วรรณกรรม/วรรณคดีบาลีและสันสกฤต
Permanent URI for this collection
บทความวิจัย บทความวิชาการ รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ และหนังสือเกี่ยวกับวรรณคดีบาลี วรรณคดีสันสกฤต ประวัติวรรณคดีบาลี ประวัติวรรณคดีสันสกฤต วรรณคดีบาลีและสันสกฤตในวรรณคดีไทย การศึกษาจารึกและเอกสารโบราณ
Browse
Browsing วรรณกรรม/วรรณคดีบาลีและสันสกฤต by browse.metadata.researchtheme1 "การตรวจชำระ/ปริวรรต/แปล/วิเคราะห์"
Now showing 1 - 20 of 101
Results Per Page
Sort Options
- PublicationTridanฺdฺi-sutra ในคัมภีร์ทีรฆาคมะฉบับใบลานภาษาสันสกฤตKazunobu, Matsuda (2016)Tridaṇḍi-sūtra เป็นปฐมสูตรแห่งนิบาตลำดับสุดท้ายที่เรียกว่า “ศีลสกันธิกะ” ในคัมภีร์ทีรฆาคมะฉบับใบลาน ซึ่งได้ค้นพบที่กิลกิตเมื่อไม่นานมานี้ จวบจนกระทั่งปัจจุบัน Tridaṇḍi-sūtra ยังเป็นเพียงที่รู้จักโดยผ่านการอ้างถึงจากคัมภีร์ของฎีกาจารย์ทั้งหลาย เช่นอภิธรรมโกศวฺยาขฺยา รจนาโดยพระยโศมิตร คัมภีร์อภิธรรมโกศฎีกา อุปายิกา รจนาโดยพระศมถเทวะ แม้จะมีการอ้างถึงจากฎีกาจารย์ทั้งหลายทางฝ่ายเหนือแต่ก็ไม่พบพระสูตรใดที่มีชื่อคล้ายกับ Tridaṇḍi-sūtra ในสายอื่น ๆ ทั้ง สายคัมภีร์บาลี หรือแม้กระทั่งสายคัมภีร์อาคมะในพระไตรปิฎกจีนและพระไตรปิฎกทิเบตเองก็ตาม ผู้วิจัยได้เสนอเนื้อหาของ Tridaṇḍi-sūtra ที่เป็นปฐมสูตรพร้อมกับพระสูตรลำดับที่ 2 คือ Piṅgalātreya-sūtra ซึ่งมีเนื้อหาคล้ายกับ Tridaṇḍi-sūtra ที่ปรากฏในโครงสร้างของคัมภีร์ทีรฆาคมะของนิกายสรวาสติวาท อีกทั้งผู้วิจัยได้พบว่าโครงสร้างของ Tridaṇḍi-sūtra และ Piṅgalātreya-sūtra คล้ายกับพระสูตรในคัมภีร์บาลี 2 พระสูตร และสันนิษฐานว่า พระสูตรทั้งหลายเหล่านี้มาจากแหล่งที่เป็นต้นกำเนิดเดียวกัน
- Publicationกัจจายนสุตตนิเทส กัณฑ์ที่ 1-2 (สนธิและนาม) : การตรวจชำระและศึกษาพระมหาธิติพงศ์ เข็มสันเทียะ (2007)วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อปริวรรตและตรวจชำระคัมภีร์กัจจายนสุตตนิเทสกัณฑ์ที่ ๑ – ๒ (สนธิ-นาม) เพื่อศึกษาในด้านเนื้อหา วิธีการนำเสนอสาระทางไวยากรณ์ ตลอดถึงวิธีจาร ลงในใบลาน เป็นคัมภีร์อธิบายสูตรของคัมภีร์กัจจายนะ อนึ่ง คัมภีร์กัจจายนสุตตนิเทสนี้ แต่งขึ้นที่ประเทศพม่า โดยพระสัทธัมมโชติปาลเถระ ประมาณศตวรรษที่ ๒๐ ในการตรวจชำระได้ใช้ต้นฉบับเทพชุมนุม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งจารขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งจารได้สมบูรณ์กว่าทุกฉบับมาเป้นต้นฉบับ แล้วนำฉบับอื่นที่หาได้และมีความสมบูรณ์พอที่จะนำมาตรวจชำระ ที่มีอยู่ในหอสมุดแห่งชาติ ๔ ฉบับ คือ ฉบับชาดทึบ-ล่องชาด, ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา, ฉบับล่องชาด ไม้ประกับทาชาด และฉบับล่องชาด ไม้ประกับลายกำมะลอ พร้อมกันนั้นก็ได้นำฉบับอักษรพม่าและอักษรสีหลมาตรวจสอบเทียบเคียงอีก ๒ ฉบับ รวมเป็น ๗ ฉบับ ในด้านเนื้อหาคัมภีร์กัจจายนสุตตนิเทส (สนธิ-นาม) แบ่งเนื้อหาออกเป็น ๕ บท คือ บทที่ ๑ ว่าด้วยบทนำ พรรณนาถึงความเป็นมา ความสำคัญของปัญหา วิธีดำเนินการวิจัย และการตรวจสอบชำระคัมภีร์ บทที่ ๒ ว่าด้วยการศึกษาวิเคราะห์กัจจายนสุตตนิเทส (สนธิและนาม) ในด้านต่างๆ คือ ความหมาย ประวัติผู้แต่ง สมัยที่แต่ง รวมทั้งเนื้อหาของคัมภีร์กัจจายนสุตตนิเทส เฉพาะสนธิและนาม ต้นฉบับตัวเขียนที่ใช้ในการวิจัยตรวจสอบชำระ วิวัฒนาการความเป้นมาของการจารและคัดลอก ข้อผิดพลาดในการจารแต่ละฉบับ บทที่ ๓ ว่าด้วยกัจจายนสุตตนิเทส (สนธิและนาม) ที่ปริวรรตชำระตรวจสอบแล้ว
- Publicationการตรวจชำระและแปลคัมภีร์จตุรารักขาอรรถกถาบาลีสุปราณี พณิชยพงศ์ (สุขุมวิทการพิมพ์, 2020)
- Publicationการตรวจชำระและศึกษาพุทธานุสสติในคัมภีร์จตุรารักขาอรรถกถาบาลีสุปราณี พณิชยพงศ์; Supranee Panitchayapong (2019)การปฏิบัติธรรมแบบพุทธานุสสติ (การระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ได้รับการสรรเสริญจาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เป็นเลิศกว่าบรรดากรรมฐานทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้ จึงถูกจัดเป็นกรรมฐานตัวแรกของจตุกรรมฐานซึ่งเป็นที่นิยมปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในหมู่พระภิกษุ สามเณร และพุทธบริษัทในประเทศแถบเอเชียใต้ และเอเชียอาคเนย์ เช่น ศรีลังกา ไทย และเมียนมาร์ เป็นต้น งานวิจัยนี้ศึกษาการเจริญพุทธานุสสติในคัมภีร์นอกพระไตรปิฎกบาลีฉบับหนึ่ง ชื่อว่า “จตุรารักขาอรรถกถา” แม้ว่าจะมีเอกสารใบลานคัมภีร์จตุรารักขาอรรถกถาเป็นจำนวนมากถูกเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ และวัดวาอารามต่าง ๆ ในประเทศไทย แต่ยังไม่พบว่า คัมภีร์ฉบับนี้ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่สำหรับผู้อ่านแต่อย่างใด ดังนั้นก่อนที่จะศึกษาเนื้อหาในคัมภีร์ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการตรวจชำระการปฏิบัติธรรมแบบพุทธานุสสติก่อน โดยการตรวจชำระนี้ ได้ใช้เอกสารใบลานอักษรขอมที่เก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพ ฯ จำนวน 5 ฉบับ จากนั้นจะเป็นการวิเคราะห์รายละเอียดอื่น ๆ ของคัมภีร์ ได้แก่ ลักษณะของเอกสารใบลานคัมภีร์ จตุรารักขาอรรถกถา ผู้แต่งและวันที่แต่ง สถานที่แต่งและการแพร่หลาย รวมทั้งเนื้อหาสำคัญของคัมภีร์ การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า ผู้แต่งคัมภีร์จตุรารักขาอรรถกถามีความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาบาลีเป็นอย่างดี ท่านสามารถที่จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พุทธานุสสติ คือ การปฏิบัติธรรมโดยการระลึกถึงคุณสมบัติของกายสองกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ รูปกาย และธรรมกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่เหนือปรากฏการณ์ธรรมชาติ และเป็นเรื่องอจินไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณสมบัติของพระธรรมกายของพระองค์นั้นมีมากเหลือคณานับไม่มีที่สิ้นสุด คุณสมบัติเหล่านั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงที่พบได้ทั่วไปในอรรถกถาบาลีทั้งหลายซึ่งถูกแต่งขึ้นในช่วงราวศริสต์ศตวรรษที่ 4-5
- Publicationการตรวจสอบชำระการศึกษาเชิงวิเคราะห์ คัมภีร์โลกสัณฐานโชตรตนคัณฐีทองคำ สุธรรม; Sutham, Thongkam (1990)
- Publicationการตรวจสอบชำระและการศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์ปริตตสังเขปบุญจันทร์ ทิพชัย; Thipshai, Boonchan (1990)
- Publicationการศึกษาการสืบสายคัมภีร์ใบลานจากศัพท์ต่างที่ปรากฏ : กรณีศึกษาคัมภีร์ทีฆนิกายฉบับใบลานอักษรขอมบรรเจิด ชวลิตเรืองฤทธิ์; Chaowarithreonglith, Bunchird (2022)โครงการพระไตรปิฎกวิชาการได้ทำงานสำรวจและรวบรวมต้นฉบับใบลานคัมภีร์ทีฆนิกายจากคัมภีร์ใบลาน 5 สายจารีต ได้แก่ สายอักษรสิงหล พม่า ขอม ธรรม และมอญ รวมทั้งสิ้นมากกว่า 100 ฉบับ แล้วคัดเลือกต้นฉบับใบลานเก่าแก่และเหมาะสมที่สุดจากแต่ละสายจารีตจำนวนทั้งสิ้น 48 ฉบับ เพื่อนำมาศึกษาเปรียบเทียบ การศึกษาเปรียบเทียบต้นฉบับใบลานจำนวนมากเช่นนี้ นอกจากจะช่วยให้มองเห็นความคลาดเคลื่อนในการสืบทอดคัมภีร์ใบลานสายต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนแล้ว ยังช่วยให้สาวย้อนกลับไปหาคำอ่านดั้งเดิมได้อย่างถูกต้องแม่นยำอีกด้วย ศัพท์ต่างระหว่างต้นฉบับใบลานที่เป็นพระไตรปิฎกบาลีทั้งที่ปรากฏข้ามสายอักษรและทั้งที่ปรากฏอยู่ในสายอักษรเดียวกันเปรียบเสมือนจิ๊กซอว์เล็ก ๆ ที่เมื่อนำมาต่อเข้าด้วยกันแล้วจะทำให้เห็นภาพใหญ่ของการสืบทอดคัมภีร์พระไตรปิฎกบาลีได้ บทความนี้ได้มุ่งเน้นศึกษาจิ๊กซอว์ดังกล่าวที่พบในต้นฉบับใบลานอักษรขอมของคัมภีร์ทีฆนิกาย จนนำไปสู่ข้อสรุปว่า ประเทศไทยสามารถรักษาสืบทอดคัมภีร์พระไตรปิฎกบาลีมาได้อย่างตลอดต่อเนื่อง แม้จะประสบวิกฤตปัญหาที่คัมภีร์ใบลานได้สูญหายหรือถูกทำลายไปตามธรรมชาติหรือศึกสงครามต่าง ๆ อาทิเช่น เมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่สอง เป็นต้น อีกทั้งยังสันนิษฐานได้อีกว่าพระไตรปิฎกบาลีฉบับใบลานอักษรขอมน่าจะมีการสืบสายต่อกันมาอย่างน้อย 2 สายย่อย คือ ต้นฉบับสายก่อนกรุงรัตนโกสินทร์ และต้นฉบับสายกรุงรัตนโกสินทร์
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์สัพคุรุปเทสของพระพุทธศาสนาในล้านนาพระมหาสิทธิชัย ปัญญาไวย์; Panyawai, Phramaha Sittichai (2021)การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประวัติความเป็นมาเนื้อหาและโครงสร้างของคัมภีร์สัพคุรุปเทส วัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ 2) เพื่อปริวรรตและตรวจชำระคัมภีร์สัพคุรุปเทสวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ จากอักษรล้านนาเป็นอักษรไทย และ 3) เพื่อวิเคราะห์เนื้อหาความสัมพันธ์และคุณค่าในคัมภีร์สัพคุรุปเทส วัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ เป็นการวิจัยเชิงเอกสารโดยการวิเคราะห์เนื้อหาข้อมูล โครงสร้างของคัมภีร์ และตรวจชำระให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ภาษาบาลีผลการวิจัยพบว่า 1. ศึกษาประวัติความเป็นมาเนื้อหาและโครงสร้างของคัมภีร์สัพคุรุปเทส วัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่นจังหวัดแพร่ พบว่า มีประวัติความเป็นมาเป็นคัมภีร์ที่จารึกไว้ที่วัดวิชุลลมหาวิหาร หลวงพระบาง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นวิสัชชนาถวายแก่สมเด็จพระเจ้าล้านช้าง และพระครูบากัญจนอรัญญวาสีมหาเถร วัดสูงเม่น เป็นประธานร่วมกับเจ้าหลวงเมืองแพร่ เจ้าราชวงศ์หลวงพระบางคัดลอกเมื่อปี พ.ศ. 2380 ด้วยอักษรล้านนาและอัญเชิญมาไว้ที่หอธัมม์วัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่มีทั้งหมด 8 ผูก 2. เพื่อปริวรรตและตรวจชำระคัมภีร์สัพคุรุปเทส วัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ จากอักษรล้านนาเป็นอักษรไทย พบว่า มีการปริวรรตและตรวจชำระเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพระไตรปิฎกอรรถกถาฎีกา ฉบับบาลี โดยนำมาเปรียบเทียบกับฉบับที่พิมพ์เป็นภาษาบาลีอักษรไทย และเทียบเคียงกับคำแปลที่อธิบายในคัมภีร์ได้ 3. เพื่อวิเคราะห์เนื้อหาความสัมพันธ์และคุณค่าในคัมภีร์สัพคุรุปเทส วัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่นจังหวัดแพร่ พบว่าการวิเคราะห์เนื้อหาเรื่องสีมาอุโบสถ บริขาร เสนาสนะ ครุภัณฑ์ของสงฆ์ การปรับอาบัติตามลำดับ กฎหมายโลกบัญญัติ การรับโทษทัณฑ์ตามผลกรรม
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์สัพคุรุปเทสของพระพุทธศาสนาในล้านนาพระมหาสิทธิชัย ปัญญาไวย์; Panyawai, Phramaha Sittichai (2017)The objectives of the research were 1) to explore the historical background, content, and structure of Sabgurupadesa Scripture which belongs to Wat Sung Men Sung Men District, Phrae province 2) to transliterate and inspect the scripture from Lanna alphabet into Thai alphabet 3) to analyze essentials relationship and value in Sabgurupadesa Scripture of Wat Sung Men Sungmen District, Phrae province. The study showed that the Sabgurupadesa Scripture was originated at Wat Wichunla Mahavihara in Luang Prabang, Lao PRD. The questions on the Tripitaka were made by the King of Lanchang and were all answered by the Elder monks who experts in Tipitaka. Later in 2380 B.A., Venerable Kruba Kanjana Aranyavasi Maha Thera co-chaired with the ruler of Phrae and Luang Prabang Royal Family; they copied this scripture from the original language into the Lanna Tham Alphabet and kept in the Buddhist Library at Wat Sung Men, Sung Men district, Phrae province. According to Sabgurupadesa Scripture, there were eight books and forty to fifty chapters. They were differences of the general Buddhist scriptures which always start with the respected stanza and ending with epilogue stanza. In another hand, as the beginning of the scripture, there was started by a list of elder monks names who experts at the Tripitaka. Their works were to answer the king’s questions on Tipitaka. Therefore, the consecrated assembly hall issue was the beginning of the scripture. The ways of transliterating and inspect the scripture from Lanna alphabet into Thai alphabet by comparing with the explanation of the scripture due to analyzing the explanations of the essences of Vinaya Pitaka that consisted of the Uposatha, Requisite of Robe, Bed and Seat, Durable Equipment, Allowable Things for monks, punishment of the offences in each revels. Moreover, there were the ancient criminal laws of the government officers and also the result of bad actions afterlife (Karma Viphaka). In addition, there were still to have the respected poetry of the Buddha and his great followers, the quality of ordinated able person, the types of person who the monks should pay and not respected to, allowanced and not allowanced types and color of the rope, permission of agreement, consecrated assembly hall and its cancellation, the ordination, the Kathin ceremony, measurement systems have appeared in the Samkhyapakasakapakadika and the history of the Buddha was also described in this scripture. Furthermore, the study also found the relationship between the Buddhist disciplines and other knowledge. For examples, traditional norms, law registration those for supporting and increasing fair economy and society. Thus, fundamental disciplines were the five precepts of Buddhism which was the ways of Buddhists’ educated that was the value of Sabgurupadesa Scripture in term of supporting harmony. Therefore, it was preventing the incorrect interpretation of the Buddha teaching Bali language due to maintaining the sustainable of Buddhism in the long run.
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์สัมพันธจินตามานิต ชาวโพธิ์เอน; Shaopo-en, Manit (1989)วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจชำระ แปล และศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์สัมพันธจินตา อันเป็นคัมภีร์บาลีไวยากรณ์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหลักวากยสัมพันธ์ของพระสังฆรักขิตเถระ ชาวลังกา รจนาในราวคริสต์ศตวรรษที่ 12 ในการตรวจชำระไค้ใช้ต้นฉบับใบลานในประเทศไทย 6 ฉบับ ต้นฉบับพิมพ์ในต่างประเทศ 2 ฉบับ คือ ฉบับของสหภาพพม่า และศรีลังกา นำมาตรวจสอบกับฎีกาฉบับพิมพ์ของสหภาพพม่าอีก 1 ฉบับ รวมเป็น 9 ฉบับ การวิจัยพบว่าในบรรดาบาลีไวยากรณ์ต้นสายที่สำคัญ 2 สาย คือ กัจจายนไวยากรณ์และโมคคั¬ลลานไวยากรณ์ คัมภีร์สัมพันธจินตามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับกับโมคคัลลานไวยากรณ์มาก ทั้งด้านสูตร ตัวอย่าง และสำนวนภาษาโดยเฉพาะสูตรนั้นเป็นสูตรของโมคคัลลานไวยากรณ์ทั้งหมด ความเกี่ยวพันด้าน ตัวอย่าง และสำนวนภาษานั้น แม้จะมีกับคัมภีร์อัษฎาธยายีไวยากรณ์สันสกฤตของปาณินีด้วย ก็เข้าใจว่าโดยผ่านทางโมคคัลลานฺไวยากรณ์ มิไค้เป็นการดัดแปลงมาจากอัษฎาธยายีโดยตรง ในด้านเนื้อหา พระสังฆรักขิตไค้อาศัยสูตร ‘การก’ ที่รวมอยู่ในสยาทิกัณฑ์ของคัมภีร์โมคคัลลานไวยากรณ์เป็นหลักในการเขียนคำอธิบาย โดยนำเอาสูตรและหลักเกณฑ์ที่สำคัญมาจัดเรียบเรียงใหม่ แบ่งเป็น 5 หัวข้อ คือ กริยา การก สัมพันธะ อนุตตะ และวุตตะ ตามลำดับ จุดเด่นของคัมภีร์สัมพันธจินตา จึงอยู่ที่การจัดลำดับเนื้อหาวากยสัมพันธ์ภาษาบาลี ด้วยระบบที่มีระเบียบกว่าลักษณะของการเสนอเรื่องเดียวกันในคัมภีร์ไวยากรณ์มีสูตรทั่วไป
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์โสตัพพมาลินีพระครูศรีวรพินิจ (สมคิด คมฺภีรญาโณ); Phrakhru Sriworapinij (Somkid Gambhīranāno) (2014)งานวิจัยเรื่อง การศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์โสตัพพมาลินี มีวัตถุประสงค์การศึกษาวิจัย ๓ ประการ คือ (๑)เพื่อศึกษาประวัติและพัฒนาการของคัมภีร์โสตัพพมาลินีฉบับวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ (๒)เพื่อปริวรรตตรวจชำระคัมภีร์โสตัพพมาลินี ฉบับวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นภาษาบาลี อักษรไทย และ แปลเป็นภาษาไทย (๓)เพื่อวิเคราะห์คัมภีร์โสตัพพมาลินี ฉบับวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ จากผลการวิจัยพบว่า คัมภีร์โสตัพพมาลินีฉบับวัดสูงเม่น จังหวัดแพร่ เป็นคัมภีร์ใบลานที่จารคัดลอกมาจากวัดวิชุนราช เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว โดยครูบากัญจนอรัญวาสีมหาเถรแห่งวัดสูงเม่น ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๓๗๙ โดยมีหลักเกณฑ์การปริวรรตคือ (๑) ปริวรรตตามต้นฉบับ (๒) ยึดตามสำเนียงของการอ่าน และ (๓) สามารถแปลความหมายเป็นภาษาไทยได้ การตรวจชำระ กระทำโดยการเทียบเคียงกับฉบับที่ปริวรรตจากตัวอักษรขอม เพื่อให้สามารถแปลเนื้อหาที่จะนำมาเป็นประโยชน์ในการศึกษาพระพุทธศาสนาและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตได้ คัมภีร์โสตัพพมาลินีแต่งขึ้นเพื่อแนะนำวิธีการฟังธรรมที่ถูกต้อง ทุกเรื่องในคัมภีร์ล้วนแต่เป็นการตั้งใจฟังพระสัทธรรมโดยความเคารพไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้แสดงก็ตาม หากฟังด้วยความเคารพและนำไปปฏิบัติย่อมเกิดปัญญา เพื่อการดับทุกข์ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสะท้อนให้เห็นว่า การจะบรรลุถึงองค์ธรรมที่แท้จริงนั้น ไม่เพียงจะให้ความสำคัญกับผู้แสดงหรือเนื้อหาธรรม แต่ผู้ฟังจะต้องมีศรัทธาในพระรัตนตรัยเป็นเบื้องต้นด้วย การแต่งคัมภีร์มีลักษณะเป็นความเรียงร้อยแก้วล้วน เน้นความชัดเจน เข้าใจง่าย รัดกุม และมีวิธีการนำเสนอไปตามลำดับการแต่งคัมภีร์บาลีโดยทั่วไป คือ อุทเทส นิทเทส และปฏินิทเทส โดยรวบรวมข้อมูลจากคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา เช่น พระไตรปิฎก อรรถกถา รวมถึงนิทานพื้นบ้านศรีลังกามาเล่าประกอบ เมื่อนำหลักเทสนาหาระในคัมภีร์เนตติปกรณ์มาวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของการฟังธรรม พบว่า การฟังธรรมโดยความเคารพมีข้อดี คือนำมาซึ่งความสุข ปัญญา กระทั่งความหลุดพ้นมาสู่ตน แต่หากตั้งใจฟังธรรมโดยไม่ระวังหรือรอบคอบ อาจทำให้เกิดทุกข์แก่ตนเองและคนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม คัมภีร์ได้ชี้ทางออกของปัญหาไว้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละบุคคล แต่ล้วนเริ่มต้นจากการตั้งใจฟังโดยความเคารพและศรัทธา เพื่อใช้ปัญญาที่เกิดขึ้นเป็นกุญแจเปิดประตูสู่ความหลุดพ้นหรืออย่างน้อยให้ได้รับผลตามที่ต้องการ ดังช้างที่สามารถยกตนเองขึ้นจากหล่มได้ฉันใด บุคคลย่อมยกตนขึ้นจากกิเลสได้ฉันนั้น.
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์โสตัพพมาลินีพระครูศรีวรพินิจ (สมคิดคมฺภีราโณ); Phrakhrusriworapinij (2017)งานวิจัยเรื่อง การศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์โสตัพพมาลินี มีวัตถุประสงค์การศึกษาวิจัย ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาประวัติและพัฒนาการของคัมภีร์โสตัพพมาลินีฉบับวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ (๒) เพื่อปริวรรตตรวจชำระคัมภีร์โสตัพพมาลินี ฉบับวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นภาษาบาลีตัวอักษรไทย และแปลเป็นภาษาไทย (๓) เพื่อวิเคราะห์คัมภีร์โสตัพพมาลินี ฉบับวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ผลการวิจัยพบว่า คัมภีร์โสตัพพมาลินีฉบับวัดสูงเม่น จังหวัดแพร่ เป็นคัมภีร์ใบลานที่จารคัดลอกมาจากวัดวิชุนราช เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว โดยครูบากัญจนอรัญวาสีมหาเถรแห่งวัดสูงเม่น ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๗๙ โดยมีหลักเกณฑ์การปริวรรตคือ (๑) ปริวรรตตามต้นฉบับ (๒) ยึดตามสำเนียงของการอ่าน และ (๓) สามารถแปลความหมายเป็นภาษาไทยได้ การตรวจชำระ กระทำโดยการเทียบเคียงกับฉบับที่ปริวรรตจากภาษาขอม เพื่อให้สามารถแปลเนื้อหาที่จะนำมาเป็นประโยชน์ในการศึกษาพระพุทธศาสนาและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตได้ คัมภีร์โสตัพพมาลินีแต่งขึ้นเพื่อแนะนำวิธีการฟังธรรมที่ถูกต้อง ทุกเรื่องในคัมภีร์ล้วนแต่เป็นการตั้งใจฟังพระสัทธรรมโดยความเคารพไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้แสดงก็ตาม หากฟังด้วยความเคารพและนำไปปฏิบัติย่อมเกิดปัญญา เพื่อการดับทุกข์ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสะท้อนให้เห็นว่า การจะบรรลุถึงองค์ธรรมที่แท้จริงนั้น ไม่เพียงจะให้ความสำคัญกับผู้แสดงหรือเนื้อหาธรรม แต่ผู้ฟังจะต้องมีศรัทธาในพระรัตนตรัยเป็นเบื้องต้นด้วย การแต่งคัมภีร์มีลักษณะเป็นความเรียงร้อยแก้วล้วนเน้นความชัดเจน เข้าใจง่าย และรัดกุม และนำเสนอไปตามลำดับการแต่งคัมภีร์บาลีโดยทั่วไป คือ อุทเทสนิทเทสและปฏินิทเทสโดยรวบรวมข้อมูลจากคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา เช่น พระไตรปิฎก อรรถกถา รวมถึงนิทานพื้นบ้านศรีลังกามาเล่าประกอบ เมื่อนำหลักเทสนาหาระในคัมภีร์เนตติปกรณ์มาวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของการฟังธรรมพบว่า การฟังธรรมโดยความเคารพมีข้อดีคือนำมาซึ่งความสุข ปัญญา กระทั่งความหลุดพ้นมาสู่ตน แต่หากตั้งใจฟังธรรมโดยไม่ระวังหรือรอบคอบอาจทำให้เกิดทุกข์แก่ตนเองและคนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตามคัมภีร์ได้ชี้ทางออกของปัญหาไว้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละบุคคล แต่ล้วนเริ่มต้นจากการตั้งใจฟังโดยความเคารพและศรัทธา เพื่อใช้ปัญญาที่เกิดขึ้นเป็นกุญแจเปิดประตูสู่ความหลุดพ้นหรืออย่างน้อยให้ได้รับผลตามที่ต้องการ ดังช้างที่สามารถยกตนเองขึ้นจากหล่มได้ฉันใด บุคคลย่อมยกตนขึ้นจากกิเลสได้ฉันนั้น.
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์เรื่องชินกาลมาลีปกรณ์คมกฤษณ์ ศิริวงษ์; Siriwong, Comkrit (1980)
- Publicationการศึกษาเชิงวิเคราะห์เรื่องโลกุปปัตติสมพงษ์ ปรีชาจินดาวุฒิ; Preechajindawut, Sompong (1985)วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ที่จะ ตรวจสอบชำระ แปล และศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์โลกุปปัตติ คัมภีร์นี้เป็นผลงานการแต่งของ พระสิริสมันตภัททบัณฑิตพระภิกษุชาวพม่า แห่งอาณาจักรพุกาม ซึ่งแต่งขึ้นเมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ในสมัยที่การศึกษาภาษาบาลีในอาณาจักรพุกามกำลังเจริญรุ่งเรือง คัมภีร์โลกุปปัตตินี้ เป็นวรรณกรรมโลกศาสตร์ภาษาบาลีเรื่องหนึ่งในจำนวน 11 เรื่อง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเวลานี้ เนื้อหาของคัมภีร์กล่าวถึง โลก 3 คือ สังขารโลก สัตวโลก โอกาสโลก การเกิดขึ้นและการเสื่อมสลายของโลกทั้ง 3 นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับ ทวีป มหาสมุทร ภูเขา ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ นักษัตร และวิถีโคจรของดวงดาวในจักรวาลการ กำหนด วัน เดือน ปี และยังได้บรรยายถึงรายละเอียดของส่วนประกอบของโลกตลอดจนสรรพสัตว์ในโลกที่เกิดขึ้นและดับไปตามหลักปฏิจจสมุปบาทผู้ประพันธ์ได้อาศัย พระไตรปิฏก อรรถกถา และฏีกาเป็นหลักฐานโดยตลอด คัมภีร์นี้มีคุณค่าต่อวรรณกรรมโลกศาสตร์ที่แต่งในสมัยหลังเพราะมีการอ้างถึงในเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง จันทสุริยคติทีปนี จักกวาฬทีปนี และติโลกทีปนี คำประพันธ์ที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นคำประพันธ์ประเภทร้อยแก้ว โดยมีร้อยกรองแทรกอยู่บ้าง ร้อยกรองที่ปรากฏในเรื่องส่วนมากคัดมาจากคัมภีร์พระไตรปฏก อรรถกถา หรือฏีกา ส่วนที่แต่งเองมีอยู่บ้างเพียงเล็กน้อยเป็นที่น่าสังเกตว่า เนื้อเรื่องที่กล่าวถึง โอกาสโลก ภูมิศาสตร์และดาราศาสตร์ ในไตรภูมิพระร่วงคล้ายคลึงกับเรื่องโลกุปปัตติทั้งนี้เข้าใจว่า เนื้อเรื่องส่วนนี้ในคัมภีร์ทั้ง 2 คงจะมาจากที่เดียวกัน ข้อเสนอแนะในงานวิจัยคือ ในวรรณกรรมโลกศาสตร์ภาษาบาลีทั้ง 11 เรื่องได้มีผู้ศึกษาเพียงบางเรื่อง เรื่องที่ยังไม่มีผู้ศึกษาคือ ฉคติทีปนี มหากัปปโลกสัณฐานปัญญัตติ จันทสุริยคติทีปนี โลกทีปนี โอกาสโลกทีปนี และโลกสัณฐานโชตรณคันถี น่าจะมีผู้ศึกษาเรื่องดังกล่าวมานี้ เพื่อทราบเนื้อหาและทัศนะที่ปรากฏในวรรณกรรมโลกศาสตร์ภาษาบาลีโดยตลอด
- Publicationการศึกษาเปรียบเทียบพระไตรปิฎก ใบลานอักษรขอมคัมภีร์มัชฌิมนิกาย ที่พบในประเทศไทยและกัมพูชาสุชาดา ศรีเศรษฐวรกุล; SriSetthaworakul, Suchada (2021)คัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานบาลี มีการจารึกสืบทอดกันมาเป็น 4 สายจารีตใหญ่ คือ สายอักษรสิงหล (ในศรีลังกา) สายอักษรพม่า สายอักษรขอม (ในไทยและกัมพูชา) และสายอักษรธรรม (ในล้านนา ล้านช้างและภาคอีสานของไทย) คัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานบาลีในไทย ตั้งแต่โบราณจารึกด้วยอักษรขอมเป็นหลัก เนื่องจากถือกันว่าเป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่จะศึกษาคัมภีร์พระไตรปิฎกรวมถึงอรรถกถาฎีกาจึงต้องศึกษาอักษรขอมก่อน จึงเกิดเป็นประเด็นปัญหาขึ้นว่า คัมภีร์ใบลานบาลีอักษรขอมที่พบในประเทศไทยและที่พบในประเทศกัมพูชาสืบมาจากสายเดียวกันหรือแยกสายกันมาเพียงแต่ใช้ตัวอักษรเหมือนกัน และในการสร้างพระไตรปิฎกฉบับวิชาการที่เนื้อหามีความถูกต้องสมบูรณ์ โดยการตรวจชำระด้วยการเปรียบเทียบเนื้อหาจากคัมภีร์ใบลานบาลีทั้ง 4 สายจารีตนั้น ฐานข้อมูลคัมภีร์สายจารีตอักษรขอมจำเป็นต้องใช้คัมภีร์ใบลานจากประเทศกัมพูชาด้วยหรือไม่ หรือใช้คัมภีร์ใบลานอักษรขอมจากประเทศไทยก็เพียงพอ ดังนั้น บทความวิจัยนี้ จึงได้ศึกษาวิจัยเนื้อหาคัมภีร์มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เริ่มตั้งแต่ช่วงท้ายของมหาสีหนาทสูตรจนถึงช่วงท้ายของอนุมานสูตร โดยใช้คัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานอักษรขอมที่พบในประเทศไทยจากวัดพนัญเชิงและหอสมุดแห่งชาติ จำนวนรวม 5 ฉบับ เปรียบเทียบคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานอักษรขอมจากวัดสาลาวอน กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาจำนวน 1 ฉบับ เพื่อสืบหาร่องรอยการสืบทอดของคัมภีร์จากทั้งสองประเทศ ผลการศึกษาบ่งชี้ว่า คัมภีร์ใบลานที่นำมาศึกษาเปรียบเทียบจากประเทศไทยและประเทศกัมพูชานั้น มีร่องรอยการสืบทอดที่ใกล้เคียงกันและแม้ว่าจะมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ ซึ่งผลการศึกษานี้สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้ทำการศึกษาวิจัยจากเอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์ จึงอาจสรุปได้ว่า คัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานบาลีของทั้งสองประเทศมีอิทธิพลต่อกันมาอย่างยาวนาน และมีความเป็นไปได้มากว่ามาจากสายสืบทอดเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ดังนั้นการใช้คัมภีร์ใบลานอักษรขอมจากประเทศไทยเป็นหลัก ก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับการตรวจชำระและจัดสร้างพระไตรปิฎกฉบับวิชาการ
- Publicationการศึกษาเปรียบเทียบพระไตรปิฎกบาลีฉบับใบลานเพื่อวินิจฉัยคำต่างในพระไตรปิฎกบรรเจิด ชวลิตเรืองฤทธิ์; Chaowarithreonglith, Bunchird (2019)บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงประวัติความเป็นมาโดยสังเขปของพระไตรปิฎก 4 ฉบับหลักที่ได้รับการอ้างอิงอย่างกว้างขวางในวงการศึกษาพระพุทธศาสนา คือ พระไตรปิฎกบาลีอักษรไทยฉบับสยามรัฐ พระไตรปิฎกบาลีอักษรพม่าฉบับฉัฏฐสังคีติ พระไตรปิฎกบาลีอักษรสิงหลฉบับพุทธชยันตี และพระไตรปิฎกบาลีอักษรโรมันฉบับสมาคมบาลีปกรณ์แห่งประเทศอังกฤษ พร้อมทั้งนำเสนอผลการศึกษาเปรียบเทียบพระไตรปิฎกบาลีฉบับใบลานจาก 5 สายจารีต คือ อักษรสิงหล อักษรพม่า อักษรมอญ อักษรขอม และอักษรธรรม เพื่อช่วยวินิจฉัยปัญหาคำต่าง (Variant reading) ที่พบในพระไตรปิฎก โดยจะยก “สุภสูตร” แห่งคัมภีร์ทีฆนิกายมาเป็นกรณีศึกษา เมื่อนำข้อความจากพระไตรปิฎกบาลีฉบับพิมพ์ทั้ง 4 ฉบับข้างต้นมาเปรียบเทียบกัน จะพบว่ามีข้อความหรือคำอ่านบางแห่งไม่ตรงกัน ทางวิชาการเรียกว่ามีคำต่างเกิดขึ้น ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าคำอ่านของพระไตรปิฎกบาลีฉบับใดเป็นคำอ่านที่ดั้งเดิมกว่ากัน หลักวิชาการที่ใช้ตอบปัญหานี้เรียกว่า การตรวจชำระเชิงวิเคราะห์ (Textual criticism) มีขั้นตอนตั้งแต่การรวบรวมคัมภีร์ใบลานเก่าแก่จากทุกสายจารีตนำมาเป็นต้นฉบับแล้วศึกษาเปรียบเทียบกันและนำหลักฐานอื่น เช่น อรรถกถา ฎีกา ฯลฯ มาประกอบการวิเคราะห์เพื่อวินิจฉัยหาคำอ่านที่ดั้งเดิมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผลการวิจัยครั้งนี้ทำให้ทราบว่า การสืบทอดพระไตรปิฎกบาลีมีความถูกต้องแม่นยำสูงมาก ผู้วิจัยพบคำต่างปรากฏอยู่ในสุภสูตรเพียง 6 เปอร์เซ็นต์ และไม่มีคำต่างใดทำให้ใจความหลักของพระสูตรเปลี่ยนไป อีกทั้งข้อมูลคำต่างที่พบยังฉายภาพให้เห็นพัฒนาการของภาษาบาลี ลักษณะการสืบทอดคัมภีร์พระไตรปิฎก และประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในเอเชียอาคเนย์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วย
- Publicationการศึกษาวิเคราะห์คัมภีร์อุตตรวินิจฉยฎีกาชํานาญ เกิดช่อ; Kerdchor, Chamnarn (2022)บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) แปลคัมภีร์อุตตรวินิจฉยฎีกาจากภาษาบาลีเป็นภาษาไทย2) ศึกษาโครงสร้าง ภาษา ความสัมพันธ์และศัพท์ของคัมภีร์อุตตรวินิจฉยฎีกา3)วิเคราะห์เนื้อหาสําคัญของคัมภีร์อุตตรวินิจฉยฎีกากับการวินิจฉัยทางกฎหมายในสังคมไทยเป็นการวิจัยเชิงเอกสารวิเคราะห์เนื้อหาและบรรยายเชิงพรรณนาผลการวิจัยพบว่า1.ด้านการแปล ผู้วิจัยแปลได้ 77หน้า จากต้นฉบับภาษาบาลี 116หน้า2. ด้านโครงสร้าง มี3ส่วน คือ 1) ปณามกถา 2) เนื้อหาเกี่ยวกับอาบัติปาราชิกเป็นต้น 3) นิคมนกถา, ด้านภาษา มีการใช้ตามหลักไวยากรณ์, ด้านความสัมพันธ์ มีเนื้อหาสัมพันธ์กับพระไตรปิฎก อรรถกถาสมันตปาสาทิกาและฎีกาสารัตถทีปนี, ด้านศัพท์ มีการกล่าวถึงศัพท์วิเคราะห์ เช่น ชินะ (ผู้ชนะมาร)3. ด้านการวิเคราะห์เนื้อหาสําคัญ พบว่า มีความผิดทั้งทางวินัยและทางกฎหมายโดยมีโทษหนักหรือเบาตามเหตุการณ์ที่ได้กระทําหรือปฏิบัติองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย คือ สํานวนการแปลภาษาไทยเป็นสํานวนแรกคัมภีร์นี้เป็นผลงานของพระวาจิสสรเถระชาวศรีลังกามีลักษณะเด่นคืออธิบายศัพท์และหลักการวินิจฉัยพระวินัยแบบสั้นตามต้นฉบับคืออรรถกถาอุตตรวินิจฉยะ เชื่อมโยงพระไตรปิฎก อรรถกถาและฎีกา
- Publicationการศึกษาวิเคราะห์จารึกตวลปราสาทในเชิงวรรณคดีศึกษาณัฐพล จันทร์งาม; Chan-ngam, Nattapon (2007)
- Publicationการศึกษาวิเคราะห์จารึกแม่บุญตะวันออกพระมหาปราโมทย์ แก้วนา; Kaewna, Phramaha Pramote (2016)วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแปลและวิเคราะห์ข้อความจารึกแม่บุญตะวันออก (K.528) จากต้นฉบับภาษาสันสกฤตเป็นภาษาไทยในเชิงวรรณคดีศึกษาและคุณค่าในเชิงวรรณศิลป์ รวมทั้งภาพสะท้อนทางวัฒนธรรมที่ปรากฏในจารึก เบื้องต้นผู้วิจัยได้ศึกษาศิลปะและสถาปัตยกรรมปราสาทแม่บุญตะวันออกโดยสังเขป พบว่ามีความสอดคล้องกับข้อความในจารึก ทั้งสถานที่ตั้ง สิ่งก่อสร้างและลักษณะทางศิลปะของสถาปัตยกรรมที่สามารถกำหนดได้เป็นศิลปะแบบแปรรูป อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 ผลการศึกษาจารึกแม่บุญตะวันออกพบว่า เนื้อหาของจารึกสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นบทสดุดีเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย ส่วนที่สองกล่าวถึงราชประวัติทางสายสกุลของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ส่วนที่สามเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในรัชสมัยของพระเจ้าราเชนทร- วรมันที่ 2 ส่วนท้ายของจารึกกล่าวถึงการถวายสิ่งของเครื่องใช้สอยและการประดิษฐานศรีราเชนทเรศวรลึงค์ รวมถึงแนวทางที่พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ชี้นำให้แก่เหล่าพระราชาในราชอาณาจักรได้ประพฤติตาม ด้านการเมืองการปกครอง พบว่าพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ว่ามีเชื้อสายเหมาะสมที่จะขึ้นครองราชย์ โดยพระองค์มีเชื้อสายทางพระราชมารดาเกี่ยวเนื่องกับอดีตกษัตริย์กัมพูชาสมัยเมืองพระนคร ถึงแม้ว่าพระราชบิดาของพระองค์จะมาจากเมืองภวปุระซึ่งก่อนหน้านี้เป็นดินแดนอิสระ ในขณะที่พระองค์ปกครองแผ่นดิน กวีกล่าวถึงพระองค์ว่า เป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่อยู่เหนือพระราชาองค์อื่น พระองค์ปกครองอาณาจักรทำให้แผ่นดินมีความรุ่งเรือง การขยายอาณาจักรเกิดจากความสามารถด้านการรบของพระองค์ หลักที่ใช้ในการปกครองส่วนใหญ่ได้ยึดตามแนวอรรถศาสตร์ของเกาฏิลยะเป็นสำคัญ ด้านศาสนา ปรากฏหลักความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์เรื่องพระตรีมูรติ รวมถึงความเชื่อเรื่องศักติ โดยมีไศวนิกายเป็นแกนหลัก ปรัชญาของลัทธิพราหมณ์ทั้ง 6 สำนัก ทั้งมีการอ้างถึงคัมภีร์ต่างๆ ทางศาสนาพราหมณ์ ตลอดจนเรื่องราวในมหากาพย์มหาภารตะ รามายณะ และเทพปกรณัม ด้านประเพณีและวัฒนธรรมสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับราชสำนักเป็นหลัก ราชพิธีที่สำคัญคือการประดิษฐานรูปเคารพยังศาสนสถานต่างๆ และพิธีเบิกพระเนตรเทวรูป รวมทั้งการบำเพ็ญบุญและพิธีกรรมทางศาสนาพราหมณ์ ทั้งนี้ยังพบว่ามีการใช้กระจกเงาในราชสำนักด้วย จารึกแม่บุญตะวันออกสะท้อนให้เห็นอัจฉริยภาพของกวีผู้แต่งว่ามีความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาสันสกฤตเป็นอย่างดี เนื้อหาและถ้อยคำที่กวีใช้แต่งจารึกมีคุณค่าในเชิงวรรณคดีอย่างชัดเจน กวีใช้ภาษาและรูปแบบการประพันธ์ตามลักษณะของการแต่งบทกวีนิพนธ์ สร้างอลังการอย่างหลากหลาย มีการเปรียบเทียบให้ผู้อ่านได้เห็นภาพ ปรากฏทั้งศัพทาลังการ คือ อลังการด้านเสียงได้แก่ ยมกและอนุปราสะ ทั้งอรรถาลังการซึ่งมีหลากหลาย โดยพบอลังการประเภทอุตเปรกษามากที่สุด รองลงมาก็เป็นอุปมาและรูปกะตามลำดับ โดยกวีผู้แต่งเลือกใช้ฉันท์ถึง 7 ชนิด สลับช่วงจังหวะลีลาการประพันธ์อย่างเหมาะสมและงดงามตามแบบวรรณศิลป์
- Publicationการสร้างฐานข้อมูลคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลาน: แนวทางการอ่านและปริวรรตคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลาน ในกรณีที่พบปัญหาตัวอักษรคลุมเครือสุชาดา ศรีเศรษฐวรกุล; SriSetthaworakul, Suchada (2017)บทความนี้เขียนขึ้นจากองค์ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์จริงในการสร้างฐานข้อมูลคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานทุกสายจารีต ของ “โครงการพระไตรปิฎกฉบับวิชาการ (DTP)” โดยบทความนี้นำเสนอกรณีศึกษาในการอ่านและปริวรรตเนื้อความคัมภีร์ใบลานสายอักษรขอมและอักษรธรรม ของพระไตรปิฎกทีฆนิกาย จากการศึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน พบว่าข้อความในคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานมีลักษณะต่างจากฉบับพิมพ์ คือ ไม่มีการเว้นวรรค มักไม่มีเครื่องหมายวรรคตอนที่ชัดเจน และมีลักษณะตัวอักษรที่คลุมเครือจำนวนมาก ตามแต่ลายมือของผู้จารแต่ละคน รวมทั้งความนิยมของแต่ละท้องถิ่นตามยุคสมัยด้วย จากการศึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน พบว่าข้อความในคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานมีลักษณะต่างจากฉบับพิมพ์ คือ ไม่มีการเว้นวรรค มักไม่มีเครื่องหมายวรรคตอนที่ชัดเจน และมีลักษณะตัวอักษรที่คลุมเครือจำนวนมาก ตามแต่ลายมือของผู้จารแต่ละคน รวมทั้งความนิยมของแต่ละท้องถิ่นตามยุคสมัยด้วย การอ่านและปริวรรตคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานที่ได้ผลดี จะต้องพิจารณาเนื้อความเป็นพยางค์ไม่ใช่เป็นตัวอักษรแต่ละตัว ผู้อ่านและปริวรรตคัมภีร์ใบลานที่มีความคุ้นเคยกับลักษณะตัวอักษรในภาษานั้นๆ เช่นชาวกัมพูชาอ่านใบลานอักษรขอม จะมีแนวโน้มอ่านตัวอักษรคลุมเครือได้ถูกต้องมากกว่า เพราะมีประสบการณ์การอ่านลายมือเขียนตัวอักษรในภาษานั้นๆมากกว่า และผู้อ่านที่มีความรู้หลักไวยากรณ์ภาษาบาลี ทำให้สามารถอ่านเข้าใจบริบทของเนื้อหา และอ่านตัวอักษรในฐานะที่เป็นภาษาไม่ใช่รูปภาพ จะอ่านและปริวรรตคัมภีร์ใบลานได้ถูกต้องมากกว่า การอ่านและปริวรรตคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานที่ได้ผลดี จะต้องพิจารณาเนื้อความเป็นพยางค์ไม่ใช่เป็นตัวอักษรแต่ละตัว ผู้อ่านและปริวรรตคัมภีร์ใบลานที่มีความคุ้นเคยกับลักษณะตัวอักษรในภาษานั้นๆ เช่นชาวกัมพูชาอ่านใบลานอักษรขอม จะมีแนวโน้มอ่านตัวอักษรคลุมเครือได้ถูกต้องมากกว่า เพราะมีประสบการณ์การอ่านลายมือเขียนตัวอักษรในภาษานั้นๆมากกว่า และผู้อ่านที่มีความรู้หลักไวยากรณ์ภาษาบาลี ทำให้สามารถอ่านเข้าใจบริบทของเนื้อหา และอ่านตัวอักษรในฐานะที่เป็นภาษาไม่ใช่รูปภาพ จะอ่านและปริวรรตคัมภีร์ใบลานได้ถูกต้องมากกว่า การอ่านและปริวรรตคัมภีร์ใบลานที่ได้ผลดี ผู้อ่านต้องทำความคุ้นเคยกับลายมือของผู้จารคัมภีร์ฉบับนั้นๆ เมื่อพบตัวอักษรที่คลุมเครือจะต้องพิจารณาเปรียบเทียบกับตัวอักษรคล้ายกันที่ปรากฏในที่อื่นๆของคัมภีร์จำนวนมากการสร้างฐานข้อมูลคัมภีร์พระไตรปิฎกจากชุดคัมภีร์ใบลานเป็นงานที่ท้าทาย และมีรายละเอียดมาก จะต้องแก้ปัญหาคำคลุมเครือที่พบในแต่ละจุดด้วยความละเอียดรอบคอบ มีหลักการในการแก้ปัญหาที่ชัดเจน โดยสั่งสมแนวทางการแก้ไขปัญหาที่พบจำนวนมากเป็นองค์ความรู้ในการอ่านและปริวรรตคัมภีร์ใบลาน เพื่อให้ได้ฐานข้อมูลที่มีเนื้อหาตรงตามต้นฉบับมากที่สุด