วัฒนธรรมภารตะ
Permanent URI for this collection
บทความวิจัย บทความวิชาการ รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ และหนังสือเกี่ยวกับวัฒนธรรมอินเดียโบราณ พระเวท ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาพุทธ
Browse
Browsing วัฒนธรรมภารตะ by browse.metadata.researchtheme1 "วิทยาการ"
Now showing 1 - 13 of 13
Results Per Page
Sort Options
- Publicationการศึกษาการกำเนิดและพัฒนาการด้านอายุรเวทในวรรณคดีสันสกฤตเบญจมาศ ขุนประเสริฐ; ชัยณรงค์ กลิ่นน้อย; Khunprasert, Benjamas; Klinnoi, Chainarong (2022)บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ ศึกษารูปแบบเนื้อหาด้านอายุรเวทในวรรณคดีสันสกฤตและ ศึกษาพัฒนาการองค์ความรู้ด้านอายุรเวทในวรรณคดีสันสกฤตเพื่อเห็นการสืบทอดและพัฒนาการทางการแพทย์โบราณจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยศึกษาความรู้ด้านการแพทย์โบราณเฉพาะที่ปรากฏในวรรณคดีสันสกฤตได้แก่ ฤคเวทสังหิ อถรฺพเวท จรกสํหิตา และครุฑปุราณะ โดยใช้ระเบียบการวิจัยเอกสาร นําเสนอผลการวิจัยในรูปแบบการพรรณนาวิเคราะห์ ซึ่งแสดงผลการศึกษาโดยการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ ผลการศึกษาพบว่า ความรู้ด้านอายุรเวทเป็นศาสตร์ที่มีเนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึง โรค สาเหตุ อาการ ยา และข้อปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อป้องกันโรคภัยและการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยมีการปรับการดําเนินชีวิตให้สอดคล้องกับฤดูกาล และพัฒนาการองค์ความรู้ด้านอายุรเวทในวรรณคดีสันสกฤต พบว่าอายุรเวทนั้นได้เกิดขึ้นในสมัยพระเวทและได้รับการสืบทอดและพัฒนาโดยไม่ขาดสายจาก อถรฺพเวทมาสู่คัมภีร์ครุฑปุราณะกลายเป็นคัมภีร์ด้านการแพทย์จํานวนมาก
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์สุริยยาตรฉบับภาคกลาง ฉบับล้านนา และฉบับไทลื้อยุทธพร นาคสุข; Naksuk, Yuttaporn (2009)วิทยานิพนธ์นี้ มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาวิเคราะห์คัมภีร์สุริยยาตรฉบับภาคกลาง ฉบับล้านนา และฉบับไทลื้อ ในด้านประวัติความเป็นมา คำศัพท์ และสูตรคำนวณในคัมภีร์ วิทยานิพนธ์นี้แบ่งออกเป็น 5 บท บทที่ 1 เป็นบทนำ บทที่ 2 ว่าด้วยลักษณะของคัมภีร์สุริยยาตรในด้านขอบเขตของเนื้อหา ต้นกำเนิด ที่มาและประวัติการใช้ ความสำคัญของคัมภีร์ต้นฉบับที่นำมาศึกษาและตัวอักษรที่ใช้บันทึก บทที่ 3 ว่าด้วยความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคำศัพท์ที่ปรากฏในคัมภีร์ บทที่ 4 เป็นการวิเคราะห์สูตรคำนวณที่ปรากฏในคัมภีร์ทั้ง 3 ฉบับ และบทที่ 5 เป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะ ผลของการวิจัยอาจสันนิษฐานได้ว่า คัมภีร์สุริยยาตรน่าจะพัฒนามาจากคัมภีร์ดาราศาสตร์โบราณของอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคัมภีร์สุริยสิทธานตะ เพราะเกณฑ์ตัวเลขส่วนใหญ่ตรงกันและศัพท์เฉพาะที่ปรากฏในคัมภีร์ส่วนหนึ่งก็ตรงกันด้วย สูตรคำนวณที่ปรากฏในคัมภีร์ทั้ง 3 ฉบับ โดยนับรวมสูตรคำนวณที่ซ้ำกันด้วยมีทั้งหมด 97 สูตร พบในคัมภีร์ฉบับภาคกลาง จำนวน 28 สูตร ฉบับล้านนาจำนวน 42 สูตร และฉบับไทลื้อจำนวน 27 สูตร สูตรคัมภีร์ที่ใช้สำหรับคำนวณตำแหน่งและระยะการโคจรของพระอาทิตย์กับพระจันทร์เพื่อใช้ทำปฏิทินประจำปี และนำไปประยุกต์ใช้ในทางโหราศาสตร์ ผลการวิเคราะห์พบว่าสูตรคำนวณส่วนใหญ่ตรงกัน จึงยืนยันว่าคัมภีร์ทั้ง 3 มีต้นเค้ามาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน และมีสูตรจำนวนหนึ่งที่เป็นสูตรจำเพาะของแต่ละภูมิภาค อันเนื่องมาจากนักปราชญ์ในท้องถิ่นได้คิดค้นสูตรขึ้นเพื่อให้สะดวกแก่การคำนวณและเพื่อให้สอดคล้องกับระบบปฏิทินของภูมิภาคของตน การศึกษาคัมภีร์สุริยยาตรทำให้เห็นคุณค่าของคัมภีร์นี้ในฐานะที่มีความสำคัญต่อการทำปฏิทินและต่อวงการโหราศาสตร์ สมควรที่จะอนุรักษ์และเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป
- Publicationการศึกษาเปรียบเทียบแนวคิดเรื่องพระเคราะห์ ทศา และนรลักษณ์ในคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์และตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์ของไทยณัฐพล บ้านไร่; Banrai, Nattapaul (2019)วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปริวรรตและแปลคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์ เฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระเคราะห์ ทศา และนรลักษณ์ จากต้นฉบับภาษาสันสกฤตเป็นภาษาไทย เพื่อนำมาศึกษาและเปรียบเทียบแนวคิดดังกล่าวในคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์และตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์ ผลการศึกษาพบว่า ตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์น่าจะได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย เนื่องจากมีแนวคิดด้านโหราศาสตร์ที่ใกล้เคียงกับคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์ โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องพระเคราะห์ และทศา ในประเด็นแนวคิดเรื่องพระเคราะห์ ชื่อพระเคราะห์ที่ปรากฏในตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์มีทั้งมาจากภาษาบาลีและสันสกฤต โดยส่วนใหญ่มีรากศัพท์เดียวกับคำเรียกขานพระเคราะห์ในคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์ซึ่งแต่ละชื่อมักมีความหมายที่บ่งบอกเหล่ากอ ลักษณะ และสถานภาพของพระเคราะห์แต่ละดวง หากแต่ตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์กลับระบุว่าพระเคราะห์เกิดจากการทรงสร้างของพระอิศวร แม้ว่าพระเคราะห์ในคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์และตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์จะมีคุณสมบัติประจำพระเคราะห์ และความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ในส่วนมาตรฐานพระเคราะห์นั้นมีความคล้ายคลึงกันอยู่มาก ทั้งตำแหน่งเกษตร อุจจ์ และนิจ สำหรับแนวคิดเรื่องทศา ตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์นิยมเรียกว่า “ทักษา” ซึ่งมหาทักษาในตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์มีความคล้ายคลึงกับอัษโฏตตรีทศาในคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์อยู่มาก ทั้งในเรื่องอายุบริบูรณ์ของทศา 108 ปี อายุพระเคราะห์ และการคำนวณหาช่วงเวลาการเสวยแทรกของพระเคราะห์ แตกต่างกันเพียงการหาพระเคราะห์ที่เริ่มต้นเสวยอายุ โดยคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์ต้องอาศัยนักษัตรฤกษ์ที่ชนมจันทร์สถิตอยู่ แต่ตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์ใช้พระเคราะห์ประจำวันเกิดเป็นพระเคราะห์ที่เริ่มเสวยอายุทักษา ในเรื่องของการคำนวณหาช่วงเวลาการเสวยแทรกอายุทศานั้นใช้วิธีการเทียบบัญญัติไตรยางศ์คล้ายคลึงกัน แต่ในส่วนของการพยากรณ์คัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์จะต้องพิจารณาถึงคุณภาพของพระเคราะห์ประกอบด้วย สำหรับเนื้อหาของคำพยากรณ์ก็พบว่าส่วนใหญ่มีความแตกต่างกัน ส่วนแนวคิดเรื่องนรลักษณ์ ทั้งการทำนายโดยอาศัยลักษณะร่างกายหรือการดูตำหนิ ไฝ ปาน พบว่าคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์มักใช้ทำนายสตรีโดยเฉพาะ แม้ว่าในช่วงท้าย อัธยายะที่ 81 และในส่วนของคำทำนายตำหนิในอัธยายะที่ 82 บางตำแหน่งปรากฏคำทำนายสำหรับบุรุษอยู่บ้างก็ตาม หากแต่ตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์นั้นสามารถใช้ทำนายได้ทั้งชายและหญิง ในส่วนของคำทำนายพบว่ามีคำทำนายที่ดี-ไม่ดีคล้ายคลึงกันค่อนข้างมาก แต่ทว่าเนื้อหาของคำทำนายกลับมีความแตกต่างกันแทบทั้งสิ้น
- Publicationการศึกษาวิเคราะห์โรคและพืชสมุนไพรในคัมภีร์จรกสัมหิตาอุเทน วงศ์สถิตย์ (2015)
- Publicationความสัมพันธ์ระหว่างเกณฑ์การจัดหมู่อัญมณีในยุกติกัลปตรุของโภชะกับหลักอายุรเวทอรุณวรรณ คงมีผล; Kongmebhol, Aroonwan (2022)ในรัตนปรีกษาฉบับยุกติกัลปตรุซึ่งประพันธ์โดยพระเจ้าโภชะ อัญมณีส าคัญบางชนิดได้รับการจัดหมู่โดยใช้เกณฑ์หลายรูปแบบเกณฑ์ส่วนใหญ่อ้างถึงแนวคิดทางอายุรเวท ซึ่งจ าเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้าเพื่อพิสูจน์ความเที่ยงตรงของข้อมูล บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาเกณฑ์การจัดหมู่อัญมณีประเภทเพชรและไข่มุกในรัตนปรีกษาฉบับยุกติกัลปตรุโดยเน้นเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับหลักวิชาอายุรเวทและศึกษาในแง่ของลักษณะการจัดหมู่ภายในตัวบทและความเชื่อมโยงระหว่างตัวบทกับหลักวิชาอายุรเวทผลการศึกษาแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างการจัดหมู่อัญมณีกับหลักการพื้นฐานของอายุรเวทอย่างมีนัยส าคัญได้แก่ปัญจมหาภูตะตริโทษะรวมถึงวรรณะ4 ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับพื้นฐานของอายุรเวทได้ด้วยส่วนความคลาดเคลื่อนของการน าเสนอข้อมูลพบค่อนข้างน้อย ลักษณะเช่นนี้แสดงว่าผู้แต่งยุกติกัลปตรุมีแนวโน้มที่พยายามน าหลักอายุรเวทมาประยุกต์ใช้กับการตรวจสอบคุณสมบัติของอัญมณีอีกทั้งสะท้อนธรรมชาติของงานนิพนธ์ประเภทศาสตร์ของอินเดียที่ผสมผสานความรู้ต่างสาขาเข้ากับความรู้มูลฐาน เพื่อให้การศึกษาความรู้มูลฐานเป็นไปโดยกระจ่างและลึกซึ้ง
- Publicationความสําคัญของไข่มุกในตํารานีติศาสตร์อินเดีย มานโสลลาสะอรุณวรรณ คงมีผล; Kongmebhol, Aroonwan (2022)บทความนี้มุ่งศึกษาบทประพันธ์คัดสรรเกี่ยวกับไข่มุกจากตํารานีติศาสตร์อินเดียภาษาสันสกฤต "มานโสลลาสะ" ซึ่งเชื่อกันว่าพระเจ้าโสเมศวระที่ 3แห่งราชวงศ์จาลุกยะเป็นผู้ประพันธ์บทประพันธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของบทบัญญัติว่าด้วยขุมทรัพย์ เนื้อหาสาระอธิบายความสําคัญของขุมทรัพย์ทางทะเลโดยอ้างถึงคติเรื่องมหาสมุทรในทางจักรวาลวิทยาและเทพปกรณัมฮินดูประเด็นที่น่าสนใจคือ เนื้อหาของบทประพันธ์ช่วยเสริมมุมมองความคิดเรื่องคุณค่าของไข่มุกในศาสตร์แห่งอัญมณีอินเดียโบราณ สามารถอธิบายเหตุที่ทําให้ไข่มุกได้รับความนิยมอย่างสูงในวรรณคดีอินเดีย อีกทั้งยังสะท้อนความสําคัญของไข่มุกด้านเศรษฐกิจในสมัยของผู้ประพันธ์นอกจากนี้ผู้เขียนบทความได้เสนอว่า สาระของคําอธิบายเรื่องขุมทรัพย์ทางทะเลอาจสัมพันธ์กับการกําหนดมาตรฐานการชั่งตวงวัดและราคาอัญมณี ซึ่งปรากฏเฉพาะในเรื่องการตรวจสอบไข่มุก(มุกตาปรีกษา) เพียงเรื่องเดียว ไม่พบในการตรวจสอบอัญมณีประเภทอื่นในการศึกษาครั้งนี้ผู้เขียนได้สอบเทียบตัวบทงานนิพนธ์ดั้งเดิมที่เป็นฉบับพิมพ์ 2ฉบับ และแปลเป็นภาษาไทย นําเสนอไว้ในบทความนี้ด้วยเพื่อประโยชน์ในทางวิชากา
- Publicationภูตสังขยาในคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์ณัฐพล บ้านไร่; ชัยณรงค์ กลิ่นน้อย; Banrai, Nattapaul; Klinnoi, Chainarong (2021)บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะการใช้ภูตสังขยาและแนวคิดของการนำภูตสังขยามาใช้แทนตัวเลขในคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์ซึ่งเป็นคัมภีร์โหราศาสตร์ที่ประพันธ์ขึ้นด้วยภาษาสันสกฤตที่สำคัญเล่มหนึ่ง โดยศึกษาจากคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์ฉบับบรรณาธิการโดยเทวจันทร์ ฌา เฉพาะเนื้อหาส่วนที่ว่าด้วยเรื่องพระเคราะห์ ทศา และนรลักษณ์ จากอัธยายะที่ 1-3, 47-65, 75 และ 81-82 ผลการศึกษาพบว่า มีการใช้ภูตสังขยาเพื่อบ่งบอกอายุของเจ้าทศา, ตัวเลขที่ใช้ในการคำนวณหาระยะการเสวยแทรกอายุทศา, เลขราศีที่เป็นเจ้าทศาสำหรับระบบทศาราศี, จำนวนองศาในราศีต่าง ๆ ที่ทำให้พระเคราะห์ได้ตำแหน่งคุณภาพ และขนาดความยาวของใบหน้า ซึ่งล้วนแต่เป็นเนื้อหาส่วนที่สำคัญของคัมภีร์พฤหัตปาราศรโหราศาสตร์ ส่วนลักษณะของการใช้ภูตสังขยาที่พบมีทั้งสิ้น 4 ลักษณะ ได้แก่ การใช้ภูตสังขยาเพียงศัพท์เดียว, ภูตสังขยาสองศัพท์สมาสกัน, ภูตสังขยาสมาสกับปรกติสังขยา, และภูตสังขยาสมาสกับคำว่า ยุชฺ สำหรับแนวคิดของการนำภูตสังขยามาใช้แทนตัวเลขพบว่า ภูตสังขยาส่วนใหญ่เป็นคำนามที่มีความเกี่ยวพันกับแนวคิดด้านปรัชญา คติความเชื่อทางศาสนา และศาสตร์ความรู้ของอินเดียอย่างลึกซึ้ง
- Publicationระบบการประเมินราคาอัญมณีในศิาสตร์แห่งอัญมณีอินเดียอรุณวรรณ คงมีผล; Kongmebhol, Aroonwan; Tudkeao, Chanwit (2020)ความคิดเรื่องการค้าอัญมณีเป็นหนึ่งในสารัตถะของศาสตร์แห่งอัญมณีอินเดีย บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาภูมิหลังและลักษณะของระบบการประเมินราคาอัญมณีในศาสตร์แห่งอัญมณีอินเดียโบราณ ภายใต้ประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1) ที่มาของการกำหนดมาตรฐานราคาอัญมณี 2) ลักษณะและความสัมพันธ์ของหน่วยต่างๆ ที่ใช้ในพิกัดราคาอัญมณี 3) วิธีการประเมินราคาอัญมณี ในที่นี้ศึกษาเฉพาะการประเมินราคาเพชร แหล่งข้อมูลหลักในการวิจัยมาจากรัตนปรีกษาในวรรณคดีสันสกฤต 3 เรื่อง ได้แก่ พฤหัตสํหิตา ของ วราหมิหิระ, ยุกติกัลปตรุ ของ พระเจ้าโภชะ และศุกรนีติสาระ ของศุกราจารย์ และได้นำข้อมูลจากอรรถศาสตร์ของเกาฏิลยะและมนุสมฤติ มาใช้อธิบายข้อค้นพบในงานวิจัยด้วย ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า มาตรฐานราคาเพชรในศาสตร์แห่งอัญมณีอินเด ียม ีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสม ัย ทั้งในแง่ของ อัตราราคา ระบบชั่งตวงวัด และระบบเงินตรา นอกจากนี้ ธรรมเนียมการใช้หน่วยชั่งและหน่วยเงินตราในการซื้อขายอัญมณีก็มีทั้งความสืบเนื่องและความเปลี่ยนแปลง มาโดยตลอด ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้มาตรฐานการค้าอัญมณีแบบสากลในยุคปัจจุบัน
- Publicationศาสตร์แห่งการยุทธด้วยธนูในคัมภีร์ธนุรเวทและมหาภารตะเจียระไน วิทิตกูล; Vithidkul, Jiaranai (2015)วิทยานิพนธ์นี้มุ่งศึกษาเนื้อหาส่วนที่ว่าด้วยการฝึกฝนธนูในวรรณคดีธนุรเวทฉบับ อัคนิปุราณะ ธนุรเวทฉบับศารงคธรปัทธติ และวรรณคดีเรื่องมหาภารตะในส่วนอาทิบรรพ เพื่อศึกษากระบวนการฝึกฝนธนูของอินเดียโบราณ และสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนธนู ผลการศึกษาพบว่า การฝึกฝนธนูเป็นศาสตร์ที่ได้รับการศึกษา วิเคราะห์ และกำหนดกฎเกณฑ์ไว้ชัดเจนตั้งแต่โบราณ มีขั้นตอนและกลวิธีในการพัฒนาผู้เรียนอย่างหลากหลาย โดยเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนธนูในวรรณคดีธนุรเวททั้งสองฉบับนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเด็น ได้แก่ ท่าทางในการยิงธนู, วิธีการยิงธนู, หลักสูตรในการฝึกธนู, ข้อผิดพลาดใน การยิงและวิธีแก้ไข, และการยิงธนูรูปแบบพิเศษ ทุกประเด็นล้วนมุ่งให้นักธนูยิงได้แม่นยำ และสามารถพลิกแพลงในสถานการณ์ต่างๆได้ดี ซึ่งทักษะเหล่านี้ก็เกื้อหนุนจุดประสงค์สูงสุดในการฝึกธนูของอินเดียโบราณ นั่นคือการใช้ธนูได้อย่างมีประสิทธิภาพในยามสงคราม ในด้านสังคมและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องนั้น พบว่าการฝึกฝนธนูของภารตะโบราณต้องอยู่ภายใต้ระบบการเรียนการสอนที่มีครูเป็นผู้กำกับดูแลอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งยังเป็นระบบการศึกษาที่สัมพันธ์กับศาสนาอย่างลึกซึ้ง ดังนั้น แม้การเรียนการสอนธนูจะมีรายละเอียดและเนื้อหาที่เรียนต่างจากการเรียนสาขาอื่นๆ แต่เมื่อพิจารณาระบบและลักษณะโดยรวมแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก หรืออาจกล่าวได้ว่า การศึกษาด้านการธนูนั้นก็เป็นไปตามขนบธรรมเนียมด้านการศึกษาของสังคมอินเดียโบราณนั่นเอง
- Publicationสาธารณสุขในพระไตรปิฎก : บูรณาการสู่สุขภาพดี ชีวีมีสุขอุทัย สุขสุด (2009)
- Publicationสารัตถะและความสำคัญของศาสตร์แห่งอัญมณีอินเดียโบราณอรุณวรรณ คงมีผล; Kongmebhol, Aroonwan (2018)วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มุ่งศึกษาสารัตถะและความสำคัญของศาสตร์แห่งอัญมณีอินเดียโบราณจากงานนิพนธ์ว่าด้วยศาสตร์แห่งอัญมณีที่บรรจุแทรกในวรรณคดีสันสกฤตประเภทศาสตร์ 5 เรื่อง ได้แก่ อรรถศาสตร์ของเกาฏิลยะ, พฤหัตสํหิตาของวราหมิหิระ, ยุกติกัลปตรุของโภชะ, มานโสลลาสะของโสเมศวระ และศุกรนีติสาระของศุกราจารย์ วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ การศึกษาสารัตถะ โดยมีการเปรียบเทียบระหว่างข้อมูลปฐมภูมิ 5 เรื่อง กับงานนิพนธ์ว่าด้วยศาสตร์แห่งอัญมณีที่เป็นเรื่องเดี่ยว ส่วนที่สองคือการศึกษาความสำคัญของศาสตร์แห่งอัญมณีในบริบทของสังคมและวัฒนธรรม โดยพิจารณาจากข้อความตัวบทที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเรื่องแทรกว่าด้วยศาสตร์แห่งอัญมณีกับงานนิพนธ์เรื่องหลัก รวมทั้งพิจารณาบทบาทของศาสตร์แห่งอัญมณีที่ปรากฏในงานนิพนธ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในอดีตและปัจจุบัน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า สารัตถะของศาสตร์แห่งอัญมณีอินเดียโบราณ คือ การถ่ายทอดความรู้เชิงปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการตรวจสอบและจำแนกสิ่งมีค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัญมณี นำไปสู่การประเมินมูลค่าและคุณค่า เพื่อตอบสนองความมั่นคงของราชอาณาจักร องค์ความรู้เรื่องการตรวจสอบอัญมณีจำแนกได้เป็น 4 หมวด ได้แก่ หมวดการตรวจสอบอัญมณี หมวดการประเมินค่าอัญมณี หมวดการกำหนดราคาอัญมณี และหมวดเบ็ดเตล็ดซึ่งครอบคลุมศิลปะการทำอัญมณีตลอดจนความเชื่อ และวัฒนธรรมเกี่ยวกับการใช้อัญมณี เนื้อหาสาระของตำราอัญมณีประเภทเรื่องแทรกที่นำมาศึกษาครั้งนี้ โดยมากพ้องกับตำราอัญมณีประเภทเรื่องเดี่ยว สิ่งที่แตกต่างกันคือรายละเอียดปลีกย่อยและบริบทของการนำไปใช้ซึ่งมุ่งในแวดวงของราชสำนัก ส่วนความสำคัญของศาสตร์แห่งอัญมณีอินเดียโบราณนั้นแบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมือง ด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านภาษาและวรรณคดี และด้านการศึกษา สะท้อนให้เห็นว่า ศาสตร์แห่งอัญมณีอินเดียโบราณมีคุณูปการต่อสังคมในวงกว้างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงมีการสืบทอด การผลิตช้า การดัดแปลง และการอ้างอิงศาสตร์แห่งอัญมณีอินเดียในงานนิพนธ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน
- Publicationอัญมณีวิทยาในวรรณคดีสันสกฤตและวรรณคดีไทยอรุณวรรณ คงมีผล; Kongmebhol, Aroonwan (2013)งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาตำราอัญมณีของอินเดียโบราณที่เป็นภาษาสันสกฤตกับตำรานพรัจน์ของไทย เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์เรื่องอัญมณีวิทยาในวรรณคดีทั้งสอง ผลการศึกษาสะท้อนให้เห็นธรรมเนียมปฏิบัติและความเชื่อในเรื่องอัญมณีที่มีร่วมกันในสังคมอินเดียและสังคมไทย "รัตนปรึกษา" คือศาสตร์ว่าด้วยการพิจารณาและตรวจสอบอัญมณี ได้รับการบันทึกในช่วงสมัยพระเวทจนถึงหลังสมัยพระเวท (ราว 1,500 ปีก่อนคริสต์ศักราชจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14) ต้นฉบับมีทั้งที่เป็นคัมภีร์โดยตรงและเป็นเรื่องแทรกในวรรณคดีอื่น เนื้อหามีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ผสมสานกับความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าตามหลักศาสนาพราหมณ์ฮินดู ประกอบด้วยเรื่องต้นกำเนิดของอัญมณีประเภทต่างๆ แหล่งที่พบอัญมณี ลักษณะคุณและโทษของอัญมณีต่อผู้ครอบครอง ฯลฯ ส่วนตำราพนรัตน์ซึ่งเรียบเรียงในรัชสมัยพระบาทสมเด็นพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น แม้จะมีรายละเอียดแตกต่างกันไปบ้าง แต่หัวข้อและคำอธิบายเรื่องอัญมณีวิทยาสอดคล้องและคล้ายคลึงกับในตำรารัตนปรึกษา นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงตัวละครในตำนานรวมทั้งชื่อสถานที่ที่ปรากฎในคัมภีร์อินเดียโบราณ จึงอาจสรุปได้ว่า ตำรารัตนปรึกษาเป็นที่มาของความรู้และความเชื่อในตำรานพรัตน์ของไทย
- Publicationอัญมณีวิทยาในวรรณคดีสันสกฤตและวรรณคดีไทยอรุณวรรณ คงมีผล; Kongmebhol, Aroonwan (2013)วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มุ่งศึกษาความรู้เรื่องอัญมณีที่ปรากฏในวรรณคดีสันสกฤตและวรรณคดีไทย จากหลักฐานชั้นต้น คือ ตำรารัตนปรีกษาภาษาสันสกฤตและตำรานพรัตน์ของไทย เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตำราทั้งสอง วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนที่หนึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลจากตำรารัตนปรีกษาสองฉบับ ได้แก่ รัตนปรีกษาของพุทธภัฏฏะ และรัตนปรีกษาธยายะในคัมภีร์ครุฑปุราณะ พร้อมด้วยข้อมูลตามหลักอัญมณีวิทยาปัจจุบัน ส่วนที่สองเป็นการนำเสนอข้อมูลจากตำรานพรัตน์สามฉบับ ได้แก่ ลิลิตตำรานพรัตน์ ตำรานพรัตน์ฉบับร้อยแก้ว และตำรารัตนสาตร์จบบริบูรรณ์ และส่วนที่สามเป็นการวิเคราะห์เปรียบเทียบเนื้อหาระหว่างตำรารัตนปรีกษากับตำรานพรัตน์ ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ตำรารัตนปรีกษามีลักษณะสอดคล้องกับอัญมณีวิทยา เนื้อหาสาระประกอบด้วยการกำเนิด แหล่งกำเนิด คุณสมบัติ อานุภาพ การทำเทียม การเจียระไน การปรับปรุงคุณภาพ การประเมินน้ำหนักและราคาอัญมณี ส่วนตำรานพรัตน์นั้น มีเนื้อหาสาระคล้ายกับตำรารัตนปรีกษา เพียงแต่ไม่ปรากฏเรื่องการทำเทียม การเจียระไน และการปรับปรุงคุณภาพของอัญมณี ลักษณะการพรรณนาที่ร่วมกัน คือ การพรรณนาคุณสมบัติด้านสีด้วยการเปรียบเทียบกับดอกไม้ พืช สัตว์ และสิ่งที่ให้แสงสว่าง ลักษณะการพรรณนาที่ต่างกันมีหลายประการ ประการสำคัญคือ การพรรณนาอานุภาพของอัญมณี ตำรารัตนปรีกษาเน้นอานุภาพด้านการป้องกันภัยอันตราย ความเจริญรุ่งเรือง และการรักษาโรค ส่วนตำรานพรัตน์เน้นอานุภาพของอัญมณีในด้านการเป็นเครื่องรางของขลัง มีอานุภาพบันดาลความสุข ความมั่งคั่ง ความเจริญรุ่งเรือง และชัยชนะในศึกสงคราม จึงสรุปได้ว่า ตำรารัตนปรีกษามีความสัมพันธ์กับตำรานพรัตน์ในฐานะที่เป็นต้นแบบของการแต่งตำราวิชาการด้านอัญมณี ความแตกต่างระหว่างตำรารัตนปรีกษาและตำรานพรัตน์เกิดจากวัตถุประสงค์ในการแต่งตำรา คือ ตำรารัตนปรีกษาเป็นคู่มือสำหรับการประเมินคุณภาพและราคาอัญมณีในการทำธุรกิจการค้าระหว่างพ่อค้าอัญมณีกับผู้ซื้อ ในขณะที่ตำรานพรัตน์นั้น ผู้แต่งและผู้รวบรวมทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เพื่อเป็นต้นฉบับประจำราชสำนัก