Browsing by Author "Amornwanitsak, Surasit"
Now showing 1 - 11 of 11
Results Per Page
Sort Options
- Publicationการปะทะสังสรรค์ของคติขงจื๊อ เต๋า พุทธในตัวละครหงอคงในวรรณกรรมไซอิ๋วสุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์; Amornwanitsak, Surasit (2021)บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ศึกษาความสัมพันธ์ที่สะท้อนคติพหุวัฒนธรรมแบบจีนในตัวละคร “หงอคง” ในวรรณกรรมไซอิ๋ว ซึ่งพบว่า ผู้ประพันธ์ได้สร้างภาพความเป็นมนุษย์ให้กับหงอคงด้วยการเรียนรู้กฎเกณฑ์ทางสังคมในแบบที่สำนักขงจื๊อต้องการ และมุ่งมั่นแสวงหาความเป็นอมตะของฝ่ายเต๋าอย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อโชคชะตาพลิกผันให้เข้าสู่ทางธรรมในฐานะศิษย์คนโตของพระถังซำจั๋ง หงอคงก็กลายเป็นผู้ตื่นรู้ในกิเลสตัณหาทันที ผู้วิจัยตั้งข้อสังเกตว่า การสวมชุดเสื้อผ้าของหงอคงในแต่ละครั้งชี้ให้เห็นถึงสภาวะที่เปลี่ยนผ่าน จากลิงเป็นมนุษย์ จากมนุษย์กลายเป็นเซียน จากเซียนเข้าถึงพุทธภาวะ อย่างไรก็ตาม ตัวละครหงอคงในวรรณกรรมไซอิ๋วยังมีปมความขัดแย้งเรื่องศีลธรรมในตัวเองด้วย
- Publicationการศึกษาวาทกรรมความรักชาติในแบบเรียนวิชากิจกรรมกลุ่มยุวชนแนวหน้าภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงวุฒิพงษ์ ประพันธมิตร; สุรสิทธิ์ อมรวรณิชศักดิ์; Prapantamit, Wuttipong; Amornwanitsak, Surasit (2021)บทความวิจัยนี้ มุ่งรวบรวมและวิเคราะห์วาทกรรมความรักชาติในแบบเรียนวิชากิจกรรมกลุ่มยุวชนแนวหน้าภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผลการวิจัยพบว่า แบบเรียนวิชากิจกรรมกลุ่มยุวชนแนวหน้า สะท้อนความพยายามของรัฐในการสร้างความรักชาติผ่านการเรียบเรียงเนื้อหาที่สอดแทรกวาทกรรมความรักชาติทั้งสิ้น 4 วาทกรรมหลัก ได้แก่ วาทกรรมยืนหยัดในระบอบสังคมนิยม ที่บ่มเพาะให้เยาวชนอยู่ภายใต้ระบอบสังคมนิยมและปฏิบัติตนตามค่านิยมหลักสังคมนิยม วาทกรรมเชื่อฟังและเดินตามรอยพรรคคอมมิวนิสต์ สร้างค่านิยมเชื่อฟังการชี้นำของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ มีส่วนร่วมพัฒนาโครงการและนโยบายของรัฐ วาทกรรมตามรอยแบบอย่างบุคคลสำคัญ หล่อหลอมการตามรอยแบบอย่างค่านิยมบุคคลในประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์ และวาทกรรมเชิดชูจิตวิญญาณความเป็นจีน สร้างความรักและหวงแหนในขนบธรรมเนียมประเพณี รวมถึงการแสดงอัตลักษณ์ความเป็นชาติภายใต้กรอบความเป็นสังคมนิยม ทั้งนี้ การสร้างวาทกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเรียก ความศรัทธาจากพลเมืองในชาติที่มีต่อพรรคคอมมิวนิสต์ อันเนื่องมาจากการเกิดวิกฤตการลดลงของอัตราการเติบโตการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผลให้รัฐสร้างวาทกรรมเพื่อเป็นเครื่องมือในการบ่มเพาะค่านิยมความรักชาติ ความศรัทธา เชิดชูลัทธิสังคมนิยมแบบมีอัตลักษณ์จีน เชื่อฟังการชี้นำของผู้นำประเทศและเดินตามเส้นทางของพรรคคอมมิวนิสต์
- Publicationจารึกอักษรจีนบนระฆังของศาสนสถานจีนในไทย : บันทึกหน้าหนึ่ง ทางประวัติศาสตร์สุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์; 黃, 漢坤; Amornwanitsak, Surasit (2015)บทความนี้มุ่งศึกษาจารึกอักษรจีนที่ปรากฏบนระฆังในศาสนสถานของชาวจีนทั่วไทย ทั้งสิ้น 42 ใบ จาก 39 ศาสนสถาน โดยจำแนกประเภทของหัวข้อที่ศึกษาไว้ 6 ด้าน คือ ชื่อสถานที่ พระนามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชื่อผู้ถวาย วัน-เวลาที่จัดสร้าง แหล่งผลิตตัวระฆัง รวมทั้งคำ อวยพรที่ได้ระบุจารึกไว้บนระฆัง จากการศึกษาพบว่าจารึกบนระฆังเหล่านี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีถ้อยความบันทึกอันเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวจีนโพ้นทะเลในสยามเมื่อครั้งอดีต ทั้งเรื่อง ความเชื่อ ถิ่นกำเนิด อีกทั้งจารึกที่ปรากฎบนระฆังเหล่านื้ ยังสามารถใช้เป็นข้อมูลในการ ตรวจสอบข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นนั้นๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- Publicationตำนานของเจิ้งเหอในสังคมอยุธยาจากหนังสือตงซีหยังเข่าสุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์; 黄, 汉坤; Amornwanitsak, Surasit (2020)เรื่องเล่าเจิ้งเหอในสังคมไทยมีมาช้านาน น่าเชื่อว่าหลังจากที่เจิ้งเหอสิ้นบุญแล้ว ผู้คนชาวจีนในสังคมไทยได้ผูกโยงเจิ้งเหอเข้ากับสถานที่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่น วัดพนัญเชิง เจดีย์ ซุ้มประตูจีน ดังปรากฏอยู่ในเอกสารตงซีหยังเข่าของจังเซี่ย ทั้งหมดนี้เชื่อว่าเกิดจากความศรัทธาของผู้คนชาวจีนที่มีต่อเจิ้งเหอ บทความนี้มุ่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับตำนานของเจิ้งเหอที่ปรากฏในเอกสารตงซีหยังเข่า โดยพยายามชี้ให้เห็นว่าสถานที่บางแห่งน่าจะมีอยู่จริงตามที่ถูกจดบันทึกไว้ในเอกสารชิ้นดังกล่าว แต่เรื่องราวที่นำไปผูกโยงเข้ากับเจิ้งเหอคงมีทั้งเรื่องจริงและเท็จผสมปนเปกันไป เพราะตงซีหยังเข่าเขียนขึ้นหลังจากที่เจิ้งเหอสิ้นบุญราว 184 ปี จึงเป็นได้ว่าเรื่องเล่าของเจิ้งเหอเหล่านี้เป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับเจิ้งเหอในแบบฉบับที่มีความพิสดารแปลกใหม่ เป็นไปในลักษณะการยกย่องและระลึกถึงวีรกรรมของเจิ้งเหอ โดยกลุ่มชาวจีนในสังคมไทยเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวดังกล่าวให้เป็นที่ประจักษ์
- Publication“บุคคลผู้ควรค่าแก่การยกย่องที่สุดยุคใหม่”: การสร้างภาพแทนฮีโร่ในสังคมจีนยุควิกฤตโควิด-19สุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์; วุฒิพงษ์ ประพันธมิตร; Amornwanitsak, Surasit; Prapantamit, Wuttipong (2022)“ฮีโร่” มิใช่เพียงผู้พิทักษ์ที่มากด้วยพละกำลังมหาศาล หรือเป็นวีรชน ผู้สละชีวิตเพื่อกอบกู้บ้านเมืองในยามสงครามตามที่มีการผลิตซ้ำเท่านั้น หากแต่ “ฮีโร่” ยังสามารถเป็นบุคคลธรรมดาที่อุทิศตน เสียสละเพื่อส่วนรวมได้เช่นกัน บทความนี้มุ่งวิเคราะห์และนำเสนอการสร้างภาพแทนของ “ฮีโร่” หรือวีรชนในสังคมจีนท่ามกลางวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ผ่านการศึกษาข้อมูลจากบทสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง การศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคม รวมถึงการผลิตซ้ำของสื่อที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาด ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า การขยายขอบเขตนิยามของ “ฮีโร่” มีจุดเริ่มต้นจากสโลแกนของรัฐบาลจีนที่ว่า “บุคคลผู้ควรค่าแก่การยกย่องที่สุดยุคใหม่” ซึ่งสื่อความถึงกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ จิตอาสา ผู้อุทิศตนเพื่อดูแลผู้ป่วยและช่วยเหลือผู้อื่นในยามวิกฤตทุกข์ยาก ขณะเดียวกัน “ฮีโร่” ยังหมายรวมถึงประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตนตามแนวปฏิบัติของทางภาครัฐ พร้อมทั้งช่วยเหลือผู้อื่นในยามที่สังคมกำลังประสบวิกฤต ปัจจัยดังกล่าวได้กลายเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ทำให้ประเทศจีนสามารถฝ่าวิกฤตและควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ในเวลาอันสั้น
- Publicationพิธีกงเต๊กในราชสำนักไทย : คติว่าด้วยความกตัญญูสุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์; 黃, 漢坤; Amornwanitsak, Surasit (2016)พิธีกงเต๊กคือพิธีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้วายชนม์ โดยมีคณะสงฆ์ฝ่ายมหายาน กล่าวคือ พระจีนและพระญวนเป็นผู้ประกอบพิธีดังกล่าว เชื่อว่าเมื่อประกอบพิธีกงเต๊กให้กับผู้วายชนม์ ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ ภพภูมิที่ดี พิธีกงเต๊กเริ่มเข้าสู่ราชสำนักไทยตั้งแต่สมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 จากนั้นเป็นต้นมาพิธีกงเต๊กถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของราชสำนักไทยในการประกอบงานพิธีพระบรมศพหรือพระศพของเจ้านาย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล จากการศึกษาพบว่าพิธีกงเต๊กหลวงมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ทั้งเรื่องจำนวนและเวลาในการจัด นอกจากนั้นแล้วผู้ประกอบพิธีในแต่ละครั้งก็ไม่เท่ากัน หากแต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไว้ตั้งแต่อดีตก็คือ พิธีกงเต๊กหลวงเปิดโอกาสให้กลุ่มนักธุรกิจชาวจีนผู้จงรักภักดีได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพ
- Publicationภาพลักษณ์ของตัวละครหญิง เทพสตรีและปีศาจสาว ในวรรณกรรมไซอิ๋วภายใต้ปิตาธิปไตยสุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์; 黄, 汉坤; Amornwanitsak, Surasit (2021)ไซอิ๋วเป็นเรื่องราวว่าด้วยการเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกยังชมพูทวีปของพระถังซำจั๋งและเหล่าลูกศิษย์ เป็นวรรณกรรมที่ได้รับความนิยมในสังคมจีนมาช้านาน วรรณกรรมเปรียบเสมือนกระจกที่สะท้อนภาพสังคมของยุคสมัยนั้นๆ ไซอิ๋วจึงเป็นพื้นที่ที่ช่วยทำให้เห็นค่านิยม มุมมอง แนวคิด คติความเชื่อ ฯลฯ ทางสังคมภายใต้ปลายปากกาของผู้ประพันธ์ได้ด้วยเช่นกัน บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาภาพลักษณ์ของตัวละครสตรีเพศ 3 กลุ่ม ที่ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมไซอิ๋ว คือ “ผู้หญิงที่เป็นมนุษย์” “เทพสตรี” และ “ปีศาจสาว” โดยใช้แว่นปิตาธิปไตยมาวิเคราะห์ศึกษา จากภาพลักษณ์ของสตรีทั้ง 3 กลุ่ม ทำให้เข้าใจว่าผู้ประพันธ์ไม่ได้เชิดชูกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ อย่างไรก็ดี เทพสตรีเป็นกลุ่มที่ผู้ประพันธ์ใช้พื้นที่ในการบรรยายไม่มากเท่ากับปีศาจสาวและหญิงที่เป็นมนุษย์ ทั้งนี้ภาพลักษณ์ของสตรีส่วนใหญ่ยังคงวงเวียนอยู่กับการครองตนอยู่ในจารีตศีลธรรม เรื่องการยกย่อง ให้เกียรติและซื่อสัตย์ต่อสามี ขณะเดียวกันได้พยายามสื่อถึงความต้องการในเสรีภาพเรื่องความรัก การมีคู่ครองอีกแง่มุมหนึ่งได้อย่างน่าสนใจ
- Publicationมโนทัศน์ทางวัฒนธรรมจีนในแบบเรียนวิชาภาษาจีนชุดภาษาจีนวันละนิดอรณิศา อุรพีพัฒนพงศ์; สุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์; วุฒิพงษ์ ประพันธมิตร; Urapeepatanapong, Ornisa; Amornwanitsak, Surasit; Prapantamit, Wuttipong (2022)แบบเรียน นอกจากมีหน้าที่ในการเป็นสื่อทางการศึกษาแล้ว ยังคงดำรงบทบาทเป็นเครื่องมือทางอำนาจในการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้มโนทัศน์บางประการแก่ผู้เรียนอีกด้วย บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมมโนทัศน์ทางวัฒนธรรมจีนที่ปรากฏในแบบเรียนวิชาภาษาจีนชุด ภาษาจีนวันละนิด และวิเคราะห์อำนาจของเนื้อหาและตัวบทในการกล่อมเกลามโนทัศน์ทางวัฒนธรรมจีนแก่ผู้เรียนชาวไทย ผลการวิจัยพบว่า แบบเรียนภาษาจีนชุดภาษาจีนวันละนิด ปรากฏมโนทัศน์ทางระเบียบวัฒนธรรมจีนกล่อมเกลาแก่ผู้เรียนชาวไทยใน 3 ประเด็น คือ วัฒนธรรมเชิงสัมฤทธิ์ผล วัฒนธรรมเชิงข้อมูล และวัฒนธรรมเชิงพฤติกรรม ทั้งนี้ ผลการศึกษายังสะท้อนให้เห็นว่า แบบเรียนไม่ได้เน้นให้เพียงความรู้ด้านทักษะทางภาษาจีนเท่านั้น หากแต่ยังแฝงไว้ซึ่งอำนาจละมุนในฐานะเจ้าของชุดความรู้ เพื่อหยิบยื่นมโนทัศน์การรับรู้ทางวัฒนธรรมจีนแก่ผู้เรียนชาวไทยอีกด้วย
- Publicationรูปเคารพเจิ้งเหอในสังคมไทยสุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์; Amornwanitsak, Surasit (2020)บทความนี้มุ่งสำรวจลักษณะและวิเคราะห์รูปเคารพของเจิ้งเหอที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทย และทำความเข้าใจถึงความเชื่อความศรัทธาที่นำไปสู่การสร้างรูปเคารพของเจิ้งเหอ เบื้องต้นพบว่า รูปเคารพเจิ้งเหอในสังคมไทย มีอยู่ด้วยกัน 3 ลักษณะ ได้แก่ 1) พระพุทธรูปตามคติพุทธศาสนานิกายเถรวาท นามว่า หลวงพ่อโต “ซำปอกง” 2) พระภิกษุในพุทธศาสนาแบบจีนนิกาย และ 3) เทพเจ้าตามคติจีน จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ระบุว่า แม่ทัพกองเรือมหาสมบัติแห่งราชวงศ์หมิงผู้นี้เคยเดินทางมาเยือนดินแดนประเทศไทยถึง 3 ครั้ง และอาจเคยร่วมบุญบูรณะวัดพนัญเชิงหรือพระพุทธรูปองค์ใหญ่ของวัดแห่งนี้ ซึ่งต่อมาผู้คนพากันขนานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “ซำปอกง”
- Publicationว่าด้วย “การคืนชีพ” ของตัวละครในวรรณกรรมไซอิ๋วฉบับอู๋เฉิงเอินสุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์; 黄, 汉坤; Amornwanitsak, Surasit (2022)บทความวิจัยนี้มุ่งวิเคราะห์เหตุและปัจจัยที่ส่งผลถึงตัวละครในวรรณกรรมไซอิ๋วที่เสียชีวิตแล้วได้ “ฟื้นคืนชีพ” กลับมาใหม่อีกครั้ง บนพื้นฐานความคิดที่ว่า การคืนชีพในวรรณกรรมไซอิ๋วมีความสัมพันธ์กับ “รวมตรีศาสน์เป็นหนึ่ง” ผลการศึกษาทำให้ทราบว่า ตัวละครในวรรณกรรมไซอิ๋วที่เคยผ่านการฟื้นคืนชีพกลับมาดำเนินชีวิตในโลกมนุษย์อีกครั้งนั้น ปรากฏในมิติต่างๆ ของตัวละคร ทั้งเรื่องราวของซึงหงอคง จากการนำพู่กันจุ่มหมึกป้ายลงไปยังชื่อ-แซ่ของตนเพื่อเปลี่ยนแปลงบัญชีอายุขัย การเกิดปาฏิหาริย์ของเฉินกวงหรุ่ยที่สามารถรอดพ้นชีวิตจากความตายจากการตอบแทนบุญคุณของพญามังกรแห่งลำน้ำหงเจียง การคืนชีพของจักรพรรดิถังไท่จงหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการไต่สวนโดยพญายมราช การฟื้นคืนชีพของสองสามีภรรยา หลิวเฉวียนและหลี่ชุ่ยเหลียนที่ดวงชะตาได้เป็นเซียนในเวลาต่อมา รวมถึงเรื่องราวการฟื้นคืนชีพของกษัตริย์แห่งแคว้นอูจีกั๋วด้วยยาฟื้นคืนชีพจากไท่ซั่งเหล่าจวินร่วมกับการส่งลมหายใจของซึงหงอคง การปรุงแต่งให้ตัวละครกลับมาฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่เกิดจากความต้องการของผู้ประพันธ์ที่ใช้เรื่องการฟื้นคืนชีพมาปลูกฝังและสั่งสอนให้ผู้คนประกอบกรรมดี ละเว้นความชั่ว โดยผู้ที่ได้รับการฟื้นคืนชีพนั้นจะต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม รักชาติ ซื่อสัตย์ต่อกษัตริย์ เชื่อเรื่องเวรกรรม มีวาสนาที่สำเร็จเป็นเซียน ซึ่งล้วนเป็นไปตามแนวคิด คุณธรรม จริยธรรมทางสังคมในแบบคติของชาวบ้านจีน
- Publicationหานอี้ว์ : "เจ้าเมือง" "เจ้าพ่อ" "เจ้าที่"สุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์; 黃, 漢坤; Amornwanitsak, Surasit (2016)บทความนี้มุ่งศึกษาสถานะ “เจ้าเมือง” “เจ้าพ่อ” และ “เจ้าที่” ของหานอี้ว์ ซึ่งเป็น บุคคลสําคัญในประวัติศาสตร์จีนสมัยราชวงศ์ถัง การศึกษาพบว่าเนื่องด้วยคุณูปการต่าง ๆ นานาที่หานอี้ว์ได้ทําให้กับสังคมและประเทศชาติ โดยเฉพาะได้เดินทางมาปกครองพื้นที่เมือง แต้จิ๋วเป็นเหตุให้ได้รับการบูชาในฐานะเทพเจ้าในยุคต่อมา และในสมัยราชวงศ์ชิงหน่วยงาน ของราชสํานักหมิงและชิงจํานวนมากยังได้บูชาท่านในฐานะเทพ “เจ้าที่” อีกด้วย