้ แต่ทุกคนก็หนีไม่พ้น แต่สิ่งที่มนุษย์จะต้องเรียนรู้ไปมากกว่านั้นก็คือว่าขณะที่มีชีวิตอยู่ มนุษย์ควรจะเรียนรู้วิถีมนุษย์ด้วยกันเองอย่างไร สังคมมนุษย์ที่แท้จริงควรเป็นไปในลักษณะใด เพราะการเรียนรู้หลักการและแนวปฏิบัติที่ถูกต้องของชีวิตจะสามารถทำให้มนุษย์ปฏิบัติต่อสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยเฉพาะการปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกันเองซึ่งจะนำไปสู่สังคมที่สงบสุขได้ ดังจะได้ศึกษาแนวคิดทางปรัชญาของขงจื่อว่าด้วยเรื่องวิถีมนุษย์ ซึ่งอาจะเป็แนวทางหนึ่งที่จะทำให้มนุษย์ได้เรียนรู้เพื่อเป็นแนวปฏิบัติต่อไป
- Publication“万世师表” —孔子思想的探讨吴, 兰; 秦, 薇 (2017)在中国五千年悠久的历史文化长河中,儒家思想近乎完全占据着统治 地位,成为中国文化的代表。中泰两国之间的文化交流历史悠久,作为中国文化的代表,孔子的思想也对泰国文化产生了重要影响,孔子学院更是在泰国开花结 果。了解和研究孔子思想可以辅助汉语教学,提升汉语教学的趣味性和针对性,引起学生共鸣,从而提高教学效果。