ภาษาอังกฤษ : English
Permanent URI for this community
บทความวิจัย บทความวิชาการ และบทวิจารณ์หนังสือด้านการเรียนการสอน การแปล ภาษาศาสตร์ วรรณกรรม และสังคม เศรษฐกิจ การเมือง
Browse
Browsing ภาษาอังกฤษ : English by Language "th"
Now showing 1 - 20 of 100
Results Per Page
Sort Options
- PublicationA Study of Analytical Comparison between the Concept of Pity and Fear and Hiri Ottappaณัฏฐนาถ ศรีเลิศ; เศรษฐพงษ์ ศรีเลิศ; Srilert, Nattanart; Srilert, Sretthapong (2019)ความสงสารและความกลัว หรือ Pity and Fear เป็นแนวคิดในทางจิตวิทยาทางการละครของ อริสโตเติล นักปรัชญากรีกโบราณ มีความคล้ายคลึงและความแตกต่างบางประการเมื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับแนวคิดในทางพระพุทธศาสนาในหัวข้อธรรมเป็นโลกบาลคือคุ้มครองโลก ๒ อย่าง คือ หิริ ความละอายต่อบาปหรือละอายต่อการกระทำบาป และ โอตัปปะ ความเกรงกลัวต่อผลของบาป กล่าวคือ ในแนวคิดทางจิตวิทยาทางการละครที่ อริสโตเติล ได้นำเสนอและระวังตัวไม่ให้มีความผิดพลาดในการใช้ชีวิต ซึ่งในลักษณะที่คล้ายคลึงกันนี้ หลักธรรมอันเป็นโลกบาลคือคุ้มครองโลกคือหิริและโอตตัปปะนั้น หิริ คือความละอายที่พระพุทธศาสนาสอนให้บุคคลรู้จักความละอายแก่ใจในอันที่ตนจะกระทำความชั่วความหยาบ หรือความผิดบาปทั้งปวง และโอตตัปปะ คือความเกรงกลัวที่ตนจะได้รับผลร้ายที่เกิดจากการกระท าบาปของตนนั้นและเกิดความตั้งใจที่จะไม่กระทำบาปทั้งปวง
- PublicationBangkok Haunts: นวนิยายการเดินทางแนวอาชญากรรมและสืบสวนของ John Burdetteนพมาตร พวงสุวรรณ (Faculty of Arts, Chulalongkorn University, 2013)นวนิยายเรื่อง Bankgok Haunts ของ John Burdette ผู้ประพันธ์แนวอาชญากรรมและสืบสวน (Crime and Detective Novel) ชาวอังกฤษ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2550 ในประเทศอังกฤษ โดย Bantam Press และในปีถัดมาได้ รับการตีพิมพ์อีกครั้งโดย Corgi Books นวนิยายเรื่องนี้ได้รับความนิยมจากผู้อ่านจํานวนไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเดินทางโดยเฉพาะฝรั่งที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยท่ามกลางบริบทการท่องเที่ยวไทย เห็นได้จากยอดขายจากร้านหนังสืออย่าง Asia Books ซึ่งจัดจําหน่ายผลงานนักเขียนตะวันตกร่วมสมัยที่เขียนถึงเมืองไทยได้คัดเลือกให้นวนิยายเรื่องนี้อยู่ในกลุ่มหนังสือขายดีของร้าน (Best Seller) เหตุผลสําคัญที่ทําให้นวนิยายเรื่องนี้ได้รับความนิยมเป็นผลสืบเนื่องมาจากนวนิยายสองเรื่องได้แก่ เรื่อง Bangkok 8 ที่เคยประสบความสําเร็จจนทําให้ John Burdette กลายมาเป็นผู้ประพันธ์ที่ผู้อ่านยอมรับในลีลาและท่วงทีการประพันธ์ โดยเฉพาะการนําเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับเมืองไทยในแนวอาชญากรรมและสืบสวน และเรื่อง Bangkok Tattoo นวนิยายแนวเดียวกันที่เตือนย้ําความเชื่อมั่นของผู้อ่าน อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนั่นคือความพยายามของผู้ประพันธ์ท่านนี้ที่ยังคงต่อเติมเสริมแต่งเรื่องราวให้ตื่นเต้นชวนอ่านมากยิ่งขึ้นผ่านการนําเสนอเหตุการณ์ที่ลึกลับซับซ้อน ตลอดจน การสร้างตัวละครให้มีจุดเด่นในตัวเองทั้งตัวละครคนไทยและฝรั่งที่เดินทางเข้ามาทํางานร่วมกับคนไทย เช่น ตัวละครตํารวจนักสืบอย่าง Sonchai Jitplecheep ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ตัวละคร Jones Kimberley นักสืบหญิงจากหน่วยงาน FBI และพันเอก Vikorn ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจในยามค่ําคืนของเมืองไทย ยิ่งไปกว่านั้นตัวละครเหล่านี้ยังคงโลดแล่นด้วยพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เห็นได้อย่างชัดเจนอีกครั้งในนวนิยาย เรื่อง Bangkok Haunts ซึ่งเป็นเล่มที่สามของนวนิยายชุดนี้ของ John Burdette อย่างไรก็ตามผู้ประพันธ์ไม่ได้ผูกเรื่องให้มีความต่อเนื่องกัน ดังนั้นผู้ที่ไม่เคยอ่านนวนิยายทั้งสองเรื่องมาก่อนก็สามารถอ่านนวนิยายเรื่อง Bangkok Haunts ได้โดยไม่ต้องเชื่อมโยงกัน หากแต่อาจมีนักอ่านบางท่านที่ต้องการติดตามเรื่องราวหรือที่มาของตัวละครแต่ละตัวอย่างลุ่มลึกก็เห็นควรที่จะต้องย้อนกลับไปหามาอ่านเพื่อความสุขในการอ่านหรือการเพิ่มเติมอรรถรสในด้านต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น
- PublicationBANGKOK VANISHING: ผู้ชายฝรั่งและเมืองไทยในนวนิยายการเดินทางตะวันตกร่วมสมัยดร.นพมาตร พวงสุวรรณ; ประภาส พาวินันท์; Pawinun, Prapat (Faculty of Humanities, Ramkhamhaeng University, 2017)นวนิยายเรื่อง Bangkok Vanishing ของ Eric Rogers นักเขียนชาวอเมริกันหน้าใหม่ที่ได้เริ่มต้นการเขียนนวนิยายการเดินทางที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเมืองไทย/กรุงเทพมหานคร (Set in Thailand/Bangkok) ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2553 โดย The Exotic Press Printing เพื่อจำหน่ายปลายปีเดียวกันในประเทศอเมริกา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และในเดือนมีนาคม ปีถัดมาได้วางจาหน่ายในเมืองไทย นอกจากนี้จากการสำรวจล่าสุดนวนิยายเรื่องนี้ยังคงอยู่ในความสนใจของผู้อ่านชาวตะวันตก เห็นได้จากการจัดอันดับหนังสือน่าอ่าน 100เล่ม ของสถาบัน BanFF Library ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งนวนิยายเรื่องนี้อยู่ในลำดับที่ 35
- PublicationEnglish to Thai Translation Strategies on Unreal Nouns and Noun Phrases in “Harry Potter” Book Seriesคณาพร แก้วแกมจันทร์; ชไมพร พุทธรัตน์; วรรณวิภางค์ พลกำจัด; วิยะดา พรหมจิตต์; วิเชียร พันธ์อ้น; จิราพร สุขกรง; Kaewkamjan, Kanaporn; Buddharat, Chamaiporn; Polkamjad, Wanwipang; Promchitta, Viyada; Phanon, Wichien; Sukkrong, Jiraporn (2020)งานวิจัยเรื่อง “กลวิธีการแปลคำนามและนามวลีเหนือจริงในโลกเวทมนตร์ของวรรณกรรมชุด Harry Potter” มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหากลวิธีการแปลคำนามและนามวลีเหนือจริงในโลกเวทมนตร์ของวรรณกรรมชุด Harry Potter จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบบันทึกคำนามและนามวลีเหนือจริงของต้นฉบับและฉบับแปล และแบบบันทึกกลวิธีการแปล ข้อมูลที่ใช้ศึกษาคือคำนามและนามวลีเหนือจริงที่ปรากฏในวรรณกรรมฉบับภาษาอังกฤษ ชุด Harry Potter เล่มที่ 1-3 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การเปรียบเทียบความหมายคำนามและนามวลีเหนือจริงในภาษาต้นฉบับกับคำในภาษาฉบับแปล จากนั้นนำคำที่ได้จากการวิเคราะห์มาจำแนกตามกรอบกลวิธีการแปล 18 กลวิธี ที่ใช้เป็นเกณฑ์ตามแบบบันทึกกลวิธีการแปลที่สร้างขึ้น ผลการศึกษาพบว่า จากกรอบกลวิธีการแปล 18 กลวิธี ผู้แปลใช้กลวิธีการแปลคำนามและนามวลีเหนือจริงจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย จำนวน 10 กลวิธี โดยใช้กลวิธีใน 2 ลักษณะ คือ การใช้กลวิธีการแปลแบบเดี่ยวและการใช้กลวิธีแบบผสม โดยกลวิธีการแปลที่ใช้มากที่สุด 5 อันดับแรกเรียงลำดับตามค่าความถี่จากมากไปน้อย มีดังนี้ 1) การแปลโดยการสร้างศัพท์ใหม่ด้วยการแปลคำยืมแบบตรงตัว 2) การแปลโดยการใช้คำทับศัพท์ปนคำไทย 3) การแปลโดยการใช้คำทับศัพท์หรือคำยืม 4) การแปลโดยการใช้คำในภาษาแปลสร้างศัพท์ใหม่ และ 5) การแปลโดยการใช้ทั้งการสร้างศัพท์ใหม่ด้วยการแปลคำยืมแบบตรงตัวและการใช้คำอื่นทีมีความหมายใกล้เคียงกัน
- PublicationForensic Science in the Detective NovelsKa-hon-ma-ho-ra-tuekand the Da Vinci Codeสายวรุณ สุนทโรทก; Soontherotoke, Saiwaroon (2021)งานวิจัยเรื่องนิติวิทยาศาสตร์ในนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนเรื่องกาหลมหรทึกและรหัสลับดาวินชีมุ่งวิเคราะห์ตัวบทนวนิยายเรื่องกาหลมหรทึกของปราปต์ และรหัสลับดาวินชี (Davinci Code) ของแดน บราวน์ (Dan Brown) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ลักษณะเด่นของนวนิยายสืบสวนสอบสวน และเพื่อวิเคราะห์การนำความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในเรื่องกาหลมหรทึกและรหัสลับดาวินชี ผลการวิจัยพบว่า นวนิยายทั้งสองเรื่องมีลักษณะเด่นสอดคล้องกับนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนแบบคลาสสิก กล่าวคือมีโครงเรื่องเริ่มที่เกิดเหตุฆาตกรรม นักสืบค้นหาปมปริศนาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมนั้น สืบหาความจริงจากเบาะแสเพื่อคลี่คลายปมปริศนา และเปิดเผยฆาตกรตัวจริงในตอนท้ายเรื่อง แต่นวนิยายทั้งสองเรื่องมีรายละเอียดของเหตุการณ์แตกต่างกัน ในกาหลมหรทึกกล่าวถึงคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง 5 คดีที่เชื่อมโยงกันด้วยรอยสักบนร่าง ของเหยื่อ ส่วนรหัสลับดาวินชีเกิดฆาตกรรมขึ้นจากความปรารถนาจะได้รหัสลิขิตซึ่งเป็นความลับของตระกูลและเป็นความลับในคริสต์ศาสนานิกายหนึ่งการมุ่งที่จะเปิดเผยความลับได้นำไปสู่การฆาตกรรมผู้เกี่ยวข้องอีก 3 คดี นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้เขียนนำความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการประพันธ์คือ 1.การตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ 2.การหาสาเหตุการเสียชีวิตจากศพ 3. การไต่สวนการตาย และ 4.การหาแรงจูงใจให้ก่อคดีฆาตกรรมรายละเอียดที่แตกต่างกันนี้ ทำให้เห็นว่าผู้เขียนเรื่องกาหลมหรทึกได้ขยายความเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างรวบรัด เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเป็นภูมิหลังเบื้องต้นเท่านั้นส่วนผู้เขียนเรื่องรหัสลับดาวินชีอธิบายสถานที่ต่างๆ ไว้อย่างละเอียด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีศรัทธาต่อพระคริสต์ศาสนาในนิกายที่แตกต่างจนทำให้ผู้อ่านกลุ่มหนึ่งสนใจจะศึกษาค้นคว้าต่อด้วยเชื่อว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องจริงการนำความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการสืบหาสาเหตุของการตาย มีดังนี้ การชันสูตรพลิกศพ มีการนำความรู้มาใช้ในการไต่สวนพยาน และใช้ในการสืบหาแรงจูงใจของคนร้าย จากการวิจัยครั้งนี้ น่าจะมีการศึกษาการนำนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการประพันธ์นวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนหรือแนวอื่นๆ เพื่อให้เห็นพัฒนาการของการนำความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการประพันธ์บันเทิงคดีต่อไป
- PublicationMan into Woman : The First Sex Change, A Portrait of Lili Elbeรัชตพงศ์ มะลิทอง; อนันต์ชัย เลาหะพันธุ (Faculty of Arts, Silpakorn University, Sanam Chandra Palace Campus, 2015)ในช่วงครึ่งทศวรรษที่ผ่านมาได้เกิดกระแสเรียกร้องให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศและความหลากหลายทางเพศเพิ่มมากขึ้นในหลายๆ ประเทศโดยเฉพาะในทวีปอเมริกาและยุโรป ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวได้นำไปสู่การออกกฎหมายที่ยอมรับการสมรสของคนเพศเดียวกัน (same-sex marriage) ในสหรัฐอเมริกาในเดือนมิถุนายน ค.ศ. ๒๐๑๕ และการประกาศใช้กฏหมายลักษณะเดียวกันในไอร์แลนด์หลังจากการทำประชามติในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน แม้แต่ในประเทศไทยก็ปรากฏถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้เรียกร้องให้เกิดความหลากหลายทางเพศอย่างต่อเนื่องรวมถึงความพยายามที่จะยกเลิกการใช้ “โรคจิตเภท” (Schizophrenia” ต่อสตรีข้ามเพศ (transgender) เช่นเดียวกัน ในวงการภาพยนตร์นานาชาติซึ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้ผลิตภาพยนต์ที่กล่าวถึงความหลากหลายทางเพศเช่น The Imitation Game (ค.ศ. ๒๐๑๔) กำกับโดยมอร์เทน ทิลดัม (Morten Tyldum) ที่กล่าวถึงความสำเร็จของอลัน ทูริง (Alan Turing) นีกคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษในการถอดรหัสอนิกมา (Enigma) ของฝ่ายนาซีเยอรมนี ซึ่งความสำเร็จของอลันเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้อังกฤษสามารถลดความสูญเสียจากการโจมตีของกองเรือดำน้ำ U-Boat ของฝ่ายเยอรมนีได้ อย่างไรก็ดีใน ค.ศ. ๑๙๕๒ ทูริงถูกจับกุมในข้อหาเป็นผู้รักเพศเดียวกันซึ่งในช่วงเวลานั้นอังกฤษยังคงใช้กฏหมายต่อต้านการรักร่วมเพศอยู่ (homosexual act) โดยทูริงเสียชีวิตระหว่างคุมขังใน ค.ศ. ๑๙๕๔ ก่อนที่เขาจะได้รับพระราชทานอภัยโทษในอีก ๕๙ ปีต่อมา ภาพยนตร์อีกเรื่องคือ The Danish Girl (ค.ศ. ๒๐๑๕) กำกับโดยทอม ฮูปเปอร์ (Tom Hooper) ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากนวนิยายของเดวิท อีเบอชอฟ (David Wegener) หรือลิลลี่ เอลเบอ (Lili Elbe) จิตรกรชาวแดนิชที่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศสำเร็จเป็นคนแรกของโลก The Danish Girl ทั้งรูปแบบนวนิยายและภาพยนตร์ เน้นประเด็นความกล้าหาญของลิลลี่ในการยอมรับต่อเพศสภาพของตนเอง รวมถึงการเสี่ยงชีวิตเพื่อเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศซึ่ง ณ เวลานั้นยังเป็นเรื่องเกินคาดฝันของสังคมยุโรป บทวิจารณ์ชิ้นนี้จะกล่าวถึง Man into Woman หนังสือที่เป็นต้นเรื่องของนวนิยาย The Danish Girl หนังสือเล่มนี้ใช้เนื้อหาที่ดัดแปลงจากไดอารี่ที่ลิลลี่ เอลเบอบันทึกระหว่างที่เธอเข้ารับการผ่าตัดใน ค.ศ. ๑๙๓๐ เธอมอบบันทึกดังกล่าวให้เอร์เนส ฮาร์เธิน (Ernest Harthern) หรือนามแฝงคือนีลส์ โฮเยอร์ (Nels Hoyer) นักเขียนชาวเยอรมันเพื่อนสนิทของเธอซึ่งนำมาดัดแปลงเป็นหนังสือ Man into Woman โดยตีพิมพ์ใน ค.ศ. ๑๙๓๓ สามปีหลังจากที่ลิลลี่ได้เสียชีวิตไปแล้ว
- PublicationMiddlemarchChaichankul, Wanwadee; วรรณวดี ชัยชาญกุล; อัควิทย์ เรืองรอง (Faculties of Humanities and Social Sciences, Bansomdejchaopraya Rajabhat University, 2018)Middlemarch นิยายคลาสสิกของอังกฤษในศตวรรษที่ 19 และเป็นนวนิยายที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดในจำนวน 15 เรื่อง ของ จอร์จ เอเลียต (George Elliot) อันนามปากกาของ Mary Ann Evans นักเขียนหญิงอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุด แห่งยุควิคตอเรียน น่าประทับใจที่ Middlemarch เป็นนวนิยายเล่มโปรดของ นางอองซาน ซุจี ผู้นำหญิงแกร่งแห่งสหภาพเมียนมาร์เช่นกัน
- PublicationSentence Structure: An Obstacle to Understanding English Poetryกฤศ เอี่ยมหฤท; จิรันธรา ศรีอุทัย; Iamharit, Kris; Srioutai, Jiranthara (2018)บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาโครงสร้างประโยคประเภทต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคในการเข้าใจกวีนิพนธ์ภาษาอังกฤษของผู้เรียนชาวไทยโดยเฉพาะผู้เริ่มต้นศึกษาและน าเสนอแนวทางการสอนเพื่อลดอุปสรรคดังกล่าว ประเด็นทางไวยากรณ์ที่คาดว่าจะเป็นอุปสรรคในการเข้าใจบทกวีได้แก่ ประเภททางไวยากรณ์ของค า การใช้ค าสรรพนามอ้างอิง การผกผันต าแหน่งทางไวยากรณ์การเชื่อมนามวลี กริยาวลีและวลีที่ท าหน้าที่เหมือนกริยาวิเศษณ์ ส่วนขยายในระดับวลีและอนุประโยคที่มาแทรกระหว่างโครงสร้างต่าง ๆ ผู้วิจัยตั้งค าถามเกี่ยวกับประเด็นทางไวยากรณ์เหล่านี้จากบทกวีคัดสรร 3 บท คือ“Out, Out –” ของ Robert Frost “The Cross of Snow” ของ Henry Wadsworth Longfellow และ “Ballad of Birmingham”ของ Dudley Randall ให้ผู้เข้าร่วมวิจัยซึ่งเป็นนิสิตเอกภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 2 ท า ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ระดับความยากง่ายของโครงสร้างประโยคกวีนิพนธ์ไม่ได้อยู่ที่ประเด็นทางไวยากรณ์ เนื่องจากประเด็นทางไวยากรณ์เดียวกันอาจมีความยากง่ายต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ กล่าวคือ ความยาวของโครงสร้าง ระยะห่างระหว่างส่วนขยายและส่วนที่ถูกขยาย ระยะระหว่างสรรพนามและสิ่งที่สรรพนามนั้นอ้างอิง และการมีโครงสร้างอื่นมาขยายและแทรกระหว่างกลางส่วนที่ถูกขยาย รวมไปถึงความยาว องค์ประกอบ และความซับซ้อนของส่วนขยายที่มาแทรก ผู้วิจัยจึงได้เสนอกิจกรรมก่อน-ระหว่าง-หลังการอ่านเพื่อช่วยให้เกิดสัมฤทธิผลในการศึกษากวีนิพนธ์ของผู้เรียน
- PublicationSuperhero Comics and Heroism in American CultureMalaiwong, Pawin; ภาวิน มาลัยวงศ์ (2013)บทความชิ้นนี้ศึกษาอุดมการณ์อเมริกันร่วมสมัยที่ถ่ายทอดผ่านตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ ในครึ่งแรกของบทความผู้เขียนต้องการชี้ให้เห็นความเหมือนและความต่างของปกรณัมกรีกโบราณและการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ และศึกษาความแตกต่างของซูเปอร์ฮีโร่อเมริกันที่ต้องใส่หน้ากากและเครื่องแต่งกายเป็นการบ่งบอกว่าพวกเขามีบุคลิกภาพสองอย่างที่ทับซ้อนกัน ลักษณะดังกล่าวสอดคล้องกับอุดมการณ์ของคนอเมริกันที่คิดว่าพวกเขาจําเป็นต้องทําประโยชน์ให้แก่สังคมและตนเอง ในคราวเดียวกันในครึ่งหลังของบทความผู้เขียนอภิปรายวิวัฒนาการของตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ โดยเริ่มจากซูเปอร์แมนแบทแมนสไปเดอร์แมนและไอรอนแมนเพื่อแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของความเป็นวีรบุรุษในวัฒนธรรมอเมริกันตั้งแต่ตอนกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถึงช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 21 โดยเน้นที่ประเด็นว่าทําไมไอรอนแมนถึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชมชาวอเมริกันในปัจจุบันไอรอนแมนเป็นตัวบ่งชี้อุดมการณ์ร่วมสมัยของอเมริกันที่หันไปนิยมระบบทุนนิยมมากยิ่งขึ้น
- PublicationThe Life and Adventures of Robinson Crusoeยงยุทธ ขำคง; Khamkhong, Yongyut; พระมหาวิศิต ธีรวํโส (Mahachulalongkornrajavidyalaya University, Surin Campus, 2021)ชีวิตและการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ (The Life and Adventures of Robinson Crusoe) ประพันธ์โดยนักเขียนชาวอังกฤษชื่อแดเนียล เดโฟ (Daniel Defoe) ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1719 หรือ 302 ปีที่แล้ว นักวิชาการให้ความเห็นว่าหนังสือเล่มนี้มีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกมากเป็นอันดับสอง รองจากพระคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น เรื่องราวการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ ได้ถูกประยุกต์ดัดแปลงเป็นบทละคร การ์ตูน โทรทัศน์ ภาพยนตร์ และการแสดงในรูปแบบอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถือเป็นหนังสือคลาสสิคที่น้อยคนไม่รู้จัก โดยเฉพาะในช่วงที่โรบินสัน ครูโซ ไปติดเกาะอยู่คนเดียวอย่างยาวนานถึง 28 ปี และสามารถดำรงชีวิตอยู่ที่นั่นและรอดพ้นจากความตายมาได้ ฉบับที่นำมาใช้ในบทความนี้ตีพิมพ์ในปี 1890 โดยสำนักพิมพ์ Frederick Warne and Co. แห่งกรุงลอนดอน มีความยาว 233 หน้า (ตีพิมพ์ก่อนมี ISBN) ในการตีพิมพ์ช่วงแรก ๆ ของหนังสือนี้ ไม่ได้ระบุชื่อผู้เขียนไว้ ทำให้ผู้อ่านส่วนมากเชื่อว่า เรื่องราวการผจญภัยของโรบินสัน ครูโซ เป็นเรื่องจริงและตัวละครหลักมีตัวตนอยู่จริงและมองว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเสมือนคู่มือเอาตัวรอดบนเกาะร้างกลางทะเลได้ หนังสือเล่มนี้ยังเป็นหนังสือเล่มโปรดของคนดังจำนวนมาก เช่น อดีตประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) ของสหรัฐอเมริกา
- PublicationThe Story of King Arthur and His Knightsยงยุทธ ขำคง; Khamkhong, Yongyut; กษิดิศ วัชรพรรณ; Watcharaphan, Kasidit (คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร, 2020)The Story of King Arthur and His Knights (กษัตริย์อาเธอร์และอัศวินผู้กล้า) เป็นเรื่องราวสุดคลาสสิคที่มีหนังสือ ภาพยนตร์ บทกวี บทละคร และการ์ตูน มากมายนับไม่ถ้วนที่กล่าวถึงเรื่องราวของกษัตริย์นักรบที่ยิ่งใหญ่ของประเทศอังกฤษที่มีชีวิตอยู่จริงในราวปี ค.ศ. 500 หนังสือฉบับที่มี การอ้างอิงและตีพิมพ์บ่อยที่สุดเล่มหนึ่งเป็นผลงานของนักเขียนและนักวาดภาพชาวอเมริกัน ชื่อ Howard Pyle (ค.ศ. 1853-1911) โดยในปี 1903 เขาได้แต่งเพิ่มเรื่องราวตัวละครจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และวาดภาพประกอบที่สวยงามจนทำให้เรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์และเหล่าอัศวินคู่กายของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ภาพหน้าปกนี้เป็นฉบับของสำนักพิมพ์ Signet (ISBN 0451520173) ตีพิมพ์ในปี 1986 และตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง โดยฉบับล่าสุดตีพิมพ์ในปี 2006 (ISBN 0451530240) และสำนักพิมพ์อื่น ๆ ทั่วโลกตีพิมพ์งานเขียนของ Howard Pyle นี้ออกมาแทบทุกปี หนังสือเล่มนี้ยังอยู่ในรูปของ Ebook เหมือนต้นฉบับจริงพร้อมรูปประกอบในโครงการ Project Gutenberg ในเว็บไซต์ชื่อ http://www.gutenberg.org/ebooks/ ที่เปิดให้อ่านหนังสือเก่าและไม่ติดลิขสิทธิ์ได้ฟรีทางออนไลน์และมีหนังสือในเว็บไซต์นี้ นับถึงปัจจุบันมากกว่า 63,000 เล่ม หนังสือ The Story of King Arthur and His Knights ของ Howard Pyle ได้รับการโหลดให้อ่านฟรี เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2019
- Publicationกลวิธีการนําเสนอภาพลักษณ์ของตัวละครผิวดําและตัวละครผิวขาวในภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประเด็นเหยียดเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติต่อชาวแอฟริกันอเมริกัน: การวิเคราะห์ตัวบทรัชชา เชาวน์ศิริ; สาวิตรี คทวณิช; Chaosiri, Rajcha; Gadavanij, Savitri (2015)การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์การนำเสนอภาพลักษณ์ของตัวละครผิวดำและตัวละครผิวขาวในภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประเด็นเหยียดเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติต่อชาวแอฟริกันอเมริกัน จากภาพยนตร์ฮอลลีวูดจำนวน 12 เรื่อง โดยอาศัยแนวคิดเรื่องบทบาทของสื่อภาพยนตร์ต่อความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติและชาติพันธุ์ร่วมกับแนวคิดการเล่าเรื่องในภาพยนตร์ จากการวิเคราะห์พบว่า ภาพยนตร์กลุ่มตัวอย่างได้นำเสนอภาพลักษณ์ของตัวละครผิวดำออกมาในลักษณะดังนี้ คือตัวละครหลักผิวดำเป็นบุคคลที่มีความสามารถ มีความมุ่งมั่นและอดทน ส่วนตัวละครผิวดำที่เล่นเป็นฝ่ายตรงข้ามมีลักษณะตามแบบฉบับของผู้ร้าย ในด้านของตัวละครผิวขาวนั้นภาพยนตร์กลุ่มตัวอย่างได้นำเสนอภาพลักษณ์ออกมาในลักษณะดังนี้คือ ตัวละครหลักผิวขาวเป็นบุคคลที่ไม่เหยียดเชื้อชาติหรือเลือกปฏิบัติต่อคนผิวดำ และตัวละครผิวขาวที่เล่นเป็นฝ่ายตรงข้ามนั้นมีลักษณะตามแบบฉบับของตัวละครผู้ร้ายซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพและพฤติกรรมใดๆ ทั้งสิ้น การสร้างภาพลักษณ์ของตัวละครในลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ผลิตภาพยนตร์ฮอลลีวูดซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาวยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวละครผิวขาว เพื่อสื่อว่าแม้ว่าตัวละครผิวดำจะมีความสามารถมากเพียงใดก็ตามก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้หากปราศจากการสนับสนุนของตัวละครผิวขาวที่เป็นมิตร กล่าวได้ว่าภาพยนตร์ฮอลลีวูดยังคงเน้นย้ำอุดมการณ์ทางด้าน “ความเป็นเลิศของชนผิวขาว” (White Supremacy) ให้ครองความเป็นอุดมการณ์หลัก (Hegemony) ในสังคมอเมริกันต่อไป โดยแฝงมากับการสร้างและภาพลักษณ์ของตัวละครผิวขาวในภาพยนตร์
- Publicationกลวิธีการแปลกริยาวลีในวรรณกรรมชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี ของงามพรรณ เวชชาชีวะจารุวรรณ วงษ์จิ๋ว; ดุษฎี รุ่งรัตนกุล; Wongchiu, Charuwan; Roongrattanakool, Dutsadee (2020)จุดมุ่งหมายในการศึกษาครั้งนี้เพื่อศึกษากลวิธีการแปลกริยาวลีภาษาไทยในวรรณกรรมเรื่อง Harry Potter and the Goblet of Fire แต่งโดย J. K. Rowling แปลบทภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดย งามพรรณ เวชชาชีวะ เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี ซึ่งมีทั้งหมด 37 บท เครื่องมือที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์กลวิธีการแปลครั้งนี้ ปรับจากหลักการกลวิธีการแปลของ โมนา เบเคอร์ (Baker, 1992) ฌอง ปอล วิเนย์ และ ฌอง ดาร์เบลเนท (Vinay and Darbelnet,1958) และสัญฉวี สายบัว (2550) โดยสรุปเป็น 6 กลวิธี คือ การแปลตรงตัว การแปลเอาความ การใช้สำนวนเทียบเคียง การแปลขยายความ การใช้คำแสลง และการละไม่แปล ผลการศึกษาพบว่า มีคำกริยาวลีปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่องทั้งหมด 442 คำ กลวิธีที่ผู้แปลเลือกใช้ในการแปลกริยาวลีจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยในวรรณกรรมเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนีมีจำนวน 5 กลวิธี ได้แก่ การแปลตรงตัว ร้อยละ 66.97 การแปลเอาความ ร้อยละ 25.57 การแปลขยายความ ร้อยละ 6.33 การละไม่แปล ร้อยละ 0.68 และการใช้สำนวนเทียบเคียง ร้อยละ 0.45 โดยการใช้คำสแลงเป็นกลวิธีที่ไม่พบในการแปล ส่วนกลวิธีการแปล ที่ผู้แปลเลือกใช้มากที่สุดในการแปลกริยาวลีจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย คือ การแปลตรงตัว คิดเป็นร้อยละ 66.97 และกลวิธีการแปลกริยาวลีที่ใช้น้อยที่สุดคือการใช้สำนวนเทียบเคียง คิดเป็นร้อยละ 0.45
- Publicationกลวิธีการแปลนิทานสองภาษา ไทย-อังกฤษเสาวณี ทับเพชร, อติเทพ ตาวัน (2022)บทความวิจัยเรื่อง “กลวิธีการแปลวรรณกรรม” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาโวหารภาพพจน์จากนิทานสำหรับเด็ก จำนวน 3 เรื่อง ที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษจากนิทานสำหรับเด็ก นิทาน 2 ภาษาไทย - อังกฤษ 1. ก๊วนเพื่อดิสนีย์บุกปราสาท แฟรงเกนสไตน์ 2. สี่ดรุณีจอมซนแห่งโลกดิสนีย์ 3. ผจญแดร็กคูลา ราชาผีดูดเลือด ผลการวิจัยพบว่ามีการใช้โวหารภาพพจน์หลัก 3 ประเภท โดยเรียงจากมากไปน้อย ดังนี้ 1. อุปมาอุปไมย (Simile) 2. อุปลักษณ์ (Metaphor)และ 3. บุคลาธิษฐาน (Personification) กลวิธีที่ใช้ในการแปลโวหารภาพพจน์ส่วนใหญ่จะรักษาโวหารไว้ให้คล้ายคลึงต้นฉบับมากที่สุด มีเพียงบางกรณีที่โวหารเปลี่ยนรูปไปแต่ยังคงภาพพจน์ไว้ได้เหมือนเดิม นับว่าเป็นการรักษาความเท่าเทียมไว้ได้ในระดับดีผู้วิจัยได้แสดงทัศนะผ่านข้อเสนอแนะสองส่วน ในส่วนแรกเกี่ยวกับการส่งเสริมการอ่านและการแปลวรรณกรรมออกสู่สากล และในส่วนที่สองนั้นเป็นข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
- Publicationกลวิธีการแปลเพลงภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยของธานี พูนสุวรรณ: ศึกษาจากภาพยนตร์เรื่อง Moanaณัฐจรัล จันทร์หอม; ดร. ภาสพงศ์ ผิวพอใช้ (2019)บทความนี้เป็นการศึกษากลวิธีการแปลเพลงภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ของธานี พูนสุวรรณ: จากภาพยนตร์เรื่อง Moana พบว่า กลวิธีการแปลที่ ธานี พูนสุวรรณใช้ในการแปลเพลงที่ใช้ในการขับร้องในภาพยนตร์เรื่อง Moana จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยมีทั้งหมด 4กลวิธีหลั กกลวิ ธีแรกคือกลวิธีการแปลโดยการตัดค า ประกอบด้วย การตัดค าศัพท์ การละค าในประโยคกลวิธีที่สองกลวิธีการแปลโดยการเติมค า ประกอบด้วย การเติมค าลักษณนามการเติมค าสรรพนามต่อท้ายค านามการเติมตั วเชื่อมระหว่างกลุ่มความคิดต่างๆกลวิธีถัดมาคือกลวิธีการแปลโดยการคงรูปแบบตามต้นฉบับ ประกอบด้วย การแปรระดับเสียงการแปลประโยคกรรตุวาจกและกรรมวาจก กลวิธีสุดท้ายคือกลวิธีการแปลโดยการปรับ ประกอบด้วยการปรับเรียงค าในประโยค การปรับค าให้กลายเป็นวลีและการใช้ค าอ้างอิงความหมายที่กว้างขึ้นหรือเฉพาะกว่าซึ่งกลวิธีทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นผลให้การน าเพลงที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้วสามารถใช้ในการขับร้องโดยที่ ยังคงความหมาย จังหวะ และท านองของเพลงแต่ละเพลงไว้ได้อย่างครบถ้วน
- Publicationการตระหนักรู้คุณค่าของชีวิตในโลกหลังความตายของตัวละครเอกชายในนวนิยายเรื่อง ขอเพียงอีกวัน (For One More Day)กัลยรักษ์ หมั่นหาดี; Manhadee, Kanyaruk (2022)บทความนี้ศึกษานวนิยายเรื่อง ขอเพียงอีกวัน (For One More Day, 2006) ประพันธ์โดย มิตซ์ อัลบอม ในแง่มุมของการวิเคราะห์ปัญหาทางจิตใจของตัวละครเอกชาย อันเนื่องมาจากสังคมแบบปิตาธิปไตยที่ส่งผ่านความสำเร็จแบบชายผ่านสถาบันครอบครัว จนเกิดการหาทางออกในแนวทางจิตวิญาณที่เน้นคุณค่าของผู้หญิงในด้านความอ่อนโยน ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นว่ามีส่วนช่วยคลี่คลายการอยากทำอัตวิบาตกรรมของตัวละครเอกชายได้ ในตัวบทนำเสนอว่าอำนาจปิตาธิปไตยถูกส่งผ่านพ่อ โดยพ่อที่ยึดติดกับความสำเร็จทางวัตถุส่งผลให้ลูกมีปัญหาทางด้านจิตใจเมื่อไม่สามารถรักษาความสำเร็จและชื่อเสียงไว้ได้ จนต้องทำอัตวินิบาตกรรม ผู้ประพันธ์จึงนำเสนอให้ตัวละครเอกเดินทางผ่านประสบการณ์เฉียดตาย ในพื้นที่แห่งนี้นำเสนอข้อจำกัดของการมองโลกที่ให้คุณค่ากับวัตถุ ทรัพย์สินภายนอก และนำเสนอทางออกด้วยการปรับเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิต ให้ตัวละครเอกได้ทบทวนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและเห็นคุณค่าของชีวิตในด้านการหาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตในแนวทางจิตวิญญาณ เมื่อผ่านประสบการณ์เฉียดตายและกลับมาสู่โลกความจริงตัวละครเอกจึงสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ เปลี่ยนใจไม่ทำอัตวินิบาตกรรม
- Publicationการประกอบสร้างเรื่องเล่าความเป็น(คน)อื่นในวรรณกรรมแปลชุด Little Houseกรญาณ์ เตชะวงค์เสถียร; Techawongstien, Koraya (2021)งานวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการประกอบสร้างเรื่องเล่าความเป็นอเมริกันและความเป็นชนพื้นเมืองอเมริกันในฐานะความเป็น(คน)อื่นผ่านการแปลวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง Little House in the Big Woods และ Little House on the Prairie ในชุด Little House เป็นภาษาไทย ทั้งยังเป็นการศึกษาบทบาทของผู้กระทําการแปล (เช่น นักแปล บรรณาธิการ และสํานักพิมพ์) แม้ว่าวรรณกรรมเยาวชนชุดนี้นําเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับยุคสร้างชาติของสหรัฐอเมริกา แต่มีเนื้อหาบางส่วนที่นําเสนอเนื้อความที่มีการเหยียดเชื้อชาติเป็นผลให้เกิดเหตุการณ์ถอนชื่อผู้ประพันธ์เรื่องดังกล่าวออกจากชื่อของรางวัลทางวรรณกรรมเยาวชนจากสถาบันหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ในพ.ศ. 2561 การศึกษานี้จึงมุ่งเน้นศึกษาการประกอบสร้างเรื่องเล่าความเป็นอเมริกันและความเป็นชนพื้นเมืองอเมริกันในฐานะ “ความเป็น(คน)อื่น” ผ่านการแปลวรรณกรรมเยาวชนเรื่องดังกล่าวเป็นภาษาไทย และศึกษาบทบาทของผู้กระทําการแปล (translation agents) ในการประกอบสร้างเรื่องเล่าดังกล่าว งานวิจัยชิ้นนี้วิเคราะห์ตัวบทแปล ตัวบทแวดล้อมตัวบทแปลและบริบทที่ส่งผลให้เกิดการแปลข้างต้นด้วยทฤษฎีเรื่องเล่าและแนวคิดความเป็นอื่น งานวิจัยนี้พบว่าเรื่องเล่าความเป็นอเมริกันและความเป็นชนพื้นเมืองอเมริกันถูกประกอบสร้างขึ้นผ่านการแปล เช่น น้ําเสียง และถ้อยคําภาษาที่ใช้ในการแปล นักแปลในฐานะผู้กระทําการแปลจึงมีบทบาทอย่างยิ่งในการถ่ายทอด และประกอบสร้างเล่าเรื่องเชื้อชาติชาวอเมริกันและชนพื้นเมืองอเมริกันงานวิจัยนี้นอกจากจะเป็นการขยายกรอบการศึกษาด้านการแปลให้ก้าวพ้นการศึกษากลวิธีการแปลแล้ว ยังเป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ในสาขาการแปลศึกษาในประเทศไทยซึ่งไม่เพียงปรับใช้ได้กับการศึกษาการแปลจากภาษาต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังปรับใช้ได้กับการประกอบสร้างเรื่องเล่าในการแปลจากภาษาไทยทั้งในวรรณกรรมและสื่ออื่นๆได้อีกด้วย
- Publicationการประกอบสร้างอัตลักษณ์ด้วยประวัติศาสตร์ส่วนบุคคลในนวนิยายภาษาอังกฤษของสตรีฟิลิปปินส์พลัดถิ่นรัญวรัชญ์ กอบศิริธีร์วรา; Kobsirithiwara, Ranwarat (2022)บทความนี้ศึกษาตัวบทนวนิยายภาษาอังกฤษของนักเขียนสตรีฟิลิปปินส์พลัดถิ่นสามเรื่องคือ Fish-Hair Woman(2012) ของเมอลินดา โบบิส The Mango Bride(2013) ของมาริวิโซลิเว็นและ Gun Dealer's Daughter(2013) ของจีนา อโพสทอล เนื่องจากนวนิยายกลุ่มนี้กล่าวถึงวิถีชีวิตของตัวละครสตรีฟิลิปปินส์โดยนักเขียนสตรีฟิลิปปินส์เอง อาทิเรื่องราวของแรงงานสตรีฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ สตรีที่อยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์และเรื่องราวของสตรีในครอบครัวฟิลิปปินส์ลักษณะที่ปรากฏในนวนิยายภาษาอังกฤษของนักเขียนสตรีฟิลิปปินส์พลัดถิ่นกลุ่มนี้สะท้อนการประกอบสร้างอัตลักษณ์และการสร้างประวัติศาสตร์ส่วนบุคคลขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเมื่ออยู่นอกบ้านเกิดบทความนี้จึงมุ่งศึกษาว่ากลุ่มนักเขียนสตรีฟิลิปปินส์ที่ใช้ภาษาอังกฤษเมื่อเผชิญภาวะพลัดถิ่นนําเสนออัตลักษณ์ของตนและของประเทศฟิลิปปินส์ต่อผู้อ่านนานาชาติด้วยรูปแบบและกลวิธีอย่างไรบ้าง
- Publicationการประเมินหน้าที่ด้านความเรียงในบทแปลภาษาไทยสองสำนวนของหนังสือเรื่อง เดอะโพรเฟ็ท ของคาลิล ยิบราน โดยใช้โมเดลของยูลีอาเนอ เฮาส์สุชาดา แสงสงวน (2014)งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และเปรียบเทียบคุณภาพงานแปลภาษาไทยสองสำนวนของหนังสือ เดอะโพรเฟ็ท ของคาลิลยิบราน โดยใช้โมเดลการประเมินคุณภาพงานแปลของยูลีอาเนอ เฮาส์ และมุ่งศึกษาเฉพาะหน้าที่ด้านความเรียงของใจความหลัก เนื่องจากมีความโดดเด่นมากที่สุดในต้นฉบับ ผลการศึกษาพบว่าภายใต้องค์ประกอบ 3 ประการของหน้าที่ด้านความเรียง ได้แก่ พลวัตของใจความหลัก การเชื่อมโยงของอนุพากย์ และการเชื่อมโยงด้วยรูปประโยค ในสำนวนแปลที่ 1 ของระวี ภาวิไล มีจำนวนหน่วยไม่ตรงเป็นสัดส่วน 17.86% ส่วนสำนวนแปล 2 ของหม่อมหลวงประมูลมาศ อิศรางกูร มีจำนวนหน่วยไม่ตรงเป็นสัดส่วน 35.00% นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์ทำเนียบภาษาของเฮาส์ในขอบเขตสัมพันธสาร ความสัมพันธ์ของคู่สื่อสาร และแบบวิธีสัมพันธสาร ซึ่งเป็นแนวคิดจากภาษาศาสตร์ระบบหน้าที่ของไมเคิลฮัลลิเดย์ พบว่าในภาพรวมแล้วสำนวนแปลที่ 1 มีจำนวนหน่วยไม่ตรงน้อยกว่า ซึ่งบ่งบอกว่ามีคุณภาพการแปลสูงกว่าสำนวนแปล 2 จากผลการศึกษาครั้งนี้แสดงว่าโมเดลของเฮาส์ใช้เป็นวิธีการหนึ่งเพื่อประเมินคุณภาพงานแปลประเภทร้อยแก้วเชิงร้อยกรองจากต้นฉบับ ภาษาอังกฤษเป็นสำนวนแปลภาษาไทยได้และใช้เปรียบเทียบคุณภาพงานแปลของบทแปลหลายสำนวนภาษาไทยได้
- Publicationการปรับบทแปลและกลวิธีการแปลจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง “บ้านเล็กในป่าใหญ่”ฤทัยชนก ถาวรวงษ์; นครเทพ ทิพยศุภราษฏร์; กรรณิการ์ ช่อไม้ทอง (2017)การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาประเภทของการปรับบทแปลและกลวิธีการแปลที่ปรากฏในวรรณกรรมเยาวชน เรื่อง บ้านเล็กในป่าใหญ่ สำนวนแปลของ “สุคนธรส” จากวรรณกรรมต้นฉบับ เรื่อง Little House in the Big Woods ประพันธ์โดย ลอร่า อิงกัลส์ ไวลเดอร์ (Laura Ingalls Wider) โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากตัวอย่างจำนวน 26 ตัวอย่าง ในการศึกษานี้ผู้ศึกษานำหลักเกณฑ์ในการปรับบทแปลของ สัญฉวี สายบัว (2553) มาเป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ การปรับระดับคำและการปรับระดับโครงสร้างของภาษา จากการวิเคราะห์การปรับบทแปลทั้งสองระดับ สามารถสรุปได้ว่า การปรับบทแปลระดับคำที่พบมากที่สุดคือ การใช้วลีหรือประโยคแทนคำ ส่วนการปรับบทแปลระดับโครงสร้างภาษาที่พบมากที่สุดคือ การปรับวิธีเรียงคำในวลีหรือประโยค ในส่วนของกลวิธีการแปลนั้น ผู้แปลใช้การแปลทั้งแบบตรงตัวและแบบเอาความ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีลักษณะการแปลแบบตรงตัวตามความเหมาะสมของเนื้อหาในแต่ละส่วน เพื่อให้งานแปลออกมาอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับต้นฉบับ