วัฒนธรรมภารตะ
Permanent URI for this collection
บทความวิจัย บทความวิชาการ รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ และหนังสือเกี่ยวกับวัฒนธรรมอินเดียโบราณ พระเวท ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาพุทธ
Browse
Browsing วัฒนธรรมภารตะ by Degree Department "คณะโบราณคดี"
Now showing 1 - 3 of 3
Results Per Page
Sort Options
- Publicationการศึกษาชื่อสถานที่ในอาณาจักรเขมรทรงธรรม ปานสกุณ; Pansakul, Songtham (2011)การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ชื่อเฉพาะของสถานที่ ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมรในศิลาจารึกอาณาจักรเขมรโบราณ และชื่อเฉพาะของสถานที่ปัจจุบันในจังหวัดเสียมเรียบโดยอิงตามกลุ่มความหมาย รวมทั้งดูแนวคิดและความนิยมการตั้งชื่อเฉพาะของสถานที่ในสังคมเขมรในยุคสมัยที่แตกต่างกัน ผลการวิจัยพบว่า 1. ชื่อเฉพาะของสถานที่ศึกษาสันสกฤตในสมัยก่อนพระนคร มีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพเจ้า มากที่สุด รองลงมาคือ ความเป็นมงคล บุคคล ทิศทางตามลำดับ ส่วนในสมัยพระนคร พบว่ามีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพเจ้า มากที่สุด รองลงมาคือ ความเป็นมงคล บุคคล พืชพรรณ สัตว์ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ สิ่งของเครื่องใช้ สิ่งที่น่ากลัว ทิศทาง น้ำหรือแหล่งน้ำ ตัวเลขสิ่งก่อสร้างหรือที่อยู่อาศัย ตามลำดับ 2. ชื่อเฉพาะของสถานที่ภาษาเขมรโบราณในสมัยก่อนพระนคร มีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับพืชพรรณ มากที่สุด รองลงมาคือ แหล่งน้ำ บุคคล ลักษณะภูมิศาสตร์ สิ่งของเครื่องใช้ สิ่งก่อสร้างทิศทางสัตว์ อวัยวะ ตามลำดับ ในสมัยพระนคร พบว่ามีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับพืชพรรณมากที่สุด ด้วยเช่นกัน รองลงมาคือ แหล่งน้ำ ลักษณะภูมิศาสตร์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สัตว์ สิ่งของเครื่องใช้ สิ่งก่อสร้างหรือที่อยู่อาศัย คำคุณศัพท์ ทิศทาง บุคคล ชนชาติหรือชาติพันธุ์ ตามลำดับ 3. ชื่อเฉพาะของสถานที่ในปัจจุบัน มีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับ พืชพรรณ มากที่สุด รองลงมา คือ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ แหล่งน้ำ บุคคล สิ่งก่อสร้าง สัตว์ สิ่งของ คำคุณศัพท์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความมีมงคล และพิธีกรรม 4. จากการศึกษายังสะท้อนให้เห็นว่า ชื่อสถานที่ที่เป็นภาษาสันสกฤตในอาณาจักรเขมรโบราณทั้งสมัยก่อนพระนครและสมัยพระนคร ส่วนมากมีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อและศาสนา ในขณะที่ชื่อสถานที่ภาษาเขมรทั้งสมัยโบราณและสมัยปัจจุบันมีแนวคิดและความนิยมการตั้งชื่อสถานที่ตามลักษณะแวดล้อมทางกายภาพของพื้นที่เป็นสำคัญเหมือนกัน นอกจากนี้ในส่วนของลักษณะโครงสร้างชื่อสถานที่ พบว่า ชื่อสถานที่ในภาษาสันสกฤตจะมีโครงสร้างเป็นแบบ ชื่อเฉพาะและตามด้วยชื่อทั่วไป แต่ชื่อสถานที่ภาษาเขมรโบราณและภาษาเขมรปัจจุบันจะมีลักษณะโครงสร้างเป็นแบบชื่อทั่วไปตามด้วยชื่อเฉพาะ
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์สุริยยาตรฉบับภาคกลาง ฉบับล้านนา และฉบับไทลื้อยุทธพร นาคสุข; Naksuk, Yuttaporn (2009)วิทยานิพนธ์นี้ มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาวิเคราะห์คัมภีร์สุริยยาตรฉบับภาคกลาง ฉบับล้านนา และฉบับไทลื้อ ในด้านประวัติความเป็นมา คำศัพท์ และสูตรคำนวณในคัมภีร์ วิทยานิพนธ์นี้แบ่งออกเป็น 5 บท บทที่ 1 เป็นบทนำ บทที่ 2 ว่าด้วยลักษณะของคัมภีร์สุริยยาตรในด้านขอบเขตของเนื้อหา ต้นกำเนิด ที่มาและประวัติการใช้ ความสำคัญของคัมภีร์ต้นฉบับที่นำมาศึกษาและตัวอักษรที่ใช้บันทึก บทที่ 3 ว่าด้วยความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคำศัพท์ที่ปรากฏในคัมภีร์ บทที่ 4 เป็นการวิเคราะห์สูตรคำนวณที่ปรากฏในคัมภีร์ทั้ง 3 ฉบับ และบทที่ 5 เป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะ ผลของการวิจัยอาจสันนิษฐานได้ว่า คัมภีร์สุริยยาตรน่าจะพัฒนามาจากคัมภีร์ดาราศาสตร์โบราณของอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคัมภีร์สุริยสิทธานตะ เพราะเกณฑ์ตัวเลขส่วนใหญ่ตรงกันและศัพท์เฉพาะที่ปรากฏในคัมภีร์ส่วนหนึ่งก็ตรงกันด้วย สูตรคำนวณที่ปรากฏในคัมภีร์ทั้ง 3 ฉบับ โดยนับรวมสูตรคำนวณที่ซ้ำกันด้วยมีทั้งหมด 97 สูตร พบในคัมภีร์ฉบับภาคกลาง จำนวน 28 สูตร ฉบับล้านนาจำนวน 42 สูตร และฉบับไทลื้อจำนวน 27 สูตร สูตรคัมภีร์ที่ใช้สำหรับคำนวณตำแหน่งและระยะการโคจรของพระอาทิตย์กับพระจันทร์เพื่อใช้ทำปฏิทินประจำปี และนำไปประยุกต์ใช้ในทางโหราศาสตร์ ผลการวิเคราะห์พบว่าสูตรคำนวณส่วนใหญ่ตรงกัน จึงยืนยันว่าคัมภีร์ทั้ง 3 มีต้นเค้ามาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน และมีสูตรจำนวนหนึ่งที่เป็นสูตรจำเพาะของแต่ละภูมิภาค อันเนื่องมาจากนักปราชญ์ในท้องถิ่นได้คิดค้นสูตรขึ้นเพื่อให้สะดวกแก่การคำนวณและเพื่อให้สอดคล้องกับระบบปฏิทินของภูมิภาคของตน การศึกษาคัมภีร์สุริยยาตรทำให้เห็นคุณค่าของคัมภีร์นี้ในฐานะที่มีความสำคัญต่อการทำปฏิทินและต่อวงการโหราศาสตร์ สมควรที่จะอนุรักษ์และเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป
- Publicationการศึกษาราชทินนามของพระราชาคณะในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์พระมหาปกรณ์ จัดไธสง; Jadthaisong, Phramaha Pakorn (2008)วิทยานิพนธ์ฉบับนี้เป็นการศึกษาราชทินนามของพระราชาคณะในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชการปัจจุบัน ปีพุทธศักราช 2551 โดยได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของราชทินนามและศึกษา โครงสร้างคำ การสร้างคำ การเรียงคำรวมทั้งศึกษาการเปลี่ยนแปลงของราชทินนาม ในด้านแนวคิดคือวิธีการตั้งราชทินนามอันเป็นเหตุให้เกิดมีราชทินนามในหลายแขนง หลายชื่อ หลายความหมาย โดยศึกษาจากราชทินนามของพระราชาคณะชั้นสามัญจนถึงสมเด็จพระราชาคณะ ทั้งหมาด 1,730 ชื่อ จากการศึกษาพบว่า ราชทินนามส่วนใหญ่มีการนำภาษาบาลีสันสกฤตมาประกอบเป็นราชทินนาม คำที่ใช้นั้นดัดแปลงให้เข้ากับภาษาไทย และเข้ากับความหมายที่ต้องการ ได้มีการนำวิธีการสมาสและสนธิมาเป็นตัวเชื่อมสร้างราชทินนามและพบว่ามีการนำเอาอุปสรรคและนิบาตซึ่งใช้ในภาษาบาลีสันสกฤตมาประกอบเข้ากับศัพท์ การเรียงคำ มีการเรียงคุณศัพท์ไว้หน้านาม เรียงนามไว้หน้าคุณศัพท์บ้าง เรียงนามกับนามด้วยกันบ้าง มีการเรียงนามไว้หน้ากริยาและมีการเรียงกริยาไว้หน้านามบ้าง มีการเรียงคุณศัพท์ไว้หน้ากริยาและมีการเรียงกริยาไว้หน้าคุณศัพท์บ้าง ส่วนวิธีการตั้งราชทินนามของพระราชาคณะนั้นพบว่า มีการนำนามของพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์มาเป็นส่วนหนึ่งของราชทินนาม มีการนำชื่อ ฉายาและราชทินนามเดิม วัดและเขตที่อยู่มาปรับแต่งเป็นชื่อราชทินนม อนึ่งได้มีการตั้งถวายพระสงฆ์ซึ่งทำหน้าที่ต่างกันในหลายแขนงได้แก่ พระสงฆ์ผู้มีหน้าที่หรือบทบาทในสายการปกครอง สายพระธรรมกถึก สายการศึกษา สายวิปัสสนา สายต่างประเทศและสายการพัฒนา ยังปรากฏมีราชทินนามพิเศษที่ได้พระราชทานแก่ พระสงฆ์ผู้เป็นพระราชวงศ์ พระสงฆ์ที่เป็นเชื้อสายมอญรามัญและเป็นกรณีพิเศษเฉพาะบางรูปและในโอกาสพิเศษอีกด้วย